คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
บริรักษ์จรรยาวัตร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 571 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันทางกฎหมายและการระงับข้อพิพาทนอกศาล
(1) สัญญาใดที่ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล กับทั้งจะไม่เรียกร้องเกี่ยวข้องด้วยทรัพย์สินใด ๆ ของจำเลยต่อไป และฝ่ายจำเลยก็ยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทน สัญญานั้นย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850
(2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850
(3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1) (2) นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเเภอทำ ส่วนตามมาตรา 108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ
(4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้อง ศาลก็พิพากษายกฟ้องได้.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพัน, อำนาจอำเภอ, การระงับข้อพิพาท
(1) สัญญาใดที่ทั้งสองฝ่ายมีความประสงค์จะระงับข้อพิพาทโดยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน คือ โจทก์ยอมถอนฟ้องคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล กับทั้งจะไม่เรียกร้องเกี่ยวข้องด้วยทรัพย์สินใดๆ ของจำเลยต่อไป และฝ่ายจำเลยก็ยอมให้เงินแก่โจทก์จำนวนหนึ่งเป็นการตอบแทนสัญญานั้นย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 (2) คดีที่ฟ้องร้องอยู่ในศาลแล้ว ไม่จำเป็นที่คู่กรณีจะต้องทำสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) นั้น แต่เฉพาะในศาลเท่านั้น อาจจะทำกันนอกศาลก็ได้ ขอแต่ให้ถูกต้องตามแบบในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 (3) สัญญาประนีประนอมยอมความตามที่กล่าวในข้อ (1)(2)นั้น แม้จะเกี่ยวด้วยทรัพย์ราคามากกว่า 200 บาท ซึ่งเกินจำนวนราคาที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ.2457 มาตรา 108 ก็ตาม แต่อำเภอย่อมมีอำนาจทำให้ได้ตามพระราชบัญญัติดังกล่าวแล้ว มาตรา 87 ถ้าเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้อำเภอทำ ส่วนตามมาตรา108 นั้น เป็นเรื่องที่กฎหมายให้อำนาจกรมการอำเภอหมายเรียกคู่กรณีมาเปรียบเทียบ (4) ผลของสัญญาดังกล่าวในข้อ (1) ถึง (3) ย่อมทำให้การเรียกร้องที่โจทก์ได้ยอมสละไว้สิ้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 และสิทธิดำเนินคดีต่อไปย่อมระงับหมดสิ้นลง แม้จำเลยไม่ฟ้องแย้งให้ถอนฟ้องศาลก็พิพากษายกฟ้องได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 10/2506)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แผงลอยชั่วคราวไม่เป็นเคหะ แม้มีการดัดแปลง ไม่มีสิทธิอ้างการเช่าคุ้มครองตาม พรบ.ควบคุมค่าเช่า
แผงลอยที่ปลูกสร้างขึ้นเพื่อให้คนเข้าประกอบการค้าชั่วคราวนั้น แม้ภายหลังผู้เช่าแผงลอยจะมุงหลังคาสังกะสี ตีเพดาน-ขึ้น ก็ไม่มีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยที่ถาวร การที่ผู้เช่าเข้าอยู่อาศัยและเทศบาลออกทะเบียนสำมะโนครัวให้ ก็ไม่ได้หมายความรับรองว่าแผงลอยเป็นอาคาร จึงไม่เป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ฯ
จำเลยที่ 1 ปลูกแผงลอยในที่ดินของโจทก์แล้วให้จำลยที่ 2 เช่า หากต่อมาจำเลยท 1 ไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะยกสิทธิการเช่าที่โจทก์มิได้รู้เห็นด้วยขึ้นยันโจทก์ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 2 อยู่ในแผงลอยได้ก็เนื่องจากอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 914/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แผงลอยชั่วคราวไม่ใช่เคหะ ไม่อยู่ในข่ายกฎหมายควบคุมค่าเช่า แม้มีการปรับปรุง
แผงลอยที่ปลูกสร้างขึ้นเพื่อให้คนเข้าประกอบการค้าชั่วคราวนั้น แม้ภายหลังผู้เช่าแผงลอยจะมุงหลังคาสังกะสี ตีเพดานขึ้น ก็ไม่มีลักษณะเป็นที่อยู่อาศัยที่ถาวร การที่ผู้เช่าเข้าอยู่อาศัยและเทศบาลออกทะเบียนสำมะโนครัวให้ ก็ไม่ได้หมายความรับรองว่าแผงลอยเป็นอาคาร จึงไม่เป็นเคหะตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันฯ
