พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเลื่อนคดีและตัดพยานเมื่อพยานไม่มาศาล – คดีอาญา
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 111 พยานได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล ศาลจะเลื่อนการพิจารณาไปและออกหมายจับก็ได้บทบัญญัตินี้ให้อำนาจแก่ศาลจะหยิบยกขึ้นเองโดยศาลเห็นสมควรหรือเมื่อคู่ความร้องขอ คดีอาญาเป็นหน้าที่ของโจทก์จะต้องนำพยานหลักฐานมาแสดงว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้อง สำหรับคดีนี้ต้องเลื่อนคดีมาหลายครั้งก็จริง แต่โจทก์ก็พยายามที่จะเอาตัวพยานตลอดมา ถ้าจำเลยต้องขัง ศาลฎีกาก็เห็นควรตัดพยานโจทก์ แต่เนื่องจากจำเลยมีประกันตัวไป หากจะให้เลื่อนก็ไม่ลำบากแก่จำเลยและไม่เสียความยุติธรรม เมื่อพิจารณาถึงข้อนี้ประกอบพฤติการณ์ต่างๆ ในสำนวน ควรให้โอกาสโจทก์เลื่อนการพิจารณาไปอีกครั้งหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอม และข้อจำกัดในการโต้แย้งภายหลัง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และศาลได้พิพากษาไปตามนั้นแล้ว เมื่อจำเลยกล่าวอ้างว่าสัญญายอมเกิดจากโจทก์ใช้กลฉ้อฉลหรืออ้างว่าสัญญายอมขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ต้องอุทธรณ์คำพิพากษาเช่นว่านี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 จำเลยจะมาร้องขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างเหตุดังกล่าว และขอให้ศาลไต่สวนหาความจริงตามคำร้องของจำเลยนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 907/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันของสัญญาประนีประนอมตามยอม และข้อจำกัดในการโต้แย้งภายหลัง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับไว้โดยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และศาลได้พิพากษาไปตามนั้นแล้ว เมื่อจำเลยกล่าวอ้างว่าสัญญายอมขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ก็ต้อง อุทธรณ์คำพิพากษาเช่นว่า นี้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138 จำเลยจะมาร้องขอให้งดการบังคับคดี โดยอ้างเหตุดังกล่าว และขอให้ศาลไต่สวนหาความจริงตามคำร้องของจำเลยนั้น หาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับเนื่องจากศาลอุทธรณ์แก้ไขเล็กน้อย จำเลยฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปีและลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4 คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปี จำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อย ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 899/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา ทำให้ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่สำเร็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาตาม มาตรา 290 จำคุกจำเลยคนละ 4 ปี ศาลอุทธรณ์คงพิพากษาว่าจำเลยผิดตามมาตรา 290 แต่ลดมาตราส่วนโทษให้นายซ้งจำเลยคนหนึ่ง 1 ใน 3 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน นอกนั้นวางโทษจำคุกคนละ 4 ปี และลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยคนละ 1 ใน 4คงเหลือโทษจำคุกนายซ้ง 2 ปีจำเลยนอกนั้นคนละ 3 ปี ดังนี้ ถือว่าแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 887/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับฟัง เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง และข้อเท็จจริงแตกต่างกัน
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยอาศัยข้อเท็จจริง แม้จะฟังข้อเท็จจริงต่างกันก็ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ต่อสู้คดี หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอย ๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญา จำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไร หรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้ จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของจำเลยได้โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ให้การต่อสู้ หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอยๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญาจำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไรหรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉุดคร่าเพื่อสำเร็จความใคร่ตนเอง ไม่ใช่ความผิดตามมาตรา 282
ความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 282 ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหาล่อไป หรือชักพาไปโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่น ถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นกระทำนั้นเองแล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรา นี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 824/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฉุดคร่าเพื่ออนาจาร ต้องมีเจตนาให้ผู้อื่นสำเร็จความใคร่ การกระทำเพื่อตนเองไม่เข้าข่าย
ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 ต้องเป็นกรณีที่เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปโดยมิได้ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้อื่นถ้าเป็นกรณีที่กระทำไปเพื่อให้สำเร็จความใคร่ของผู้กระทำนั้นเองแล้ว หาเป็นความผิดตามมาตรานี้ไม่