พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินสมรสหลังยอมความในคดีร้องขัดทรัพย์ ศาลยืนตามสิทธิการจัดการสินสมรส
ในกรณีที่ภริยาจำเลยร้องขัดทรัพย์แล้วทำยอมความในศาลกับโจทก์ให้ขายทรัพย์ที่ยึดเอาเงินครึ่งหนึ่งให้ผู้ร้องรับไป อีกครึ่งหนึ่งชำระหนี้โจทก์ เหลือก็คืนจำเลยนั้น หากปรากฏว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ยินยอมให้ขายชำระหนี้โจทก์ได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจำเลยและผุ้ร้องจะมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดอย่งไร คงมีปัญหาอยู่ที่ว่า ฝ่ายใดจะมีสิทธิรับทรัพย์ส่วนของผู้ร้องตามยอมคืนไปเท่าใด และฝ่ายใดจะเป็นผู้ดำเนินคดีแก่ฝ่ายใดเท่านั้น จำเลยจะร้องอ้างว่าไม่ได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์และทำยอมจึงขอบอกล้างเสียนั้นย่อมไม่ได้ เพราะไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกรณีร้องขัดทรัพย์นี้ ชอบที่จำเลยและผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 168/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแบ่งทรัพย์สินสมรสหลังยึดทรัพย์ชำระหนี้: สิทธิของสามีภริยาและการบอกล้างสัญญาประนีประนอม
ในกรณีที่ภริยาจำเลยร้องขัดทรัพย์แล้วทำยอมความในศาลกับโจทก์ให้ขายทรัพย์ที่ยึดเอาเงินครึ่งหนึ่งให้ผู้ร้องรับไป อีกครึ่งหนึ่งชำระหนี้โจทก์ เหลือก็คืนจำเลยนั้นหากปรากฏว่า ทรัพย์ที่ยึดเป็นสินสมรสระหว่างจำเลยกับผู้ร้อง ยินยอมให้ขายชำระหนี้โจทก์ได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาเรื่องจำเลยและผู้ร้องจะมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดอย่างไร คงมีปัญหาอยู่ที่ว่า ฝ่ายใดจะมีสิทธิรับทรัพย์ส่วนของผู้ร้องตามยอมคืนไปเท่าใด และฝ่ายใดจะเป็นผู้ดำเนินคดีแก่ฝ่ายใดเท่านั้น จำเลยจะร้องอ้างว่าไม่ได้อนุญาตให้ผู้ร้องร้องขัดทรัพย์และทำยอม จึงขอบอกล้างเสียนั้นย่อมไม่ได้เพราะไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับกรณีร้องขัดทรัพย์นี้ ชอบที่จำเลยและผู้ร้องจะไปว่ากล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่งต่างหาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำความผิดเบิกความเท็จ: ศาลยกฟ้องเมื่อคดีเดิมถึงที่สุดแล้ว
ในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) โจทก์ฟ้องจำเลยว่า เบิกความในคดีแพ่งแดงที่ 953/2502 เป็นเท็จว่า "โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลย" ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) ว่า "จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า" เป็นเท็จอีก ดังนี้เห็นได้ชัดว่า โจทก์นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จมาฟ้องอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำความผิดเบิกความเท็จ: คดีถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องอีก
ในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) โจทก์ฟ้องจำเลยว่าเบิกความในคดีแพ่งแดงที่ 953/2502 เป็นเท็จว่า 'โจทก์จำนองที่ดินไว้กับจำเลย โจทก์ไม่เคยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้จำเลยเลย' ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ว่าจำเลยเบิกความในคดีก่อน (อาญาแดงที่ 100/2503) ว่า'จำเลยไม่เคยเซ็นชื่อรับดอกเบี้ยจากโจทก์ และแสตมป์ในสัญญาจำเลยไม่ได้เป็นผู้ฆ่า' เป็นเท็จอีก ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าโจทก์นำคดีอาญาซึ่งศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้วในความผิดที่โจทก์หาว่าจำเลยเบิกความเท็จมาฟ้องอีก จึงเป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาหลังพ้นกำหนด 72 ชั่วโมง: อำนาจฟ้องของผู้ว่าคดีเมื่ออธิบดีกรมอัยการอนุญาต
จำเลยหลบหนีไปจากสถานที่ควบคุมในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในข้อหาเรื่องอื่น พนักงานสอบสวนมิได้ส่งตัวจำเลยไปฟ้องหรือขอผัดฟ้องภายในกำหนด 72 ชั่วโมง นับแต่จำเลยถูกจับ ผู้ว่าคดีเพิ่งฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงเมื่อจำเลยถูกจับในคดีหลบหนีฯ นี้แล้ว 3 เดือนเศษ เมื่อได้ความว่าอธิบดีกรมอัยการได้อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 82-86/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าหน้าที่คุรุสภาไม่ใช่ข้าราชการ การยักยอกเงินจึงไม่เข้าข่ายความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของเจ้าพนักงาน
