คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อนุสสรนิติสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน: การกระทำทุจริตตั้งแต่ต้นทำให้ไม่เข้าข่ายความผิดฐานเบียดบังทรัพย์
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษเจ้าพนักงานผู้เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อกระทำการในตำแหน่งของตนแต่จำเลยแกล้งจับผู้เสียหายมาแล้วขู่เอาเงินจึงเป็นความผิดตามมาตรา 148 ไม่ใช่ 149
ความผิดตามมาตรา 147 ผู้กระทำผิดต้องมีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินนั้นโดยชอบแล้วเบียดบังเอาเสีย จำเลยไม่มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินโดยชอบ ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
มาตรา 157 เป็นบทที่บัญญัติไว้อย่างกว้างเมื่อการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทที่บัญญัติเป็นความผิดไว้โดยเฉพาะคือ มาตรา 148 แล้วย่อมไม่ผิดตามมาตรา 157 อีก
ศาลล่างวางบทลงโทษจำเลยเกินมา แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตำรวจยึดเงินผู้เสียหายโดยอ้างเหตุจับกุมแล้วเรียกรับเงินเพื่อปล่อยตัว ไม่เป็นความผิดตามมาตรา 149, 147 และ 157
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ลงโทษเจ้าพนักงานผู้เรียก รับ หรือยอมรับทรัพย์สินโดยมิชอบ เพื่อกระทำากรในตำแหน่งของตน แต่จำเลยแกล้งจับผู้เสียหายมาแล้วขู่เอาเงิน จึงเป็นความผิด มาตรา 148 ไม่ใช่ 149
ความผิดตามมาตรา 147 ผู้กระทำผิดต้องมีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินนั้นโดยชอบ แล้วเบียดบังเอาเสีย จำเลยไม่มีหน้าที่จัดการหรือรักษาเงินโดยชอบ ย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรานี้
มาตรา 157 เป็นบทที่บัญญัติไว้อย่างกว้าง เมื่อการกระทำของจำเลยต้องด้วยบทที่บัญญัติเป็นความผิดไว้โดยเฉพาะ คือ มาตรา 148 แล้วย่อมไม่ผิดตามมาตรา 157 อีก
ศาลล่างวางบทลงโทษจำเลยเกินมา แม้จะไม่มีฝ่ายใดฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ถือเป็นตัวการฆ่าโดยเจตนา
การที่จำเลยได้มาที่เกิดเหตุกับพวกเพื่อทำร้าย ผู้ตาย และจำเลยได้ร่วมทำร้ายก่อน โดยเข้าชกต่อย และเอาเก้าอี้ตีผู้ตายแล้วพวกของจำเลยคนหนึ่งจึงใช้มีดแทง และผู้ตายได้ตาย เพราะแผลที่ถูกแทงเช่นนี้ ย่อมถือได้ว่า จำเลยได้เป็นตัวการฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมทำร้ายจนถึงแก่ความตาย มีเจตนาฆ่า
การที่จำเลยได้มาที่เกิดเหตุกับพวกเพื่อทำร้ายผู้ตายและจำเลยได้ร่วมทำร้ายก่อนโดยเข้าชกต่อยและเอาเก้าอี้ตีผู้ตายแล้วพวกของจำเลยคนหนึ่งจึงใช้มีดแทง และผู้ตายได้ตายเพราะแผลที่ถูกแทงเช่นนี้ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้เป็นตัวการฆ่าผู้ตายโดยเจตนาตามกฎหมายแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 520/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการพิจารณาคดีหลังศาลฎีกาให้พิจารณาต่อ การอนุญาตถอนฟ้องซ้ำเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณา
การที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง แต่ศาลฎีกาให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปนั้น หาใช่ให้ศาลชั้นต้นฟังจำเลยเสียใหม่ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 แล้วมีคำสั่งไม่ แต่ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาต่อไปตามกระบวนความทีเดียว ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาสอบถามเกี่ยวกับคำขอถอนฟ้อง เดิมของโจทก์และถือว่าได้ฟังจำเลยถูกต้อง สั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ จึงเป็นการรื้อฟื้นเอาคำขอถอนฟ้องของโจทก์ที่ตกไปแล้วขึ้นมาพิจารณาสั่งซ้ำอีก ย่อมไม่ชอบด้วยกระบวนวิธีพิจารณาความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปในโครงสร้างอาคาร: ไม่อยู่ในข่ายต้องริบตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
ไม้ของกลางซึ่งประกอบเป็นโครงเรือนที่กำลังปลูกสร้างอยู่เป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นไม้แปรรูปตามความหมายของพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2503 มาตรา 4(4) จึงริบไม่ได้ตามพระราชบัญญัติป่าไม้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 448/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ไม้แปรรูปที่นำมาปลูกสร้างยังไม่ถือเป็นไม้แปรรูปตามกฎหมาย
ไม้ของกลางซึ่งประกอบเป็นโครงเรือนเป็นไม้ที่อยู่ในสภาพเป็นสิ่งปลูกสร้างจึงไม่เป็นไม้แปรรูปตามมาตรา 4 (4) แห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่4) พ.ศ. 2503 แม้เรือนนั้นจะยังปลูกสร้างไม่สำเร็จและยังใช้อยู่อาศัยไม่ได้ก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อป้องกันตนเอง ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
นายเสริมผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยไกล่เกลี่ยเรื่องจำเลยกับผู้อื่นพิพาทกันเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ แต่ไม่ตกลงกันต่อมานายถ่ายกำนัน นายหันผู้ใหญ่บ้าน มาดูที่เกิดเหตุและพูดไกล่เกลี่ยอีก จำเลยกับคู่กรณีไม่ยอมตกลงกัน จำเลยพูดต่อหน้านายถ่ายและนายหันว่า'ผู้ใหญ่เสริมไม่มีศีลธรรม ไม่ซื่อตรง จะกินเงินผม'และศาลฟังข้อเท็จจริงว่า นายเสริมได้พูดเรียกร้องเงิน 50 บาทจากจำเลยเกี่ยวกับการพิพาทของจำเลยจริงดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อปกป้องตนเอง ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
นายเสริฒผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเคยไกล่เกลี่ยเรื่องจำเลยกับผู้อื่นพิพาทกันเรื่องบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ แต่ให้ตกลงกัน ต่อมานายถ่ายกำนัน นายหันผู้ใหญ่บ้าน มาดูที่เกิดเหตุและพูดไกล่เกลี่ยอีก จำเลยกับคู่กรณีไม่ยอมตกลงกัน จำเลยพูดต่หน้านายถ่ายและนายหันว่า ผู้ใหญ่เสริมไม่มีศีลธรรม ไม่ซื่อตรง จะกินเงินผม และศาลฟังข้อเท็จจริงว่า นายเสริมได้พูดเรียกร้องเงิน 50 บาทจากจำเลยเกี่ยวกับการพิพาทของจำเลยจริง ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรมป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้ครอบครองทรัพย์เสียหาย: ผู้ครอบครองมีสิทธิฟ้องได้ แม้ไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์
ผู้เสียหาย นั้นไม่จำต้องเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ถูกทำให้เสียหาย บุคคลที่เป็นผู้ครอบครองทรัพย์ ก็เป็นผู้เสียหายได้ หากได้รับการเสียหายเกี่ยวกับสิทธิครอบครอง
บรรยายฟ้องว่า ทรัพย์เป็นของผู้เสียหาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่า ทรัพย์นั้นเป็นของบุคคลอื่น ผู้เสียหายครอบครองอยู่ดังนี้ ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงต่างกับฟ้อง
of 34