พบผลลัพธ์ทั้งหมด 337 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องลดราคาที่ดินเนื่องจากเนื้อที่ไม่ตรงสัญญา ไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
คดีก่อน โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยจำเลยยอมขายที่ดินให้ แต่ต่อมาปรากฎว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยยอมขายให้โจทก์ซึ่งว่ามี 59 ไร่ เศษนั้น วัดได้เพียง 21 ไร่เศษ โจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ขอให้ลดราคาที่ดินลงตามส่วนจึงเป็นคนละประเด็นกับที่พิพาทกันในคดีก่อนไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยตกลงขายให้โจทก์มี 59 ไร่เศษ แต่เมื่อรังวัดแล้วมีเพียง 21 ไร่เศษ จึงขอให้จำเลยลดราคาตามส่วน จำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้อย่างใด จึงต้องถือว่าจำเลยในข้อที่โจทก์อ้าง โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบในข้อนี้.
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยตกลงขายให้โจทก์มี 59 ไร่เศษ แต่เมื่อรังวัดแล้วมีเพียง 21 ไร่เศษ จึงขอให้จำเลยลดราคาตามส่วน จำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้อย่างใด จึงต้องถือว่าจำเลยในข้อที่โจทก์อ้าง โดยโจทก์ไม่ต้องนำสืบในข้อนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเนื้อที่ดินหลังคำพิพากษาถึงที่สุด ไม่เป็นฟ้องซ้ำ จำเลยรับข้อเท็จจริงไม่ต้องพิสูจน์
คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนขายที่ดินให้โจทก์ คดีถึงที่สุดโดยจำเลยยอมขายที่ดินให้โจทก์ แต่ต่อมาปรากฏว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยยอมขายให้โจทก์ ซึ่งว่ามี 59 ไร่เศษนั้น วัดได้เพียง 21 ไร่เศษโจทก์จึงมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ขอให้ลดราคาที่ดินลงตามส่วน จึงเป็นคนละประเด็นกับที่พิพาทกันในคดีก่อน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยตกลงขายให้โจทก์มี 59 ไร่เศษ แต่เมื่อรังวัดแล้วมีเพียง21 ไร่เศษ จึงขอให้จำเลยลดราคาลงตามส่วน จำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้อย่างใด จึงต้องถือว่า จำเลยรับในข้อที่โจทก์อ้าง โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบในข้อนี้
โจทก์ฟ้องบรรยายว่า เนื้อที่ดินที่จำเลยตกลงขายให้โจทก์มี 59 ไร่เศษ แต่เมื่อรังวัดแล้วมีเพียง21 ไร่เศษ จึงขอให้จำเลยลดราคาลงตามส่วน จำเลยมิได้ปฏิเสธความข้อนี้อย่างใด จึงต้องถือว่า จำเลยรับในข้อที่โจทก์อ้าง โดยโจทก์ไม่จำต้องนำสืบในข้อนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาในความผิดอื่นแล้ว
กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้น เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียว: สิทธิฟ้องคดีบุกรุกระงับเมื่อมีคำพิพากษาคดีทำร้ายร่างกายแล้ว
กรณีบุกรุกเข้าไปในบ้านเพื่อทำร้ายคนบนเรือนเป็นการกระทำกรรมเดียวกันนั้นเมื่อศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานทำร้ายร่างกายแล้ว สิทธิที่จะฟ้องคดีฐานบุกรุกย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณความอาญา มาตรา 39(4)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 955/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มติเจ้าหนี้ขัดขวางการล้มละลาย: ศาลมีอำนาจสั่งทำลายมติและพิพากษาให้ล้มละลายได้
