พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: บิดาจดทะเบียนรับรองสิทธิโอนมาเป็นของผู้รับรอง
กรณีที่บิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองบุตรย่อมอยู่แก่มารดา แต่ถ้าบิดาได้จดทะเบียนรับรอง บุตรนั้นก็เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาอำนาจปกครองย่อมโอนมาอยู่แก่บิดา ไม่ใช่อยู่แก่บิดาและมารดาทั้งสองคน
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 998/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจปกครองบุตร: บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร ย่อมมีอำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว
กรณีที่บิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตรนอกสมรส อำนาจปกครองบุตรย่อมอยู่แก่มารดา แต่ถ้าบิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตรนั้นก็เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา อำนาจปกครองยอมโอนมาอยู่แก่บิดา ไม่ใช่อยู่แก่บิดาและมารดาทั้งสองคน
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้.
ผู้ใช้อำนาจปกครองจะมีได้เพียงคนเดียว ผิดกับผู้ปกครองซึ่งอาจมีหลายคนได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934-936/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงตัดไม้เผาถ่าน: การบอกเลิกสัญญาเนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมายและการดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาต
การที่โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ตัดไม้เผาถ่านได้แล้วไปทำสัญญาให้จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่านอีกทอดหนึ่งแล้วต่อมาโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามมิให้เช่าช่วงและได้ทำทัณฑ์บนไว้ว่าจะไม่ฝ่าฝืนโจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยก่อนกำหนดเวลาในสัญญาที่ทำไว้ดังนี้ จำเลยจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ไม่ได้เพราะการได้รับอนุญาตทำไม้นั้นเป็นการเฉพาะตัวซึ่งจำเลยก็รู้อยู่แล้ว แต่ได้เข้าทำสัญญาโดยเสี่ยงต่ออุปสรรคที่จะเกิดขึ้น(ประชุมใหญ่ ครั้งที่15/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 934-936/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงตัดไม้ผิดกฎหมาย: โจทก์บอกเลิกสัญญาได้โดยไม่ต้องรับผิดค่าเสียหาย
การที่โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ตัดไม้เผาถ่านได้แล้วไปทำสัญญาให้จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่านอีกทอดหนึ่ง แล้วต่อมาโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามมิให้เช่าช่วงและได้ทำทัณฑ์บนไว้ว่าจะไม่ฝ่าฝืน โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยก่อนกำหนดเวลาในสัญญาที่ทำไว้ ดังนี้ จำเลยจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ไม่ได้ เพราะการได้รับอนุญาตทำไม้นั้นเป็นการเฉพาะตัวซึ่งจำเลยก็รู้อยู่แล้ว แต่ได้เข้าทำสัญญาโดยเสี่ยงต่ออุปสรรคที่จะเกิดขึ้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้คดีอาญาหมดอายุความ
ขับรถยนต์ชนรถยนต์เขาโดยประมาทจนถูกผู้ว่าคดีฟ้องคดีอาญาและศาลพิพากษาลงโทษแล้วเจ้าของรถที่ถูกชนย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 51วรรคสองมีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย แม้เกิน 1ปี นับแต่วันเกิดเหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแพ่งหลังคดีอาญา: ผู้เสียหายในคดีอาญามีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้แม้เกิน 1 ปี
ขับรถยนต์ชนรถยนต์เขาโดยประมาทจนถูกผู้ว่าคดีฟ้องคดีอาญาศาลพิพากษาลงโทษแล้ว เจ้าของรถที่ถูกชนย่อมเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตร 51 วรรค 2 มีสิทธิฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายแม้เกิน 1 ปี นับแต่วันเกิดเหตุได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยักยอกเงินเบิกจ่ายของราชการ ไม่ถือเป็นตัวแทนของผู้บังคับบัญชา