จำเลยที่ 1 ปลูกแผงลอยในที่ดินของโจทก์แล้วให้จำเลยที่ 2 เช่า หากต่อมาจำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิอยู่ในที่ดินโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จะยกสิทธิการเช่าที่โจทก์มิได้รู้เห็นด้วยขึ้นยันโจทก์ไม่ได้ เพราะจำเลยที่ 2 อยู่ในแผงลอยได้ก็เนื่องจากอาศัยสิทธิของจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม อุทธรณ์ข้อเท็จจริงไม่ได้ หากไม่ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
คดีแพ่งที่ห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย และศาลอุทธรณ์ก็มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป คงเป็นแต่ถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในการวินิจฉัย ปัญหาข้อกฎหมายต่อไปเท่านั้น นั้นย่อมฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากล่าวขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์เสียแล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 910/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: อุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมายไม่อาจฎีกาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์
คดีแพ่งที่ห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์เฉพาะข้อกฎหมาย และศาลอุทธรณ์ก็มิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงต่อไป คงเป็นแต่ถือข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายต่อไปเท่านั้น นั้น ย่อมฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะข้อเท็จจริงนั้นมิได้ว่ากล่าวขึ้นมาในชั้นอุทธรณ์เสียแล้วต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบุพการีโดยผู้แทน: มาตรา 1534 ห้ามฟ้องบุพการี แม้ผ่านผู้แทน
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1534 ซึ่งห้ามมิให้ฟ้องบุพการีของตนนั้น รวมความถึงการที่ผู้สืบสันดานฟ้องบุพการี โดยผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนอย่างอื่นด้วยฉะนั้น โจทก์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุพการีของผู้เยาว์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 904/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องบุพการี: ผู้สืบสันดานฟ้องโดยผู้แทนโดยชอบธรรมก็เป็นบุพการีต้องห้าม
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1534 ซึ่งห้ามมิให้ฟ้องบุพการีของตนนั้น รวมความถึงการที่ผู้สืบสันดานฟ้องบุพการีโดยผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้แทนอย่างอื่นด้วย ฉะนั้น โจทก์ในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นบุพการีของผู้เยาว์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถเร็วและการพิพากษาแก้โทษฐานประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บ
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทโดยความเร็วสูงเกินอัตราที่กำหนดไว้ จนรถตกถนนพลิกหงายท้อง ทำให้คนโดยสารบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยขับรถเร็วเกินอัตราเท่านั้น พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกให้ปรับจำเลย 100 บาท ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาททำให้คนโดยสารบาดเจ็บด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ด้วย ให้จำคุก 1 ปี นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า การที่รถจำเลยตกถนนพลิกหงายท้องนั้น มิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทในการขับรถ – การพิพากษาแก้โทษ – สิทธิฎีกา – ปัญหาข้อเท็จจริง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถโดยประมาทโดยความเร็วสูงเกินอัตราที่กำหนดไว้ จนรถตกถนนพลิกหงายท้อง ทำให้คนโดยสารบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกและประมวลกฎหมายอาญา ศาลชั้นต้นฟ้องว่าจำเลยขับรถเร็วเกินอัตราเท่านั้น พิพากษาลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ให้ปรับจำเลย 100 บาท ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำโดยประมาททำให้คนโดยสารบาดเจ็บด้วย พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 300 ด้วย ให้จำคุก 1 ปี นอกนั้นคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ว่า การที่รถจำเลยตกถนนพลิกหงายท้องนั้น มิได้เกิดจากความประมาทของจำเลย.
of 58