พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่ชัดเจน การยกข้อต่อสู้ต้องระบุเหตุผลและข้อกฎหมายรองรับ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ฎีกาข้อหนึ่งมีจำเลยกล่าวว่า "โจทก์ไม่ควรได้รับทรัพย์รายพิพาททั้งหมด ดังข้อต่อสู้ของจำเลย" นั้นเป็นฎีกาที่มิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นอ้างอิง โดยชัดแจ้ง ศาลจึงไม่รับวินิจฉัยในข้อนี้ให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการแบ่งมรดก: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์การครอบครองร่วม หากพิสูจน์ไม่ได้ ฟ้องขาดอายุความ
โจทก์จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดกซึ่งตายมาประมาณ6 ปีแล้ว โจทก์เพิ่งฟ้องขอแบ่งมรดกฝ่ายจำเลยสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ฝ่ายโจทก์รับว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดกอยู่แต่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับจำเลยเป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบว่าฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองมรดกร่วมกับฝ่ายจำเลย หากโจทก์นำสืบไม่ได้ ก็ต้องถือว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องแบ่งมรดก: ผู้ฟ้องต้องพิสูจน์การครอบครองร่วม หากพิสูจน์ไม่ได้ ฟ้องขาดอายุความ
โจทก์จำเลยเป็นทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก ซึ่งตายมาประมาณ 6 ปีแล้ว โจทก์ เพิ่งฟ้องขอแบ่งมรดก ฝ่ายจำเลยสู้ว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ ฝ่ายโจทก์รับว่าจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองทรัพย์มรดกอยู่ แต่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมกับจำเลย เป็นหน้าที่ฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบว่า ฝ่ายโจทก์ได้ครอบครองมรดกร่วมกับฝ่ายจำเลย หากโจทก์นำสืบไม่ได้ก็ต้องถือว่าฟ้องของโจทก์ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559-1560/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดจากละเลยหน้าที่ กั้นทางรถไฟไม่ถูกต้อง นายจ้างต้องรับผิดร่วม
การละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 มีความหมายรวมทั้งการกระทำและละเว้นการกระทำอันบุคคลนั้น ๆ จะต้องกระทำด้วย และคำว่า "กระทำ" ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 ซึ่งให้นายจ้างร่วมรับผิดกับลูกจ้าง ก็หมายถึงการกระทำหรือละเว้นการกระทำตามนับที่กล่าว ในเมื่อการกระทำหรือละเว้นนั้นเป็นไปในทางการที่จ้างนายจ้างก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559-1560/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความรับผิดในละเมิด: การกระทำและละเว้นการกระทำของนายจ้างต่อลูกจ้าง
การละเมิดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 มีความหมายรวมทั้งการกระทำและละเว้นการกระทำอันบุคคลนั้นๆจะต้องกระทำด้วย และคำว่า "กระทำ" ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 425 ซึ่งให้นายจ้างร่วมรับผิดกับลูกจ้าง ก็หมายถึงการกระทำหรือละเว้นการกระทำตามนัยที่กล่าว ในเมื่อการกระทำหรือละเว้นนั้น เป็นไปในทางการที่จ้าง นายจ้างก็ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในบำนาญตกทอดภาคภรรยา แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว โจทก์ยังฟ้องยืนยันสิทธิได้ หากมิใช่การเรียกร้องจากกองมรดก
โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นภริยาของขุนนิทเทสสุขกิจ โดยได้สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ฝ่ายจำเลยก็อ้างว่าจำเลยเป็นภริยาขุนนิทเทสฯโดยจดทะเบียนสมรส โจทก์มิใช่ภริยา หลังจากขุนนิทเทสฯตายแล้ว จำเลยร้องขอจัดการมรดก โจทก์คัดค้าน ในที่สุดโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งทรัพย์มรดกกัน เงินบำนาญตกทอดในภาคภรรยาตกลงกันให้ตกแก่โจทก์ครั้นเมื่อโจทก์ขอรับเงินนี้ จำเลยก็ไปยื่นขอรับบำนาญตกทอดทั้งภาคภริยาและภาคบุตรอีก โดยแสดงทะเบียนสมรส กระทรวงการคลังจึงงดจ่ายเงินไว้จนกว่าศาลจะได้วินิจฉัยว่าใครเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน แม้ในสัญญาประนีประนอมยอมความจะมีว่าโจทก์จะไม่เรียกร้องทรัพย์สินสิทธิอย่างใดๆ จากกองมรดกของขุนนิเทสฯ นอกจากที่ได้ตกลงกันแล้วนั้นอีก โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิที่จะได้รับบำนาญตกทอดในภาคภรรยาแต่ผู้เดียวได้ เพราะไม่ใช่เป็นกรณีฟ้องเรียกทรัพย์สินกองมรดกหรือสิทธิในกองมรดก เพราะบำนาญตกทอดไม่ใช่เป็นมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1543/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับสิทธิรับบำนาญ: การฟ้องขอสถานะภรรยาไม่ขัดต่อสัญญา