เจ้าหน้าที่ของคุรุสภาไม่ใช่ข้าราชการ แม้ยักยอกเงินในหน้าที่ก็ไม่ใช่กระทำผิดในฐานะเจ้าพนักงาน เงินของคุรุสภาไม่ใช่เงินงบประมาณของแผ่นดิน แม้จำเลยจะเป็นข้าราชการ แต่เมื่อเงินที่ยักยอกไม่ใช่เงินของราชการหรืออยู่ในความรักษาของราชการ จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147,151 ไม่ได้ และแม้จำเลยมิได้ยกข้อนี้ขึ้นในชั้นอุทธรณ์ ก็ยกขึ้นในชั้นฎีกาได้
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดฐานยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 แต่ขอให้ลงโทษตามมาตรา 147,151 ศาลย่อมลงโทษตามมาตรา 352 ได้
ฟ้องบรรยายว่าผู้เสียหายร้องทุกข์แล้ว จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพพร้อมด้วยคำแถลงซึ่งระบุว่ารับสารภาพตามฟ้องทุกประการ แสดงว่ารับสารภาพตลอดถึงเรื่องร้องทุกข์ด้วย
คดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ แม้ผู้เสียหายจะพอใจตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์
จำเลยได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินของคุรุสภาจากธนาคารออมสินเพื่อจ่ายให้แก่นางสำรวย จำเลยรับเงินแล้วยักยอกเสีย เงินก็ยังเป็นของคุรุสภาอยู่ นางสำรวยไม่ใช่ผู้เสียหายไม่อาจถอนคำร้องทุกข์ให้คดีระงับไป
เจ้าหน้าที่ของผู้เสียหายมีหนังสือถึงจำเลยความว่าเงินที่จำเลยยักยอกไปนั้นทางคุรุสภาประจำจังหวัดได้รับคืนจากจำเลยแล้ว ไม่ประสงค์จะให้จำเลยได้รับโทษทางอาญาต่อไป ดังนี้ ไม่ใช่การถอนคำร้องทุกข์หรือการยอมความ
โจทก์บรรยายฟ้องเป็นความผิดฐานยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 แต่ขอให้ลงโทษตามมาตรา 147,151 ศาลย่อมลงโทษตามมาตรา 352 ได้
ฟ้องบรรยายว่าผู้เสียหายร้องทุกข์แล้ว จำเลยยื่นคำให้การรับสารภาพพร้อมด้วยคำแถลงซึ่งระบุว่ารับสารภาพตามฟ้องทุกประการ แสดงว่ารับสารภาพตลอดถึงเรื่องร้องทุกข์ด้วย
คดีความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้ แม้ผู้เสียหายจะพอใจตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โจทก์ก็ยังมีสิทธิอุทธรณ์
จำเลยได้รับมอบหมายให้ไปรับเงินของคุรุสภาจากธนาคารออมสินเพื่อจ่ายให้แก่นางสำรวย จำเลยรับเงินแล้วยักยอกเสีย เงินก็ยังเป็นของคุรุสภาอยู่ นางสำรวยไม่ใช่ผู้เสียหายไม่อาจถอนคำร้องทุกข์ให้คดีระงับไป
เจ้าหน้าที่ของผู้เสียหายมีหนังสือถึงจำเลยความว่าเงินที่จำเลยยักยอกไปนั้นทางคุรุสภาประจำจังหวัดได้รับคืนจากจำเลยแล้ว ไม่ประสงค์จะให้จำเลยได้รับโทษทางอาญาต่อไป ดังนี้ ไม่ใช่การถอนคำร้องทุกข์หรือการยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมรับการจำนองของผู้อื่นโดยปริยาย แม้เป็นเจ้าของร่วม ไม่สามารถเรียกร้องภายหลังได้
จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา โดยมิได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างนั้นได้ออกเงินช่วยกันซื้อที่ดินและร่วมกันครอบครองมา เมื่อจำเลยผู้เป็นสามีนำรังวัดที่ดินนี้เพื่อออกโฉนดและใบไต่สวนผู้ร้องก็ทราบ แต่ก็ยอมให้ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว ภายหลังจำเลยนำที่ดินนี้ไปจำนองไว้กับโจทก์ เมื่อโจทก์บอกกล่าวการบังคับจำนองผู้ร้องก็ติดต่อขอผ่อนผันกับโจทก์โดยได้รับมอบอำนาจจากจำเลย ต่อมาผู้ร้องปลูกป้องแถวลงในที่ดินนี้ ผุ้ร้องก็ขออนุญาตโจทก์ และยังยอมให้สิ่งปลูกสร้างตกอยู่ในสัญญาจำนองด้วย เมื่อจำเลยถูกโจทก์ฟ้องบังคับจำนองตลอดจนกระทั่งโจทก์ชนะคดีแล้วนำยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาด ผู้ร้องก็ไม่เคยโต้แย้งเลย ดังนี้ ผู้ร้องจะเพิ่งมาโต้แย้งภายหลังที่ขายทอดตลาดแล้วว่าทรัพย์รายนี้เป็นของผู้ร้องร่วมอยู่ด้วย และว่าจำเลยไม่มีอำนาจจำนองทรัพย์ส่วนของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอแบ่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเช่นนี้หาได้ไม่ เพราะตามพฤติการณ์ของผู้ร้องแสดงชัดแจ้งแล้วว่าผู้ร้องรับรองต่อโจทก์ว่าที่จำเลยจำนองที่ดินนี้แก่โจทก์นั้นเป็นการสมบูรณ์และโดยมีอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยินยอมให้จำนองทรัพย์สินร่วม: ผลผูกพันทางกฎหมายและการรับรองความสมบูรณ์ของสัญญา
