พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครอง: การสอบเขตที่ดินตามข้อตกลง ไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง ทำให้โจทก์ไม่ต้องฟ้องภายใน 1 ปี
ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกันและเป็นที่ดินมีแต่ใบไต่สวน โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตรงที่พิพาทอำเภอเปรียบเทียบแล้วตกลงกันไม่ได้ อำเภอสั่งให้ทั้งสองฝ่ายไปขอสอบเขต เมื่อปรากฏแน่แล้วว่าเป็นของใครก็จะคืนให้กัน และให้ฝ่ายรุกล้ำเสียค่าเสียหายเป็นข้าวคิดเป็นรายปี ได้ทำบันทึกข้อตกลงกันนี้ไว้ และจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับแต่นั้นตลอดมา การที่จำเลยยึดถือที่พิพาทนับแต่นั้นย่อมมิใช่เป็นการยึดถือเพื่อการแย่งครอบครอง โจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องภายใน 1 ปี และในปีต่อ ๆ มาเมื่อโจทก์นำรังวัดและจำเลยคัดค้าน แม้จะเป็นการไม่ยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์ แต่ก็มิใช่ถือเอาเป็นแน่ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทีเดียว แม้จะล่วงเลยมาหลายปี แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมให้สอบเขตตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงยกเอาเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมาตัดฟ้องว่าโจทก์ขาดอายุความไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 516/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความครอบครองที่ดิน: การยินยอมสอบเขตไม่ถือเป็นการแย่งการครอบครอง
ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดกันและเป็นที่ดินมีแต่ใบไต่สวน โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินตรงที่พิพาทอำเภอเปรียบเทียบแล้วตกลงกันไม่ได้ อำเภอสั่งให้ทั้งสองฝ่ายไปขอสอบเขต เมื่อปรากฏแน่แล้วว่าเป็นของใครก็จะคืนให้กัน และให้ฝ่ายรุกล้ำเสียค่าเสียหายเป็นข้าวคิดเป็นรายปี ได้ทำบันทึกข้อตกลงกันนี้ไว้และจำเลยเป็นฝ่ายครอบครองที่พิพาทนับแต่นั้นตลอดมา การที่จำเลยยึดถือที่พิพาทนับแต่นั้นย่อมมิใช่เป็นการยึดถือเพื่อแย่งการครอบครองโจทก์จึงไม่จำต้องฟ้องภายใน 1 ปีและในปีต่อๆ มาเมื่อโจทก์นำรังวัดและจำเลยคัดค้านแม้จะเป็นการไม่ยอมรับนับถือสิทธิของโจทก์แต่ก็มิใช่ถือเอาเป็นแน่ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยทีเดียวแม้จะล่วงเลยมาหลายปี แต่ก็ยังอยู่ในระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายยินยอมให้สอบเขตตามข้อตกลงดังกล่าวแล้วจำเลยจึงยกเอาเวลาที่ล่วงเลยมานั้นมาตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาท้ายยอมที่ผิดกับเอกสารขอขายที่ดิน ศาลมีอำนาจแก้ไขให้ถูกต้อง
คดีก่อนโจทก์ทำยอมโอนขายที่ดินให้จำเลยครึ่งแปลง โดยให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนา แต่จำเลยกลับขอโอนที่ดินต่ออำเภอเป็นของจำเลยทั้งแปลง โจทก์จึงร้องต่ออำเภอเป็นของจำเลยทั้งแปลง โจทก์จึงร้องต่อศาลชั้นต้นว่าการโอนไม่ถูกต้องตามยอม จำเลยก็ยืนยันว่าการโอนถูกต้องแล้ว ศาลก็มิได้สั่งประการใด โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าเป็นการโอนในคดีก่อนไม่ถูกต้องตามยอม ขอให้เพิกถอน ดังนี้ พอถือได้ว่าเป็นการกระทำชั้นบังคับคดีในคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 490/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาท้ายยอมที่ผิดเงื่อนไข ศาลฎีกาพิจารณาตามข้อเท็จจริงและกลับคำพิพากษา
คดีก่อนโจทก์ทำยอมโอนขายที่ดินให้จำเลยครึ่งแปลง โดยให้ถือเอาคำพิพากษาตามยอมเป็นการแสดงเจตนาแต่จำเลยกลับขอโอนที่ดินต่ออำเภอเป็นของจำเลยทั้งแปลงโจทก์จึงร้องต่อศาลชั้นต้นว่าการโอนไม่ถูกต้องตามยอมจำเลยก็ยืนยันว่าการโอนถูกต้องแล้วศาลก็มิได้สั่งประการใดโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าการโอนในคดีก่อนไม่ถูกต้องตามยอม ขอให้เพิกถอน ดังนี้พอถือได้ว่าเป็นการกระทำขั้นบังคับคดีในคดีก่อนจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาท: ถ้อยคำเลื่อนลอยไม่ถึงขั้นทำให้เสียชื่อเสียง