โจทก์อ้างว่าโจทก์เป็นภริยาของขุนนิทเทศฯ โดยได้สมรสกันก่อนใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ฝ่ายจำเลยก็อ้างว่าจำเลยเป็นภริยาขุนนิทเทสฯ โดยจดทะเบียนสมรส โจทก์มิใช่ภริยา หลังจากขุนนิทเทสฯ ตายแล้ว จำเลยร้องขอจัดการมรดก โจทก์คัดค้าน ในที่สุดโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งทรัพย์มรดกกัน เงินบำนาญตกทอดในภาคภรรยาตกลงกันให้ตกแก่โจทก์ ครั้นเมื่อโจทก์ขอรับเงินนี้ จำเลยก็ไปยื่นขอรับบำนาญตกทอดทั้งภาคภริยาและภาคบุตรอีก โดยแสดงทะเบียนสมรส กระทรวงการคลังจึงงดจ่ายเงินไว้จนกว่าศาลจะได้วินิจฉัยว่าใครเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน แม้ในสัญญาประนีประนอมจะมีว่าโจทก์จะไม่เรียกร้องทรัพย์สินสิทธิอย่างใดๆ จากกองมรดกของขุนนิทเทสฯ นอกจากที่ได้ตกลงกันแล้วนั้นอีก โจทก์ก็ยังมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าโจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีสิทธิที่จะได้รับบำนาญตกทอดในภาพภรรยาแต่ผู้เดียวได้ เพราะไม่ใช่เป็นกรณีฟ้องเรียกทรัพย์สินกองมรดกหรือสิทธิในกองมรดกเพราะบำนาญตกทอดไม่ใช่เป็นมรดกของผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมเป็นข้อตกลงแพ้ชนะตามคำท้า
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรม ว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ตาย ซึ่งได้พิมพ์ไว้ในโฉนดจริงหรือไม่ แล้วยอมให้ศาลชี้ขาดตามนั้นเป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า " ไม่ใช่พิมพ์ลายนิ้วมือของพิมพ์ลายนิ้วมือนิ้วเดียวกัน" ดังนี้ ถือว่าตรงตามคำท้าซึ่งคู่ความได้ตกลงกันไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1497/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงท้าพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรม หากผลตรงตามที่ตกลงกัน ถือเป็นข้อแพ้ชนะ ศาลต้องบังคับตาม
ท้ากันให้ตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือในพินัยกรรมว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ตาย ซึ่งได้พิมพ์ไว้ในโฉนดจริงหรือไม่ แล้วยอมให้ศาลชี้ขาดตามนั้นเป็นข้อแพ้ชนะ เมื่อผู้ตรวจพิสูจน์ลงความเห็นว่า "ไม่ใช่พิมพ์ลายนิ้วมือของพิมพ์ลายนิ้วมือนิ้วเดียวกัน" ดังนี้ ถือว่าตรงตามคำท้าซึ่งคู่ความได้ตกลงกันไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1327/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินหลังเวนคืน: สิทธิเจ้าของยังคงอยู่ แม้พ้นกำหนดเวนคืนและมีการครอบครอง
พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนซึ่งประกาศใช้บังคับโดยอาศัย พระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 มาตรา 6 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2495 เมื่อพ้น 5 ปี ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกานั้นแล้ว โดยยังไม่มี พระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ออกมาใช้บังคับอีกฉบับหนึ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งกำหนดเขตไว้โดยพระราชกฤษฎีกานั้นยังหาได้ตกมาเป็นของทางราชการไม่ แต่ยังเป็นของเจ้าของเดิมอยู่ ฉะนั้น การที่เจ้าของที่ดินเดิมฟ้องทางราชการ ซึ่งยังครอบครองใช้สอยที่ดินนั้นอยู่ โดยมีคำขอให้ขับไล่เจ้าหน้าที่และบริวารออกไปจากที่ดินนั้น และให้รื้อถอนโยกย้ายทรัพย์สินและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินนั้น ห้ามเข้าเกี่ยวข้องโดยมิได้เรียกค่าเสียหายแต่อย่างใด ดังนี้ ย่อมเป็นคำฟ้องคดีปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เสียค่าธรรมเนียมตามตาราง 1 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ 2 ก.