จำเลยที่ 1 รับราชการแขวงการทางจังหวัด เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ผู้กำกับแขวงการทางซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 เพื่อชำระค่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อจากโจทก์มาใช้ในราชการแขวงการทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ยักยอกเงินนั้นเสียดังนี้ แม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ก็เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบการจำเลยที่ 1 หาใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่ จะนำกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทนมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนทางกฎหมาย: ความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการและผู้บังคับบัญชา ไม่ถือเป็นตัวแทน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้กำกับแขวงการทางและมีหน้าที่รับเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับราชการแขวงการทางด้วยจำเลยที่ 1 เบิกเงินจากจำเลยที่ 2 ไป เพื่อชำระค่าสิ่งของที่จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อจากโจทก์มาใช้ในราชการแขวงการทางซึ่งอยู่ในหน้าที่ของจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 ยักยอกเงินเสียดังนี้ ถึงแม้จำเลยที่ 2 จะเป็นผู้บังคับบัญชาจำเลยที่ 1 ก็เป็นไปตามกฎหมายหรือระเบียบราชการ จำเลยที่ 1 หาใช่ตัวแทนของจำเลยที่ 2 ไม่จะนำกฎหมายเรื่องตัวการตัวแทนมาใช้บังคับแก่จำเลยที่ 2 ไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยเงินจากการยึดทรัพย์ ต้องแสดงหลักฐานการมอบอำนาจที่ชัดเจนและนำสืบ หากคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน ศาลจะไม่รับฟังพยานนอกเหนือจากที่นำสืบ
นายอร่ามผู้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยกับโจทก์แถลงไม่ติดใจสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องขอเฉลี่ย กับคำคัดค้านของโจทก์ เมื่อคำร้องขอเฉลี่ยไม่ได้ระบุว่าได้รับมอบอำนาจจากผู้ใด (โดยกล่าวลอย ๆ แต่ว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจ) ทั้งไม่มีหนังสือมอบอำนาจด้วย ก็ถือไม่ได้ว่านายอร่ามเป็นผู้รับมอบอำนาจจากผู้อื่น
แม้จะกล่าวในคำร้องว่าจำเลยเป็นลูกนี้ผู้ร้องในคดีแดงที่ 354/2504 แต่โจทก์ก็ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้นายอร่ามผู้ร้อง เมื่อนายอร่ามไม่นำสืบ ก็รับฟังไม่ได้
การที่ศาลจะนำข้อเท็จจริงในคดีที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยมาวินิจฉัยคดีนี้หรือคู่ใบมอบอำนาจในคดีดังกล่าวนั้นย่อมเป็นการรับฟังสำนวนหรือเอกสารในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อคู่ความแถลงไว้ว่าไม่ติดใจสื่บพยาน ทั้งขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องและคำคัดค้านด้วย ศาลก็จะรับฟังพยานดังกล่าวไม่ได้.
แม้จะกล่าวในคำร้องว่าจำเลยเป็นลูกนี้ผู้ร้องในคดีแดงที่ 354/2504 แต่โจทก์ก็ปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้นายอร่ามผู้ร้อง เมื่อนายอร่ามไม่นำสืบ ก็รับฟังไม่ได้
การที่ศาลจะนำข้อเท็จจริงในคดีที่ผู้ร้องอ้างมาขอเฉลี่ยมาวินิจฉัยคดีนี้หรือคู่ใบมอบอำนาจในคดีดังกล่าวนั้นย่อมเป็นการรับฟังสำนวนหรือเอกสารในสำนวนนั้นเป็นพยาน เมื่อคู่ความแถลงไว้ว่าไม่ติดใจสื่บพยาน ทั้งขอให้ศาลวินิจฉัยไปตามคำร้องและคำคัดค้านด้วย ศาลก็จะรับฟังพยานดังกล่าวไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 806/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิหักเงินเดือนชำระหนี้ - การหักเงินเดือนเพื่อชำระหนี้จากการยืมเงินที่มีข้อตกลง
โจทก์พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ฟ้องบังคับให้เทศบาลจำเลยจ่ายเงินเดือน ฯลฯ ซึ่งโจทก์มีสิทธิจะได้รับจำเลยให้การและแถลงว่า การที่ไม่จ่ายเงินตามฟ้อง เพราะโจทก์ยังเป็นลูกหนี้จำเลยอยู่ตามใบยืมโดยมีข้อสัญญากันไว้ในการยืมเงินว่า ถ้าไม่ใช้ก็ยอมให้หักเงินเดือนหรือเงินอื่นใดของผู้ยืมใช้จนครบได้โจทก์แถลงว่าได้มีข้อสัญญาระบุความตกลงยินยอมไว้เช่นนั้นจริง แต่เถียงว่าได้ชำระแก่จำเลยหมดแล้วดังนี้ถ้าหากโจทก์ยังมีหนี้สินติดอยู่จริง ดังจำเลยต่อสู้ จำเลยย่อมมีสิทธิตามสัญญาที่จะหักเงินตามฟ้อง เพื่อชำระหนี้ได้ หาจำต้องฟ้องแย้งขอหักหนี้เข้ามาอีกได้