คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สอาด นาวีเจริญ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,016 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายที่ดินมรดกก่อนแบ่ง: สัญญาไม่เป็นโมฆะ แต่ศาลไม่บังคับโอนทั้งหมด
พระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งทรงให้จัดแบ่งมรดกของเจ้ามรดกให้แก่ทายาทตามส่วน ย่อมใช้บังคับได้ตามกฎหมาย
ทายาทคนหนึ่งเอาที่ดินกองมรดกยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทไปขายทั้งหมดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทายาทอื่นผู้ซื้อจะขอให้ศาลบังคับทายาทผู้ขายโอนขายที่ดินกองมรดกทั้งหมด ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้ได้ แต่สัญญาจะซื้อขายนั้นไม่เป็นโมฆะ ศาลจึงไม่ตัดสิทธิที่จะไปว่ากล่าวเอาแก่ทายาทผู้ขายในส่วนอันเป็นของทายาทผู้ขายนั้นโดยเฉพาะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินมรดก: สิทธิเจ้าของรวม, สัญญาไม่เป็นโมฆะ แต่บังคับโอนทั้งหมดไม่ได้
ที่ดินพิพาทเป็นกองมรดกยังมิได้แบ่งปันกันระหว่างทายาทหลายคน ทายาทคนหนึ่งไม่มีสิทธิที่จะเอาไปขายทั้งหมดโดยลำพังได้ ถ้าผู้ซื้อฟ้องศาลขอให้บังคับทายาทผู้นั้นโอนขายที่ดินพิพาททั้งหมดโดยไม่ทราบว่าส่วนของทายาทผู้นั้นมีเนื้อที่เท่าใด ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้ขายให้แก่ผู้ซื้อได้ แต่สัญญาจะซื้อขายนั้นไม่เป็นโมฆะ
พระบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 ในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชซึ่งทรงให้จัดแบ่งมรดกของเจ้ามรดกให้แก่ทายาทตามส่วน ย่อมใช้บังคับได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทซื้อขายสินค้าและการเช่าซื้อรถยนต์: ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับคดีเดิม
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าต่างๆ จำพวกน้ำมันเครื่องอะไหล่ตู้เย็นและเครื่องโทรศัพท์ไปจากโจทก์ แล้วได้ชำระราคาให้โจทก์บ้าง และขอผัดผ่อนจำนวนที่ค้างเรื่อยมา ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยใช้หนี้ที่ค้างจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ในระยะเวลาตามฟ้องจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าของโจทก์ เว้นแต่ได้ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกให้โจทก์คือ จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นไปจากโจทก์ ได้ชำระเงินมัดจำและค่าเช่าซื้อบางงวด แล้วต่อมาโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงบอกเลิกสัญญา โจทก์เอารถคืนไปแต่ไม่คืนเงินให้จำเลย จึงขอให้ศาลบังคับให้โจทก์คืนเงินมัดจำและค่าเช่าซื้อรถยนต์นั้น กับใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ เรื่องที่จำเลยฟ้องแย้ง กรณีเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก นอกเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลยไม่เกี่ยวกับฟ้องโจทก์จำเลยฟ้องแย้งดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องแย้งต้องเป็นเรื่องเดียวกันกับฟ้องเดิม หากเป็นคนละเรื่อง ศาลสั่งให้แยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซื้อสินค้าต่างๆ จำพวกน้ำมัน เครื่องอาหลั่ยตู้เย็นและเครื่องโทรศัพท์ไปจากโจทก์แล้วได้ชำระราคาให้โจทก์บ้าง และขอผัดผ่อนจำนวนที่ค้างเรื่อยมา ขอให้บังคับให้จำเลยใช้หนี้ที่ค้าง จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ในระยะเวลาตามฟ้องนั้นจำเลยไม่ได้ซื้อสินค้าจากโจทก์ เว้นแต่ได้ชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกให้โจทก์ คือ จำเลยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันนั้นไปจากโจทก์ ได้ชำระเงินมัดจำและค่าเช่าซื้อบางงวดแล้ว ต่อมาโจทก์ผิดสัญญา จำเลยจึงบอกเลิกสัญญาโจทก์เอารถคืนไป แต่ไม่คืนเงินให้จำเลย ขอให้บังคับให้โจทก์คืนเงินมัดจำและค่าเช่าซื้อรถยนต์นั้น กับใข้ค่าเสียหาย เรื่องที่จำเลยฟ้องแย้งนี้ กรณีเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก นอกเรื่องที่โจทก์ฟ้องจำเลย ไม่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์จำเลยฟ้องแย้งไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงเลิกสัญญาซื้อขายที่ดินและการคืนเงินมัดจำ: สมบูรณ์ด้วยเจตนา
