คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จิตติ ติงศภัทิย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 790/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ระยะเวลาทวงหนี้ตาม พรบ.ล้มละลาย และการฟ้องผู้ถือหุ้นไม่จำกัดความรับผิด
คำว่า "ซึ่งมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่าสามสิบวัน" ในพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 8(9) หมายความว่าในระหว่างการทวงถามครั้งแรกกับครั้งที่สองต้องมีระยะเวลาสามสิบวันเท่านั้น
โจทก์อาจฟ้องผู้ถือหุ้นชนิดไม่จำกัดความรับผิดให้ล้มละลายพร้อมกับห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ โดยโจทก์ไม่ต้องดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 89 ก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการพิจารณาคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา: ศาลต้องพิจารณายกคำร้องก่อน หากเห็นว่าอุทธรณ์ต้องห้าม
จำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนอนาถา ครั้นถึงวันนัดได้สั่งงดไต่สวนเสีย โดยว่าไม่จำเป็นและมีคำสั่งว่า ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 ก็พึงยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 3 หาควรที่จะก้าวล่วงไปสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยเสียทีเดียวไม่ จึงพิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรค 3 ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาให้คืนจำเลยไป (คดีนี้จำเลยฎีกาได้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถา: ศาลต้องพิจารณายกคำร้องหากอุทธรณ์มีปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้าม
จำเลยยื่นอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นนัดไต่สวนอนาถา ครั้นถึงวันนัดได้สั่งงดไต่สวนเสีย โดยว่าไม่จำเป็นและมีคำสั่งว่า ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เพราะเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ที่ศาลชั้นต้นสั่งเช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ยังคลาดเคลื่อนอยู่ เพราะเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ก็พึงยกคำร้องขอฟ้องอุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคสาม หาควรที่จะก้าวล่วงไปสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย เสียทีเดียวไม่ จึงพิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคสาม ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ฎีกาให้คืนจำเลยไป (คดีนี้จำเลยฎีกาได้)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากบุคคลภายนอกทายาท ไม่เป็นฟ้องซ้ำ แม้มีคดีก่อนหน้านี้ แต่ทรัพย์สินเป็นของจำเลย
มรดกมีห้องแถว 3 ห้อง ปลูกอยู่ในที่ดินเช่าจากวัด ทายาทเป็นโจทก์ฟ้องเรียกห้องนี้ 2 ห้องจากจำเลยซึ่งไม่ใช่ทายาท ในที่สุดตกลงกันโดยแบ่งกันคนละห้อง แต่โจทก์แถลงไว้ด้วยว่า จะฟ้องเรียกห้องที่ 3 จากจำเลยอีก คดีนั้นถึงที่สุด
ต่อมาโจทก์มาฟ้องเรียกห้องที่ 3 จากจำเลยอีก โจทก์อ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะจำเลยไม่ใช่ทายาท และทรัพย์ที่เรียกเป็นคนละอันกับในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกทรัพย์มรดกจากผู้ไม่ใช่ทายาท และประเด็นฟ้องซ้ำ
มรดกมีห้องแถว 3 ห้อง ปลูกอยู่ในที่ดินเช่าจากวัด ทายาทเป็นโจทก์ฟ้องเรียกห้องนี้ 2 ห้องจากจำเลยซึ่งไม่ใช่ทายาท ในที่สุดตกลงกันโดยแบ่งกันคนละห้อง แต่โจทก์แถลงไว้ด้วยว่าจะฟ้องเรียกห้องที่ 3 จากจำเลยอีก คดีนั้นถึงที่สุด
ต่อมาโจทก์มาฟ้องเรียกห้องที่ 3 จากจำเลยอีก โจทก์อ้างว่าเป็นมรดกของผู้ตาย ไม่เป็นฟ้องซ้ำ เพราะจำเลยไม่ใช่ทายาท และทรัพย์ที่เรียกเป็นคนละอันกับในคดีก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายภรรยาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย: การพิจารณาเจตนาฆ่าและความรุนแรงในการกระทำ
จำเลยและผู้ตายอยู่กินเป็นสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยได้ใช้มือและเท้าทำร้ายผู้ตาย โดยทำร้ายบ้างหยุดบ้างสลับกันเป็นระยะๆรวมเวลาประมาณ 8 ชั่วโมงไม่ได้ความว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยลักษณะและความรุนแรงเพียงใด ลักษณะบาดแผลของผู้ตายที่แพทย์ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ คือ หน้าบวม ศีรษะบวม และไตแตกไม่มีเหตุพอจะให้พิจารณาประกอบบาดแผลว่า จำเลยได้กระทำโดยลักษณะและความรุนแรงที่อาจจะเห็นผลได้ว่าน่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาโดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรคสองไม่ผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 699/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายภรรยาโดยไม่เจตนาถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาพิจารณาความรุนแรงและเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยและผู้ตายอยู่กินเป็นสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรส จำเลยได้ใช้มือและเท้าทำร้ายผู้ตาย โดยทำร้ายบ้างหยุดบ้างสลับกันเป็นระยะ ๆ รวมเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง ไม่ได้ความว่าจำเลยทำร้ายผู้ตายโดยลักษณะและความรุนแรงเพียงใด ลักษณะบาดแผลของผู้ตายที่แพทย์ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ คือ หน้าบวม ศรีษะบวม และไตแตก ไม่มีเหตุพอจะให้พิจารณาประกอบบาดแผลว่า จำเลยได้กระทำโดยลักษณะและความรุนแรงที่อาจจะเห็นผลได้ว่าน่าจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา โดยกระทำทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 วรรค 2 ไม่ผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีภาษีโรงเรือนและที่ดินต้องแสดงการชำระภาษีตามกฎหมาย หากไม่ชำระ ศาลไม่รับฟ้อง
บทบัญญัติของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475 มาตรา 39 เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงยกขึ้นปรับคดีได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีภาษีโรงเรือนโดยไม่ชำระภาษีค้างจ่าย ศาลไม่รับฟ้องตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อย
บทบัญญัติของพระราชบัญญัติภาษีโรงเรือนและที่ดิน พ.ศ. 2475มาตรา 39 เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลจึงยกขึ้นปรับคดีได้เองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยินยอมรับชำระหนี้ภายหลังผิดสัญญา ทำให้สิทธิในการเพิกถอนนิติกรรมหมดไป
แม้จำเลยที่ 1 ผิดสัญญาแล้ว โจทก์ก็ยังยินยอมปฏิบัติตามสัญญา รับชำระหนี้ส่วนหนึ่งจากจำเลย โดยรับเช็คจากจำเลยที่ 2 ไปเบิกเงินจากธนาคาร ดังนี้ จะถือว่าจำเลยทั้งสองทำการโดยไม่สุจริต สมยอมกันทำการฉ้อกลเพื่อยักย้ายทรัพย์ให้พ้นจากการที่ต้องชำระหนี้หาได้ไม่
of 112