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อหน้าบุคคลหลายคนว่าโจทก์เป็นคนนิสัยไม่ดี มีความรู้สึกต่ำโจทก์เป็นคนมีหนี้สินเป็นแสนๆ ยังใช้หนี้เขาไม่หมด อวดมั่งมีคาดเข็มขัดทองไม่เป็นถ้อยคำที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การหมิ่นประมาท: ถ้อยคำเลื่อนลอย ไม่ทำให้เสียชื่อเสียง ไม่เป็นความผิด
ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวต่อหน้าบุคคลหลายคนว่าโจทก์เป็นคนนิสัยไม่ดี มีความรู้สึกต่ำ โจทก์เป็นคนมีหนี้สินเป็นแสน ๆ ยังใช้หนี้เขาไม่หมด อวดมั่งมีคาดเข็มขัดทอง ไม่เป็นถ้อยคำที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงสัญญาซื้อขายด้วยการตกลงเลิกสัญญาใหม่ การนำสืบพยานบุคคลไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อของและผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้ครบการที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยบอกคืนของที่ซื้อ ให้โจทก์ริบเงินมัดจำและโจทก์ยินยอมนั้น ย่อมเป็นข้อต่อสู้ว่าภายหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้วคู่กรณีได้ทำความตกลงกันใหม่โดยเลิกสัญญาเดิมฉะนั้น จำเลยย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 468/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การต่อสู้เรื่องเลิกสัญญาสื้อซื้อขายและการนำสืบพยาน การนำสืบพยานบุคคลเพื่อพิสูจน์ข้อตกลงใหม่หลังทำสัญญาซื้อขายเดิมไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซื้อของและผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ให้ครบ การที่จำเลยต่อสู้ว่าจำเลยบอกคืนของที่ซื้อให้โจทก์ริบเงินมัดจำและโจทก์ยินยอมนั้น ย่อมเป็นข้อต่อสู้ว่าภายหลังจากทำสัญญาซื้อขายแล้ว คู่กรณีได้ทำความตกลงกันใหม่ โดยเลิกสัญญาเดิม ฉะนั้น จำเลยย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการแบ่งแยกทรัพย์สินร่วม: สิทธิของผู้ร้องที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมและการตกลงแบ่งแยกก่อนฟ้อง
(1) เมื่อผู้ร้องไม่ได้ตั้งประเด็นว่าได้ครอบครองเป็นส่วนสัดมาเกิน 10 ปี จนได้กรรมสิทธิ์ในส่วนที่ครอบครอง ดังนี้ แต่ศาลไปวินิจฉัยว่าผู้ร้องครอบครองมาเกิน 10 ปี ได้กรรมสิทธิ์โดยทางครอบครองตามมาตรา 1382 ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้ว ข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2 ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายอทดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตันสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้ว ข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2 ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายอทดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียมค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตันสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 466/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินร่วม: การแบ่งแยกทรัพย์สินตามข้อตกลง และขอบเขตสิทธิบังคับคดี
(1) เมื่อผู้ร้องไม่ได้ตั้งประเด็นว่าได้ครอบครองเป็นส่วนสัดมาเกิน 10 ปีจนได้กรรมสิทธิ์ในส่วนที่ครอบครองดังนี้ แต่ศาลไปวินิจฉัยว่าผู้ร้องครอบครองมาเกิน 10ปี ได้กรรมสิทธิ์มาโดยทางครอบครองตามมาตรา 1382 ย่อมเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็น
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้วข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายทอดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตัดสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา
(2) เมื่อจำเลยและผู้ร้องซึ่งมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันได้ตกลงแบ่งแยกที่พิพาทกันก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยนานแล้วข้อตกลงนี้ย่อมผูกมัดผู้ร้องและจำเลยตามมาตรา 1364 โจทก์มีสิทธิบังคับคดีได้เท่าที่จำเลยมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทนั้น เพราะโจทก์ไม่ใช่บุคคลภายนอกตามมาตรา 1299 วรรค 2ไม่มีสิทธิเอาส่วนของผู้ร้องมาขายทอดตลาด
(3) การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ซึ่งไม่ใช่ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ตามมาตรา 288 นั้น ไม่ต้องเสียค่าฤชาธรรมเนียม ค่าขึ้นศาล ฯลฯ ค่าตัดสิน ฯลฯ อย่างคดีธรรมดา