พบผลลัพธ์ทั้งหมด 322 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์ในคดีแขวง: โจทก์และจำเลยมีสิทธิเท่าเทียมกัน
คดีที่ศาลแขวงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่รอการลงโทษไว้ ซึ่งเข้าข้อยกเว้นตาม พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวง ฯลฯ มาตรา 22(2) ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้นย่อมมีความหมายรวมถึงทั้งโจทก์จำเลยมีสิทธิจะอุทธรณ์มิได้หมายถึงให้สิทธิเฉพาะจำเลยที่จะอุทธรณ์ได้แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิอุทธรณ์คดีอาญาที่ศาลแขวงรอการลงโทษ: โจทก์-จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามข้อยกเว้น
คดีที่ศาลแขวงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลย แต่รอการลงโทษไว้ ซึ่งเข้าข้อยกเว้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 มาตรา 22(2) ให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้นั้น ย่อมมีความหมายรวมถึงทั้งโจทก์จำเลยที่มีสิทธิจะอุทธรณ์มิได้หมายถึงให้สิทธิเฉพาะจำเลยที่จะอุทธรณ์ได้แต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 13/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586-600/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องเช็คประกันการก่อสร้าง การแจ้งความเท็จ และความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างอาคารและจ่ายเงินให้โจทก์นำไปใช้ในการก่อสร้างโดยให้โจทก์ออกเช็คไว้ให้เป็นประกันก่อสร้างโดยเป็นที่เข้าใจกันว่าจะบังคับใช้ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อได้ติดบัญชีหักทอนกันก่อน แต่ต่อมาโจทก์จำเลยผิดใจกัน จำเลยนำเช็คเข้าบัญชีธนาคาร ๆ ปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ไปแจ้งความตำรวจหาว่าโจทก์ทำผิดอาญาโดยกู้ยืมเงินไปแล้วออกเช็คไว้ให้ไม่มีเงินพอจ่าย ทั้งนี้โดยไม่ได้คิดบัญชีกันเลย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนโจทก์ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2504
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 586-600/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแจ้งความเท็จและการใช้เช็คโดยมิได้คิดบัญชีหักทอน ความรับผิดทางอาญาและทางแพ่ง
จำเลยจ้างโจทก์ทำการก่อสร้างอาคารและจ่ายเงินให้โจทก์นำไปใช้ในการก่อสร้าง โดยให้โจทก์ออกเช็คไว้ให้เป็นประกันการก่อสร้างโดยเป็นที่เข้าใจกันว่าจะบังคับใช้ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คได้ต่อเมื่อได้คิดบัญชีหักทอนกันก่อน แต่ต่อมาโจทก์จำเลยผิดใจกัน จำเลยนำเช็คเข้าบัญชีธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไปแจ้งความตำรวจหาว่าโจทก์ทำผิดอาญา โดยกู้ยืมเงินไปแล้วออกเช็คไว้ให้ไม่มีเงินพอจ่าย ทั้งนี้โดยไม่ได้คิดบัญชีกันเลยดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนโจทก์ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสำเร็จ/พยายามในความผิดฐานหลอกลวงปริมาณสินค้า แม้ผู้ซื้อไม่หลงเชื่อ
ความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 คือ การที่ผู้ซื้อหลงเชื่อในปริมาณแห่งของนั้น อันเป็นเท็จ เมื่อจำเลยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อว่าด้ายหลอดที่ขายยาว 200 หลา ซึ่งเป็นความเท็จ ถึงแม้ผู้ซื้อได้รู้ความจริงอยู่แล้วโดยมิได้หลงเชื่อก็ตาม ก็เป็นความผิดฐานพยายามตามมาตรา 81 เพราะเป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 549/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานฉ้อโกง: การหลอกลวงปริมาณสินค้า แม้ผู้ซื้อไม่หลงเชื่อ ก็ยังเป็นความผิดฐานพยายาม
ความผิดสำเร็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 คือ การที่ผู้ซื้อหลงเชื่อในปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ เมื่อจำเลยหลอกลวงให้ผู้ซื้อหลงเชื่อว่าด้ายหลอดที่ขายยาว 200 หลา ซึ่งเป็นความเท็จถึงแม้ผู้ซื้อได้รู้ความจริงอยู่แล้วโดยมิได้หลงเชื่อก็ตาม ก็เป็นความผิดฐานพยายามตามมาตรา 81 เพราะเป็นเหตุให้การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะเจ้าหนี้มีประกันในคดีล้มละลาย พิจารณาจากสิทธิยึดหน่วงตามกฎหมาย และอำนาจอุทธรณ์คำสั่งศาล
เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้เงินโดยลูกหนี้มอบโฉนดให้ยึดไว้เป็นประกันนั้น ไม่มีสิทธิยึดหน่วงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 241 จึงไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย เจ้าหนี้จะยื่นคำขอรับชำระหนี้เกิน 2 เดือนไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 91
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอเจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้ว คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอเจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้ว คู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเจ้าหนี้มีประกันและการยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
เจ้าหนี้ให้ลูกหนี้กู้เงิน โดยลูกหนี้มอบโฉนดให้ยึดไว้เป็นประกันนั้นไม่มีสิทธิยึดหน่วง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 241 จึงไม่ใช่เจ้าหนี้มีประกันตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 6 เมื่อลูกหนี้ต้องคำพิพากษาให้ล้มละลายเจ้าหนี้จะยึ่นคำขอรับชำระหนี้เกิน 2 เดือนไม่ได้ ตาม พระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 91
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอ เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้วคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้
เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สั่งยกคำขอ เจ้าหนี้จึงยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเจ้าของคดีล้มละลาย เมื่อศาลแพ่งมีคำสั่งอย่างใดแล้วคู่ความมีสิทธิอุทธรณ์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นผู้อื่นโดยใช้ถ้อยคำข่มขู่ต่อผู้ที่ควรเคารพ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อสามเณรสองรูปซึ่งหน้า เพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ ว่า'ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูจะเตะลงกุฏิให้หมด' นั้นเป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้น หากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ด้วย(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 541/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นด้วยถ้อยคำข่มขู่ต่อสามเณร ถือเป็นการดูหมิ่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 393
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อสามเณรสองรูป ซึ่งหน้าเพราะเหตุที่ใช้ไปขอเทียนจากพระภิกษุรูปหนึ่งไม่ได้ ว่า "ถ้าไม่ไปเดี๋ยวกูจะเตะลงกุฎิให้หมด" นั้น เป็นถ้อยคำที่จำเลยกล่าวแก่บุคคลที่ประชาชนทั่วไปถือว่าควรเคารพกว่าบุคคลธรรมดา ฉะนั้น จึงไม่แต่เพียงจะเป็นถ้อยคำที่ไม่สุภาพและข่มขู่เท่านั้น หากเป็นการดูหมิ่นตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ด้วย
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2504
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 12/2504