พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญากู้ใหม่หรือรวมหนี้เดิม ไม่เป็นการแปลงหนี้ และการนำสืบที่มาของหนี้ไม่ถือเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกันนั้น อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อน ๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้ และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสาร เพราะแม้นำสืบได้ ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
หนี้เงินกู้ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยกันนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่ เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างไร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้นไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 522/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำสัญญากู้ใหม่ – ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของหนี้เดิม
หนี้เงินกู้ ซึ่งทำหนังสือกู้กันใหม่ โดยรวมจำนวนเงินกู้ครั้งหลังเข้าไว้ด้วยนั้น มิใช่เป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่เพราะไม่มีการเปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสารสำคัญแห่งหนี้แต่อย่างใด
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกัน อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อนๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารเพราะแม้นำสืบได้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
บุคคลที่เป็นหนี้เงินกู้ต่อกัน อาจตกลงทำหนังสือกู้กันใหม่หรือนำเงินกู้รายก่อนๆ มารวมในหนังสือกู้ครั้งหลังได้และการนำสืบถึงที่มาแห่งหนี้ตามหนังสือสัญญากู้ฉบับหลังย่อมมิใช่เป็นการสืบแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารเพราะแม้นำสืบได้ก็ไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไขความรับผิดตามเอกสาร
ผู้กู้จะขอนำสืบว่า ผู้ให้กู้เอาจำนวนดอกเบี้ยเกินอัตรามารวมเป็นต้นเงินในสัญญากู้ได้ เพราะเป็นการนำสืบว่าหนี้อันเกิดจากดอกเบี้ยเกินอัตรานั้น ไม่สมบูรณ์อย่างหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยขาดนัดพิจารณาคดี ศาลสืบพยานโจทก์ฝ่ายเดียวได้
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ ถึงกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202ศาลย่อมสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วพิพากษาคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 506/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา & เอกสารขีดฆ่าใช้เป็นหลักฐานได้หากปิดแสตมป์ครบ
ประมวลรัษฎากร มาตรา 118 บัญญัติเพียงว่า ตราสารใดที่ไม่ปิดแสตมป์ครบจำนวนและได้ขีดฆ่าแล้วจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ ไม่ได้บังคับถึงเวลาทีปิดหรือบุคคลผู้ปิดและขีดฆ่า
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202
ศาลกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบ พยานโจทก์จำเลยไม่มาศาล ถือว่า จำเลยขาดนัดพิจารณาความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 และมาตรา 202
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับจำนองและการฟ้องซ้ำ: สิทธิการฟ้องของโจทก์และการโต้แย้งสิทธิของจำเลย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินได้ต้องรับภาระหนี้จำนองแทนผู้จำนองเดิมและให้จำเลยไปจดทะเบียนการจำนองต่อหอทะเบียน ศาลพิจารณาฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องจึงพิพากษายกฟ้องโจทก์มาฟ้องใหม่ขอให้บังคับจำนองได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 501/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องบังคับจำนองกับการฟ้องให้รับภาระจำนอง ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ แม้เกี่ยวกับที่ดินแปลงเดียวกัน
คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้ประมูลซื้อที่ดินได้ต้องเป็นผู้รับภาระหนี้จำนองแทนผู้จำนองเดิมและให้จำเลยไปจดทะเบียนการจำนองต่อหะทะเบียน ศาลพิจารณาฟ้องแล้วเห็นว่าจำเลยยังไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้แสดงสิทธิจำนองแล้วพิพากษายกฟ้อง คดีหลังนี้ โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำนอง (ที่ดินแปลงเดียวกัน) ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาที่ยอมความได้ ทำให้สิทธิฟ้องระงับ และคำพิพากษาศาลล่างสิ้นผล
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ที่เป็นความผิดอันยอมความได้นั้นเมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอถอนฟ้องชั้นฎีกา และศาลฎีกาสั่งอนุญาตแล้วสิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไป คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปด้วยในตัว ไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างซึ่งให้ลงโทษจำเลยไว้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนฟ้องคดีอาญาที่ยอมความได้ ทำให้สิทธิฟ้องระงับ และคำพิพากษาศาลล่างเป็นอันระงับไปด้วย
ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ที่เป็นความผิดอันยอมความได้นั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายขอถอนฟ้องชั้นฎีกา และศาลฎีกาสั่งอนุญาตแล้ว สิทธินำคดีมาฟ้องย่อมระงับไป คำพิพากษาศาลล่างก็ย่อมระงับไปด้วยในตัวไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลล่างซึ่งให้ลงโทษจำเลยไว้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อยกเว้นการบังคับใช้ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน กับข้าราชการและพนักงานรัฐ
พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชนมาตรา 10 บังคับว่า บุคคลซึ่งต้องมีบัตรประจำตัว ต้องมีบัตรติดตัดหรือเก็บไว้ในลักษณะซึ่งจะแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้เสมอในเมื่อเรียกร้องให้แสดง ฯลฯ ถ้าฝ่าฝืนก็ถูกลงโทษ แต่ไม่บังคับแก่ผู้ที่มีบัตรประจำตัวข้าราชการ ฯลฯ และพนักงานองค์การแห่งรัฐเพราะความเช่นนั้น ไม่มีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน ฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการบังคับใช้ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชน กับ พ.ร.บ.บัตรประจำตัวข้าราชการฯ และพนักงานรัฐ
ผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนเท่านั้น ต้องมีบัตรติดตัวหรือเก็บไว้ในลักษณะที่จะแสดงได้เสมอตามความในมาตรา 10 และ ถ้าฝ่าฝืนก็ถูกลงโทษแต่ไม่บังคับแก่ผู้ที่มีบัตรประจำตัวข้าราชการฯลฯ และพนักงานองค์การแห่งรัฐ เพราะความเช่นนั้น ไม่มีบัญญัติไว้ พระราชบัญญัติ 2 ฉบับข้างบน แยกต่างหากจากกัน