ศาลชั้นต้นสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดแล้วในการประชุมเจ้าหนี้ครั้งแรกปรากฎว่าลูกหนี้มิได้ขอประนอมหนี้ ก็เป็นอันว่าจะต้องถูกพิพากาาให้ล้มละลายต่อไป เจ้าหนี้จะลงมติมีให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายไม่ได้ การที่เจ้าหนี้ฝ่ายข้างมากลงมติเช่นนั้น ย่อมเป็นการนอกเหนือไปจากบทบัญญัติในมาตรา 31 จึงเป้นการฝ่าฝืนและขัดต่อกฎหมายลักษณะล้มละลาย ศาลจึงสั่งให้ทำลายมติดังกล่าวได้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ร้องขอ และเมื่อสั่งทำลายมติแล้ว ก็มีผลเท่ากับเจ้าหนี้ไม่ลงมติประการใด ศาลย่อมพิพากษาให้ลูกหนี้เป็นบุคคลล้มละลายได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนผันการชำระค่าเช่าทำให้ผู้ให้เช่าสละสิทธิเรียกร้องการผิดนัดชำระค่าเช่าได้
แม้สัญญาเช่าจะระบุให้ผู้เช่าส่งค่าเช่าทุกๆ วันที่ 5 ของเดือนก็จริงแต่เมื่อผู้ให้เช่าได้ยอมผ่อนผันให้ผู้เช่าส่งค่าเช่าทางไปรษณีย์ธนาณัติ 4 บ้าง 3 เดือนบ้าง 3-4 ครั้ง ย่อมแสดงให้เห็นว่า ผู้ให้เช่ามิได้ถือเด็ดขาดตามสัญญานั้นแล้วฉะนั้น ค่าเช่าตอนหลัง 2 เดือน ซึ่งผู้เช่าได้ส่งให้ผู้ให้เช่าโดยทางธนาณัติเช่นเคยแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ยอมรับจึงไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่า 2 คราวติดๆ กันตามพระราชบัญญัติ ควบคุมค่าเช่าฯลฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 886/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การผ่อนผันการชำระค่าเช่าทำให้ไม่ถือเป็นการผิดนัดตามสัญญาและกฎหมายควบคุมค่าเช่า
แม้สัญญาเช่าจะระบุให้ผู้เช่าชำระค่าเช่าทุก ๆ วันที่ 5 ของเดือนก็ตาม แต่เมื่อผู้ให้เช่าได้ยอมผ่อนผันให้ส่งค่าเช่า 4 เดือนบ้าง 3 เดือนหลายครั้ง ฉะนั้นค่าเช่าสองเดือนที่ผู้เช่าส่งไปชำระเช่นเคยแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ยอมรับ จึงไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าสองคราวติด ๆ กันตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีค่าปรับและการหักวันกักขัง: ศาลมีอำนาจแก้ไขการบังคับคดีได้ แม้คำพิพากษาให้ปรับ
จำเลยขอให้ศาลสั่งคืนเงินค่าปรับบางส่วนที่ได้ชำระไปแล้วโดยจำเลยยอมให้กักขังแทนค่าปรับตามคำพิพากษาศาลย่อมไม่คืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วให้แก่จำเลยกรณีเช่นนี้ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขหักวันกักขังให้ได้ตามสมควร หาใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาไม่ หากแต่เป็นการแก้ไขในการบังคับค่าปรับตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 28/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 880/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าปรับบางส่วนและการหักวันกักขัง ศาลมีอำนาจแก้ไขการบังคับคดีได้
จำเลยขอให้ศาลสั่งคืนเงินค่าปรับบางส่วนที่ได้ชำระไปแล้วโดยจำเลยยอมให้กักขังแทนค่าปรับตามคำพิพากษา ศาลย่อมไม่คืนค่าปรับที่ชำระไปแล้วให้แก่จำเลย กรณีเช่นนี้ ศาลย่อมมีอำนาจสั่งแก้ไขหักวันกักขังให้ได้ตามสมควร หาใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาไม่ หากแต่เป็นการแก้ไขในการบังคับค่าปรับตามอำนาจที่กฎหมายให้ไว้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเผาขยะลุกลาม: ฟ้องผิดฐานประมาทต้องอาศัยการบรรยายในฟ้อง
ฟ้องว่าจำเลยเผาขยะและใบไม้กิ่งไม้แห้งในสวนยาง ในลักษณะอันน่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 โดยมิได้บรรยายเรื่องประมาทมาด้วยเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการเผาที่ไม่น่าจะเกิดอันตรายแก่ทรัพย์ผู้อื่นหากแต่เป็นการประมาทปราศจากการระมัดระวังเพลิงจึงลุกลามเข้าไปในสวนของผู้อื่น เช่นนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา192 จะลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 225 ไม่ได้(อ้างฎีกาที่ 546/2498) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 19/2505)