จำเลยกับผู้ร้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส ระหว่างนั้นได้ออกเงินช่วยกันซื้อที่ดินและร่วมกันครอบครองมา เมื่อจำเลยผู้เป็นสามีนำรังวัดที่ดินนี้เพื่อออกโฉนดและใบไต่สวน ผู้ร้องก็ทราบแต่ก็ยอมให้ลงชื่อจำเลยเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวภายหลังจำเลยนำที่ดินนี้ไปจำนองไว้กับโจทก์ เมื่อโจทก์บอกกล่าวการบังคับจำนอง ผู้ร้องก็ติดต่อขอผ่อนผันกับโจทก์โดยได้รับมอบอำนาจจากจำเลย ต่อมาผู้ร้องปลูกห้องแถวลงในที่ดินนี้ ผู้ร้องก็ขออนุญาตโจทก์ และยังยอมให้สิ่งปลูกสร้างตกอยู่ในสัญญาจำนองด้วย เมื่อจำเลยถูกโจทก์ฟ้องบังคับจำนองตลอดจนกระทั่งโจทก์ชนะคดีแล้วยึดที่ดินจำนองขายทอดตลาด ผู้ร้องก็ไม่เคยโต้แย้งเลยดังนี้ ผู้ร้องจะเพิ่งมาโต้แย้งภายหลังที่ขายทอดตลาดแล้วว่าทรัพย์รายนี้เป็นของผู้ร้องร่วมอยู่ด้วย และว่าจำเลยไม่มีอำนาจจำนองทรัพย์ส่วนของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงขอแบ่งเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดเช่นนี้หาได้ไม่เพราะตามพฤติการณ์ของผู้ร้องแสดงชัดแจ้งแล้วว่าผู้ร้องรับรองต่อโจทก์ว่าที่จำเลยจำนองที่ดินนี้แก่โจทก์นั้นเป็นการสมบูรณ์และโดยมีอำนาจ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกผลนิตินัยจากทรัพย์ยึดและการขอเฉลี่ยหนี้ เจ้าหนี้ต้องยื่นคำร้องตามกำหนดเวลา
การยึดที่ดินสวนยางซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ย่อมครอบไปถึงดอกผลนิตินัยด้วยตามมาตรา 304 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เงินค่าประมูลกรีดยางซึ่งคู่กรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดีนำมาวางศาล ถือเป็นดอกผลนิตินัยของสวนยางที่ถูกนำยึด เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอเข้าเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องนำเงินค่าประมูลกรีดยางมาวางศาลเป็นรายเดือน ๆ ละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมา และในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504 จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290
เงินค่าประมูลกรีดยางซึ่งคู่กรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดีนำมาวางศาล ถือเป็นดอกผลนิตินัยของสวนยางที่ถูกนำยึด เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอเข้าเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องนำเงินค่าประมูลกรีดยางมาวางศาลเป็นรายเดือน ๆ ละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมา และในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504 จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 67/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ดอกผลนิตินัยจากการยึดทรัพย์: สิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและการยื่นคำร้องขอเฉลี่ยเกินกำหนด
การยึดที่ดินสวนยางซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ ย่อมครอบไปถึงดอกผลนิตินัยด้วยตามมาตรา 304 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เงินค่าประมูลกรีดยางซึ่งคู่กรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดีนำมาวางศาล ถือเป็นดอกผลนิตินัยของสวนยางที่ถูกนำยึดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอเข้าเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องนำเงินค่าประมูลกรีดยางมาวางศาลเป็นรายเดือนเดือนละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมาและในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290
เงินค่าประมูลกรีดยางซึ่งคู่กรณีพิพาทกันในชั้นบังคับคดีนำมาวางศาล ถือเป็นดอกผลนิตินัยของสวนยางที่ถูกนำยึดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมมีสิทธิร้องขอเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องยื่นคำขอเข้าเฉลี่ยก่อนสิ้นระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 290 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ผู้ร้องนำเงินค่าประมูลกรีดยางมาวางศาลเป็นรายเดือนเดือนละ 600 บาท นับแต่เดือนพฤศจิกายน 2502 เป็นต้นมาและในที่สุดโจทก์ได้รับเงินค่ากรีดยางนี้ไปเสร็จแล้วเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2504 เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเพิ่งมายื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2504จึงไม่มีสิทธิเข้าเฉลี่ยในเงินค่ากรีดยางรายนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290