คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
อนุสสรนิติสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการแก้ไขโทษจำเลยอื่น แม้โจทก์อุทธรณ์เฉพาะบางจำเลย
คดีอาญา ถ้าศาลอุทธรณ์จะพิพากษาไม่ลงโทษหรือลดโทษให้จำเลย หากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ถึงแม้โจทก์อุทธรณ์ฝ่ายเดียวเฉพาะจำเลยอื่นที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องก็ตาม ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยคนที่ถูกศาลชั้นต้นลงโทษให้ความผิดฐานเดียวกัน หรือต่อเนื่องกันได้ คู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ไม่สำคัญตามฎีกาที่ 1031/2498 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 23/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงมทรัพย์สินที่ตกหล่น: ลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย พิจารณาจากเจตนาและสถานการณ์
ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้น ไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นราย ๆ ไป คือ ถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนเป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้เป็นยักยอก ทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปจมเอาปืนนั้นมาขายเสียแสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์
(ประชมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1363/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์ vs. ยักยอกทรัพย์สินหาย พิจารณาจากเจตนาและพฤติการณ์
ทรัพย์สินหายเป็นเรื่องที่ทรัพย์หลุดพ้นไปจากความยึดถือของเจ้าของหรือผู้ครอบครองโดยมิได้ตั้งใจ ไม่ใช่เรื่องสละการครอบครอง ผู้ใดเก็บเอาทรัพย์นั้นไป จะเป็นลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินหาย ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์เป็นรายๆ ไป คือถ้าเก็บเอาไปโดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นเจ้าของกำลังติดตามหรือจะติดตามเพื่อเอาคืนก็เป็นลักทรัพย์ ถ้าไม่รู้หรือไม่มีเหตุอันควรรู้ก็เป็นยักยอกทรัพย์สินหาย
รถทหารคว่ำทำให้ปืนทหารตกน้ำ 1 กระบอก ทหารงมหา 2 ครั้งไม่พบ จึงไปแจ้งความที่อำเภอ ต่อมาตอนค่ำวันเดียวกันนั้นเอง จำเลยไปงมเอาปืนนั้นมาขายเสีย แสดงว่าจำเลยรู้หรือควรรู้ว่ารถทหารคว่ำปืนจมน้ำอยู่ แล้วถือโอกาสตอนปลอดผู้คนไปงมเอาปืนที่อยู่ในระหว่างเจ้าของกำลังติดตามเพื่อเอาคืน จึงผิดฐานลักทรัพย์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 25/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายสินบริคณห์โดยความยินยอมของสามี: สัญญาไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ
การที่ภริยาทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินบริคณห์ให้โจทก์โดยภริยาได้รับเงินราคาที่ดินบางส่วนแล้วและโดยสามีรู้เห็นยินยอมแล้วนั้น เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรคสอง ซึ่งไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้นความยินยอมของสามีจึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 1476 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับภริยาโอนขายที่ดินให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมสามีขายสินบริคณห์: ไม่ต้องทำหนังสือหากได้รับเงินค่าขายแล้ว
การที่ภริยาทำสัญญาจะขายที่ดินมีโฉนดอันเป็นสินบริคณห์ให้โจทก์ โดยภริยาได้รับเงินราคาที่ดินบางส่วนแล้ว และโดยสามีรู้เห็นยินยอมแล้วนั้น เป็นกรณีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 456 วรรค 2 ซึ่งไม่ต้องทำสัญญาเป็นหนังสือก็ใช้ได้ ฉะนั้น ความยินยอมของสามีจึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือตามมาตรา 1476 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับภริยาโอนขายที่ดินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขออนาถาและการขยายอายุอุทธรณ์ ผลกระทบต่อสิทธิในการอุทธรณ์
เดิมจำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยแถลงในวันนัดไต่สวนว่า พยานมาไม่ครบ และว่าเพื่อไม่ให้ยุ่งยาก จำเลยขอขยายอายุอุทธรณ์ไป 15 วัน เพื่อนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลอนุญาต เช่นนี้ มีผลเสมอด้วยจำเลยขอถอนคำร้องขออนาถาเสียแล้ว ต่อมาเมื่อครบกำหนดดังกล่าว จำเลยจะมาแถลงว่าหาเงินค่าธรรมเนียมไม่ได้ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขออนาถาใหม่ และขอขยายอายุอุทธรณ์(เมื่อขาดอายุอุทธรณ์แล้ว) อีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องขออนาถาแล้วกลับมาขออนาถาใหม่หลังขาดอายุอุทธรณ์ ศาลไม่อนุญาต
เดิมจำเลยยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา จำเลยแถลงในวันนัดไต่สวนว่า พยานมาไม่ครบและว่าเพื่อไม่ให้ยุ่งยาก จำเลยขอขยายอายุอุทธรณ์ไป 15 วัน เพื่อนำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลอนุญาต เช่นนี้ มีผลเสมอด้วยจำเลยขอถอนคำร้องขออนาถาเสียแล้ว ต่อมาเมื่อครบกำหนดดังกล่าว จำเลยจะมาแถลงว่าหาเงินค่าธรรมเนียมไม่ได้ ขอให้ศาลไต่สวนคำร้องขอใหม่ และขอขยายอายุอุทธรณ์ (เมื่อขาดอายุอุทธรณ์แล้ว) อีกหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยา
สามีจะทำร้ายภรรยาด้วยไม้หลักแจวภรรยาหนีเข้าห้องเรือนไป สามีก็ติดตามจะเข้าไปทำร้ายภรรยาให้ได้ ภรรยาจึงใช้ปืนยิง 1 นัด ถูกสามีถึงแก่ความตาย เช่นนี้เป็นการป้องกัน แต่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุในความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา
สามีจะทำร้ายภรรยาด้วยไม้หลักแจว ภรรยาหนีเข้าห้องเรือนไป สามีก็ติดตามเข้าไปทำร้ายภรรยาให้ได้ ภรรยาจึงใช้ปืนยิง 1 นัด ถูกสามีถึงแก่ความตาย เช่นนี้เป็นการป้องกันตัว แต่เกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1303/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดโทษและความชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาอาญา กรณีเจ้าพนักงานปลอมแปลงเอกสาร และการฎีกาที่ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง
ในความผิดฐานเจ้าพนักงานปลอมหนังสือแม้กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 229 และ 230 กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปจนถึง 10 ปี ก็จริง แต่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 กำหนดโทษว่า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีซึ่งไม่มีกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ เมื่อกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะศาลทำการพิจารณาเป็นเช่นนี้ ในการวินิจฉัยกรณีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 จึงต้องถือเอาตามนั้น แม้จะไม่ได้ระบุว่ามาตราใดตรงกับมาตราของกฎหมายเดิมมาตราไหน แต่ก็อาจเห็นจากบทบัญญัติของกฎหมายเก่าและใหม่ได้อยู่ในตัวแล้ว เมื่อจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจึงสั่งไม่ให้สืบพยาน เช่นนี้ ย่อมเป็นการชอบแล้ว เพราะการที่ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายวิธีพิจารณา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 22/2503)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยจะฎีกาว่าจำเลยมีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 โดยบิดาจำเลยได้นำเงินส่วนตัวมอบให้ผู้เสียหายหมดสิ้นแล้ว และว่าการที่ศาลมิให้จำเลยสืบพยาน ทำให้ศาลไม่ทราบถึงข้อควรคำนึงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ดังนี้ หาได้ไม่ เพราะการฎีกาดังกล่าวขัดกับที่ปรากฏในรายงานพิจารณาที่ว่า จำเลยแถลงว่าจำเลยไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าทุกข์ได้ จำเลยขอให้ศาลพิพากษาไป การที่จำเลยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้เป็นปัญหาข้อกฎหมายจึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 34