พบผลลัพธ์ทั้งหมด 322 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชุมนุมเพื่อยื่นคำร้องไม่ใช่การประชุมทางการเมือง
การที่จำเลยกับพวกประชุมกันเพื่อเขียนคำร้องทุกข์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าพวกญวนที่ถูกเจ้าพนักงานจับไปในข้อหาคอมมูนิสต์ไม่ได้กระทำผิดอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการประชุมในทางการเมืองตามประกาศของคณะปฏิบัติฉบับที่ 13 จำเลยจึงไม่ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 970/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชุมนุมเพื่อยื่นคำร้องไม่ถือเป็นการประชุมทางการเมืองตามประกาศคณะปฏิวัติ
การที่จำเลยกับพวกประชุมกันเพื่อเขียนคำร้องทุกข์ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าพวกญวนที่ถูกเจ้าพนักงานจับไปในข้อหาคอมมูนิสต์ไม่ได้กระทำผิดอะไรนั้น ไม่ใช่เป็นการประชุมในทางการเมืองตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 13 จำเลยจึงไม่ผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนของกลางตามคำพิพากษาศาล และการพิสูจน์ตัวตนเจ้าของสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายศุลกากร
ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากร เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ.2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรคสอง (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การคืนสินค้าของกลางหลังศาลพิพากษา หากมีข้อโต้แย้งเรื่องตัวบุคคลและระยะเวลาอ้างสิทธิ ย่อมชอบที่จะฟ้องเป็นคดีแพ่ง
ในคดีกระทำผิดพระราชบัญญัติศุลกากรเมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้คืนสินค้าของกลางแก่ผู้ร้องแล้ว ถ้ากรมศุลกากรไม่มีเหตุโต้แย้งก็จะต้องคืนให้ตามคำพิพากษา แต่กรมศุลกากรโต้แย้งอยู่ว่า ผู้ร้องมิใช่นายเบ๊หรือจือเฮ้าตัวจริง เพราะตัวจริงตายไปนานแล้วตามมรณบัตร และโต้แย้งด้วยว่า ตั้งแต่กรมศุลกากรจับยึดสินค้ารายนี้แล้ว ไม่มีผู้ใดมาขอคืนในกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 24 ซึ่งแก้ไขฉบับที่ 12 พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ผู้ร้องจึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาเองเป็นคดีแพ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 48 วรรค 2
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งให้ฟ้องคดีโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม (คนอนาถา) และการเพิกถอนคำสั่ง
ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ฟ้องความอย่างคนอนาถาเมื่อในระหว่างพิจารณาปรากฏว่า โจทก์มีทรัพย์สินที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ ศาล ก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสียได้ คำสั่งเช่นนี้ถือเท่ากับศาลได้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งนี้ภายใน 7 วัน ตาม มาตรา 156 วรรคห้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 956/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเปลี่ยนแปลงคำสั่งอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา หากผู้ฟ้องมีทรัพย์สินเพียงพอชำระค่าธรรมเนียม
โดยปกติกระบวนพิจารณาใดที่ศาลได้สั่งไปแล้ว ต่อมาเห็นว่ายังไม่เหมาะสมเพื่อให้การพิจารณาได้ดำเนินไปด้วยความเที่ยงธรรมและเหมาะสม ศาลย่อมมีอำนาจที่จะสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิกถอนคำสั่งนั้นเสียได้ แล้วสั่งใหม่ตามที่เห็นควร ในกรณีที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถา ในระหว่างพิจารณาปรากฎว่าโจทก์มีทรัพย์สินที่จะเสียค่าธรรมเนียมได้ศาลก็มีอำนาจสั่งให้โจทก์นำเงินค่าธรรมเนียมมาเสีย คำสั่งเช่นนี้ ถือเท่ากับศาลได้เพิกถอนคำสั่งที่อนุญาตให้โจทก์ว่าความอย่างคนอนาถาเสียแล้ว โจทก์จึงต้องอุทธรณ์คำสั่งนี้ภายในกำหนด 7 วัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระดอกเบี้ยเงินกู้ - พยานบุคคลสืบได้ แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ
การชำระดอกเบี้ยเงินกู้นั้น แม้จะไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดง ก็สืบพยานบุคคลแทนได้ ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสอง
สัญญาจำนองเป็นเงิน 60,000 บาท จำเลยขอสืบว่าเวลาจำนองโจทก์จ่ายเงินให้เพียง 50,000 บาท หักเอาไว้เป็นดอกเบี้ยเสีย 10,000 บาท ดังนี้ จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ขัดต่อวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 แต่เป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย
สัญญาจำนองเป็นเงิน 60,000 บาท จำเลยขอสืบว่าเวลาจำนองโจทก์จ่ายเงินให้เพียง 50,000 บาท หักเอาไว้เป็นดอกเบี้ยเสีย 10,000 บาท ดังนี้ จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ขัดต่อวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 แต่เป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำสืบการชำระดอกเบี้ยและเงินที่ได้รับจริง แม้ไม่มีหลักฐานหนังสือ ก็ทำได้ตามกฎหมาย
จำเลยขอสืบพยานบุคคลว่า ได้ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ไปแล้วได้ แม้จะไม่มีพยานหลักฐานเป็นหนังสือมาแสดงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2
จำเลยขอสืบว่า เวลาจำนองโจทก์จ่ายเงินให้เพียง 50,000 บาท หักเอาไว้เป็นดอกเบี้ยเสีย 10,000 บาท (แต่ทำสัญญาจำนองเป็นเงิน 60,000 บาท)่ จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 แต่เป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย
จำเลยขอสืบว่า เวลาจำนองโจทก์จ่ายเงินให้เพียง 50,000 บาท หักเอาไว้เป็นดอกเบี้ยเสีย 10,000 บาท (แต่ทำสัญญาจำนองเป็นเงิน 60,000 บาท)่ จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 แต่เป็นการนำสืบถึงการชำระดอกเบี้ย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความคำพิพากษาที่พิมพ์ตก ศาลมีอำนาจอธิบายได้ หากบริบทโดยรวมแสดงเจตนาให้ริบของกลาง
ศาลชั้นต้นอ่านต้นร่างคำพิพากษาให้ลงโทษและริบของกลางแล้ว ในสารบบคำพิพากษาก็ลงว่า ริบของกลาง แต่เวลาพิมพ์คำพิพากษาพิมพ์ตกข้อความไม่มีว่า ริบของกลาง โจทก์ร้องขอให้ศาลชั้นต้นอธิบายคำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 921/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อผิดพลาดในการพิมพ์คำพิพากษา – การริบของกลาง
ศาลชั้นต้นอ่านต้นร่างคำพิพากษาให้ลงโทษจำเลยและริบของกลาง ในสารบบคำพิพากษาก็ลงว่าริบของกลาง แต่เวลาพิมพ์คำพิพากษาพิมพ์ตกข้อความ ไม่มีว่าริบของกลาง โจทก์ร้องขอให้ศาลชั้นต้นอธิบายคำพิพากษาได้