พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่า: ผู้เช่ามีสิทธิร้องทุกข์ได้
ตามบทบัญญัติมาตรา 362 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ว่าด้วยความผิดฐานบุกรุกนั้น มีความหมายเป็นสองตอน ตอนแรกรบกวนกรรมสิทธิ์ ตอนที่สองรบกวนสิทธิครอบครอง ฉะนั้นจึงหมายรวมถึงการกระทำอันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้เช่าโดยปกติสุขด้วย เพราะผู้เช่าก็เป็นผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ที่เช่า จึงเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ให้นำคดีขึ้นว่ากล่าวเอาโทษแก่ผู้บุกรุกได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับตามคำพิพากษาขับไล่และการพิจารณาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับการครอบครองที่ดิน จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับ
คดีฟ้องขับไล่ที่โจทก์ร้องขอให้ศาลสั่งจำเลยปฏิบัติตามคำบังคับโดยอ้างว่าจำเลยผู้แพ้คดียังคงอยู่ที่บ้าน และปลูกบ้านใหม่ในที่พิพาทนั้น เมื่อจำเลยโต้แย้งศาลชอบที่จะพิจารณาและตัดสินตามกระบวนพิจารณา
เอกสารและถ้อยคำที่มิใช่พยานหลักฐานตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับรอง นั้น ย่อมฟังเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
เอกสารและถ้อยคำที่มิใช่พยานหลักฐานตามกฎหมาย และจำเลยมิได้รับรอง นั้น ย่อมฟังเป็นโทษแก่จำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญาจ้างทำของ, อายุความ, และการชำระเงินก่อนส่งมอบงาน
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า "โดยหนังสือนี้ กรมโยธาเทศบาล (โดยหลวงสัมฤทธิวิศวกรรม อธิบดีกรมโยธาเทศบาล) ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขุมพร (โดยนายแสวง ทิมทอง) เป็นโจทก์ฟ้องนายชิต เทศพิทักษ์ ผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานฯ ซึ่งไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขฯ เป็นเหตุให้สะพานฯ ชำรุดและพัง ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร โดยตำแหน่งหน้าที่เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ไม่ใช่มอบอำนาจให้นายแสวง ทิมทอง เป็นส่วนตัว ฟ้องจำเลย
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทน ปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้น หมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้จะนำอายุความตามมาตรา419 มาใช้ไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทน ปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้น หมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้จะนำอายุความตามมาตรา419 มาใช้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญญา, อายุความชำรุดบกพร่อง, การเรียกคืนเงินค่าจ้างจากงานที่ชำรุด
หนังสือมอบอำนาจมีข้อความว่า "โดยหนังสือนี้กรมโยธาเทศบาล(โดยหลวงสัมฤทธิวิศวกรรมอธิบดีกรมโยธาเทศบาล)----------------ได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร(โดยนายแสวง ทิมทอง) เป็นโจทก์ฟ้องนายชิตเทศพิทักษ์ผู้รับเหมาก่อสร้างสะพานฯ ซึ่งไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไขฯ เป็นเหตุให้สะพานฯ ชำรุดและพัง ฯลฯ" เป็นการมอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรโดยตำแหน่งหน้าที่เป็นโจทก์ฟ้องจำเลย ไม่ใช่มอบอำนาจให้นายแสวง ทิมทองเป็นส่วนตัว ฟ้องจำเลย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2504)
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้นหมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามมาตรา 419 มาใช้ไม่ได้
กรมโยธาเทศบาลมอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดฟ้องคดีแทนปลัดจังหวัดในฐานะผู้รักษาการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจลงลายมือชื่อเป็นโจทก์ในคำฟ้องแทนได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 601 ที่ห้ามมิให้ฟ้องผู้รับจ้างเมื่อพ้นปีหนึ่งนับแต่วันการชำรุดบกพร่องได้ปรากฏขึ้นนั้นหมายถึง การฟ้องร้องในเมื่อได้รับมอบการที่ว่าจ้างนั้นแล้ว
การที่ผู้จ้างชำระค่าจ้างให้ผู้รับจ้างไปก่อนงานเสร็จโดยยังมิได้รับมอบงานที่ทำ งานนั้นวินาศลงและผู้ว่าจ้างเรียกเงินคืน เป็นกรณีเรียกเงินฐานผิดสัญญา มิใช่ฐานลาภมิควรได้ จะนำอายุความตามมาตรา 419 มาใช้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลในการสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย พิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี
การที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตนั้นตามความในมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 ให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ตามสมควรแก่กรณี อาจเพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยมิได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1219/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดุลพินิจศาลสั่งรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย: ไม่จำเป็นต้องรื้อเสมอไป
การที่จะให้รื้อถอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขอาคารที่ปลูกขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ตามความใน มาตรา 11แห่ง พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร 2479 ให้อำนาจศาลเป็นผู้ใช้ดุลพินิจพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไปตามสมควรแก่กรณี อาจเพียงให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยไม่ต้องรื้อถอนก็ได้หาใช่ว่าเมื่อมีเอกชนผู้ใดทำการปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้วศาลจะต้องสั่งบังคับให้รื้อถอนอาคารนั้นเสมอไป
ปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ปรากฏว่าอาคารนั้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งมิได้รุกล้ำที่ของบุคคลใด ดังนี้ ศาลชอบที่จะไม่สั่งให้รื้ออาคารนั้น
ปลูกสร้างอาคารขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ไม่ปรากฏว่าอาคารนั้นมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรงหรือผิดสุขลักษณะอนามัยหรือไม่ปลอดภัยแก่ประชาชน ทั้งมิได้รุกล้ำที่ของบุคคลใด ดังนี้ ศาลชอบที่จะไม่สั่งให้รื้ออาคารนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนนัดสืบพยานและการขาดนัดพิจารณา: การตีความรายงานการพิจารณาคดี และขอบเขตการขาดนัด
จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน เมื่อสืบพยานจำเลยบางคนแล้ว ศาลเลื่อนไปสืบพยานจำเลยต่อ ครั้งถึงวันนัด คู่ความขอเลื่อนคดี ศาลให้เลื่อนไปสืบพยาน 2 วัน ติดต่อกัน แต่จดรายงานพิจารณาไขว้เขวไปว่า "ให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 19-17 เดือนหน้าเวลา 9.30 น. ตามที่ตกลงกัน" ดังนี้ ต้องหมายความว่า ให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยก่อนแล้วจึงสืบพยานโจทก์ต่อไป
ในกรณีเช่นนี้ เมื่อถึงวันนัดสืบในวันที่ 16 จำเลยและโจทก์ไม่มาศาล โดยพยานจำเลยที่ขอหมายเรียกไว้มีถึง 4 คน จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบด้วยไม่ได้ หรือสมมติว่าในวันที่ 16 นั้น จำเลยแถลงไม่สืบพยานโจทก์ไม่รู้ตัวจึงไม่ได้เช่นเดียวกัน และการที่โจทก์จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งต่อๆ ไปเช่นในกรณีนี้ จะถือว่าขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 ไม่ได้เพราะการขาดนัดพิจารณาตามมาตรา +++ ต้องเป็นการขาดนัดในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน ไม่ใช่วันสืบพยานครั้งต่อๆ มา
ในกรณีเช่นนี้ เมื่อถึงวันนัดสืบในวันที่ 16 จำเลยและโจทก์ไม่มาศาล โดยพยานจำเลยที่ขอหมายเรียกไว้มีถึง 4 คน จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบด้วยไม่ได้ หรือสมมติว่าในวันที่ 16 นั้น จำเลยแถลงไม่สืบพยานโจทก์ไม่รู้ตัวจึงไม่ได้เช่นเดียวกัน และการที่โจทก์จำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานครั้งต่อๆ ไปเช่นในกรณีนี้ จะถือว่าขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 ไม่ได้เพราะการขาดนัดพิจารณาตามมาตรา +++ ต้องเป็นการขาดนัดในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน ไม่ใช่วันสืบพยานครั้งต่อๆ มา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ลำดับการสืบพยานและการขาดนัดพิจารณา: ศาลเลื่อนสืบพยานจำเลยก่อนแล้วจึงสืบพยานโจทก์
จำเลยเป็นฝ่ายนำสืบก่อน เมื่อสืบพยานจำเลยบางคนแล้วศาลเลื่อนไปสืบพยานจำเลยต่อ ครั้นถึงวันนัดคู่ความขอเลื่อนคดี ศาลให้เลื่อนไปสืบพยาน 2 วันติดต่อกัน แต่จดรายงานพิจารณาไขว้เขวไปว่า "ให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์และจำเลยในวันที่ 16,17 เดือนหน้าเวลา 9.30 น. ตามที่ตกลงกัน" ดังนี้ ต้องหมายความว่า ให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยก่อนแล้วจึงสืบพยานโจทก์ต่อไป
ในกรณีดังกล่าว เมื่อถึงวันนัดสืบในวันที่ 16 จำเลยและโจทก์ไม่มาศาล โดยพยานจำเลยที่ขอหมายเรียกไว้มีถึง 9 คน ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบด้วยไม่ได้ ชอบที่จะให้โจทก์สืบพยานต่อไป และไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
ในกรณีดังกล่าว เมื่อถึงวันนัดสืบในวันที่ 16 จำเลยและโจทก์ไม่มาศาล โดยพยานจำเลยที่ขอหมายเรียกไว้มีถึง 9 คน ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบด้วยไม่ได้ ชอบที่จะให้โจทก์สืบพยานต่อไป และไม่ถือว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลไม่รับผิดต่อการกระทำผิดนอกวัตถุประสงค์ของกรรมการ แม้กระทำในนามบริษัท
จำเลยอื่นซึ่งเป็นกรรมการของบริษัท จำเลยที่ 1 กระทำการโฆษณาชักชวนประชาชนให้เข้าเป็นสมาชิกถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยบริษัทสัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์เมื่อผู้ถือหุ้นถึงแก่กรรมอันเป็นกิจการค้าคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตโดยมิได้รับอนุญาต แม้จำเลยอื่นนั้นกระทำในนามของบริษัท จำเลยที่ 1 ก็เป็นกิจการซึ่งกระทำโดยจำเลยอื่นนั้นเอง บริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจะกระทำกิจการอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์มิได้ จึงลงโทษบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1050/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมการบริษัทโฆษณาชักชวนลงทุนคล้ายประกันชีวิต บริษัทไม่ต้องรับผิดชอบหากเกินวัตถุประสงค์
จำเลยอื่นซึ่งเป็นกรรมการของบริษัทจำเลยที่ 1 กระทำการโฆษณาชักชวนประชาชนให้เข้าเป็นสมาชิกถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งรับโอนหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยบริษัทสัญญาจะจ่ายเงินให้แก่ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้ถือหุ้นถึงแก่กรรม อันเป็นกิจการค้าคล้ายคลึงกับการประกันชีวิตโดยมิได้รับอนุญาต แม้จำเลยอื่นนั้นกระทำในนามของบริษัทจำเลยที่ 1 ก็เป็นกิจการซึ่งกระทำโดยจำเลยอื่นนั้นเอง บริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจะกระทำกิจการอันเป็นการนอกวัตถุประสงค์มิได้ จึงลงโทษบริษัทจำเลยที่ 1 ไม่ได้