การตกลงเลิกสัญญาจะซื้อขายที่ดิน และคืนเงินมัดจำกันนั้นไม่ใช่เป็นการปลดหนี้ตามความหมายในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ทำเป็นหนังสือ ฉะนั้นเพียงแต่มีการแสดงเจตนาต่อกัน ก็ย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญต้องแสดงให้เห็นถึงเจตนาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว การบ่นระบายอารมณ์โดยไม่มีลักษณะน่ากลัว ไม่ถือเป็นการขู่เข็ญ
ผู้เสียหายไปทวงเงินจำเลยและกลับไปแล้ว จำเลยโกรธผู้เสียหายจึงเดินด่าผู้เสียหายอยู่บนบ้านของจำเลยว่า "บักถวิล โคตรพ่อโคตรแม่มึง มึงไม่สำนึกตัวว่าจะตายโหง กูมีปืนอยู่ 2 กระบอก กูจะเอามึงให้ตายแน่คราวนี้" โดยจำเลยไม่รู้ว่าผู้เสียหายมาแอบฟัง เช่นนี้แสดงว่า จำเลยบ่นด่าคนเดียวเพื่อระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไม่มีลักษณะที่น่ากลัวหรือตกใจว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายจริงจังดังที่พูด คำพูดของจำเลยไม่เป็นการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1110/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขู่เข็ญต้องแสดงให้เห็นถึงเจตนาและลักษณะที่น่ากลัว คำพูดระบายอารมณ์ไม่ถึงขั้นขู่เข็ญ
ผู้เสียหายไปทวงเงินจำเลยและกลับไปแล้ว จำเลยโกรธผู้เสียหายจึงเดินด่าผู้เสียหายอยู่บนบ้านของจำเลยว่า "บักถวิล โคตรพ่อโคตรแม่มึง มึงไม่สำนึกตัวว่าจะตายโหงกูมีปืนอยู่ 2 กระบอก กูจะเอามึงให้ตายแน่คราวนี้" โดยจำเลยไม่รู้ว่าผู้เสียหายมาแอบฟังเช่นนี้แสดงว่าจำเลยบ่นด่าคนเดียวเพื่อระบายอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไม่มีลักษณะที่น่ากลัวหรือตกใจว่าจำเลยจะยิงผู้เสียหายจริงจังดังที่พูด คำพูดของจำเลยไม่เป็นการขู่เข็ญตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 392

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์สัญญาเงินกู้: การนำสืบพยานและการพิสูจน์การกู้จริง
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างด้วยว่าสัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยตามฟ้องของโจทก์นั้นทำขึ้นโดยสมยอมกัน มิใช่ทำขึ้นตามวันเวลาที่ลงไว้ในสัญญาแต่ทำปลอมขึ้นภายหลัง ศาลกำหนดให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ผู้ร้องขาดนัดพิจารณาโจทก์นำพยานเข้าสืบฝ่ายเดียว แม้โจทก์ได้ส่งหนังสือสัญญากู้ต่อศาลโดยมิได้ส่งสำเนาให้ผู้ร้อง ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟังไม่ได้ว่ามีการกู้กันจริง เพราะว่าตามความจริงโจทก์ก็ไม่จำต้องส่งสัญญากู้เป็นพยานในชั้นขัดทรัพย์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1095/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานในคดีขัดทรัพย์ การส่งสัญญาไม่จำเป็นหากจำเลยขาดนัด
ผู้ร้องขัดทรัพย์อ้างด้วยว่าสัญญากู้ระหว่างโจกท์กับจำเลยตามฟ้องของโจทก์นั้นทำขึ้นโดยสมยอมกัน และมิใช่ทำขึ้นตามวันที่ลงไว้ในสัญญา แต่ทำปลอมขึ้นในภายหลัง ศาลกำหนดให้ผู้ร้องนำสืบก่อน ผู้ร้องขาดนัดพิจารณา โจทก์นำพยายานเข้าสืบฝ่ายเดียว แม้โจทก์ได้ส่งหนังสือสัญญากู้ต่อศาล โดยมิได้ส่งสำเนาให้ผู้ร้อง ก็ไม่เป็นเหตุให้ฟังไม่ได้ว่ามีการกู้กันจริง เพราะว่าตามความจริงโจทก์ก็ไม่จำต้องส่งสัญญากู้เป็นพยานในชั้นขัดทรัพย์อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสำแดงรายการเท็จกับการพยายามลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
จำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกต่อกรมศุลกากรเป็นเท็จแล้วต่อมาอีก 2 วัน จำเลยพยายามนำสินค้านั้นจะออกนอกราชอาณาจักรแต่ตำรวจจับได้เสียก่อน เช่นนี้ แม้การกระทำทั้งสองฐานนี้จะเกี่ยวเนื่องกัน คือ จำเลยสำแดงรายการสินค้าเท็จ ก็เพื่อจะลักลอบนำสินค้าออกนอกราชอาณาจักรก็ตาม ก็เป็นการกระทำผิดคนละอย่างต่างกรรมต่างวาระกัน เพราะเมื่อจำเลยสำแดงรายการสินค้าขาออกเท็จนั้น เป็นความผิดสำเร็จไปตอนหนึ่งแล้ว ต่อมาอีก 2 วันทำผิดฐานพยายามนำสินค้าจะออกนอกราชอาณาจักรจึงเป็นความผิดอีกฐานหนึ่ง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2504)
of 102