พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1766/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พฤติการณ์ชักปืนเล็งยิง แม้มิได้ยิงสำเร็จ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
จำเลยชักปืนซึ่งมีกระสุนบรรจุอยู่ออกมาแล้วกระชากลูกเลื่อนขึ้นลำ จ้องเล็งไปยังผู้เสียหาย นิ้วมือแตะอยู่ที่ไกปืน พร้อมที่จะยิงโจทก์ร่วม จำเลยยังไม่ยิงทันทีเพราะเกรงกระสุนจะถูกมารดาโจทก์ร่วม ประกอบกับพวกของจำเลยเข้าแย่งปืนจากจำเลยไป จำเลยจึงยิงโจทก์ร่วมไม่สำเร็จ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงเจตนาจะฆ่าโจทก์ร่วมโดยได้ลงมือกระทำความผิดนั้นแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น
(ตามนัยฎีกาที่ 147/2504 ประชุมใหญ่)
(ตามนัยฎีกาที่ 147/2504 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1766/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาพยายามฆ่า: การกระทำที่ลงมือแล้วแต่ไม่สำเร็จ
จำเลยชักปืนซึ่งมีกระสุนบรรจุอยู่ออกมาแล้วกระชากลูกเลื่อนขึ้นลำจ้องเล็งไปยังผู้เสียหาย นิ้วมือแตะอยู่ที่ไกปืน พร้อมที่จะยิงโจทก์ร่วม จำเลยยังไม่ยิงทันทีเพราะเกรงกระสุนจะถูกมารดาโจทก์ร่วม ประกอบกับพวกของจำเลยเข้าแย่งปืนจากจำเลยไป จำเลยจึงยิงโจทก์ร่วมไม่สำเร็จ การกระทำของจำเลยเป็นการแสดงเจตนาจะฆ่าโจทก์ร่วม โดยได้ลงมือกระทำความผิดนั้นแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น(ตามนัยฎีกาที่ 147/2504 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตน: การกระทำของผู้ตายแสดงเจตนาทำร้าย จำเลยมีสิทธิป้องกันตนได้
ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลงพอจำเลยลุกขึ้น ผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วาผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วาผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1732/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ: ผู้ถูกทำร้ายมีอาวุธและแสดงเจตนาทำร้าย ผู้ถูกทำร้ายเข้าใกล้ ผู้ถูกทำร้ายมีลักษณะเหนือกว่า
ผู้ตายรูปร่างสูงและใหญ่กว่าจำเลย ผู้ตายต่อยเตะจำเลย จำเลยล้มลง พอจำเลยลุกขึ้น ผู้ตายใช้มือขวาจับด้ามมีดพกแต่ยังไม่ทันชักมีดออกจากฝัก กิริยาของผู้ตายที่ใช้มือขวาจับด้ามมีดพกในขณะที่การทำร้ายยังไม่ขาดตอนนั้น ย่อมชี้ให้เห็นว่าผู้ตายมีเจตนาที่จะแทงจำเลย
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วา ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
เมื่อพิจารณาถึงว่าขณะนั้นผู้ตายอยู่ห่างจำเลยประมาณ 1 วา ผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลย พร้อมกับดึงเอามีดพกซึ่งเหน็บอยู่ที่หน้าท้องออกมาถือไว้ เป็นมีดพกมีฝักอยู่เกือบศอก จำเลยยิงผู้ตาย 1 นัด ผู้ตายเดินเข้ามาหาจำเลย แสดงชัดว่าผู้ตายเจตนาแรงกล้าที่จะแทงจำเลย จึงได้ดึงมีดพกที่เหน็บอยู่ออกมาถือไว้และเดินเข้ามาหาจำเลย เมื่อจำเลยยิงไปแล้ว 1 นัด ผู้ตายยังเดินเข้ามาหาจำเลยอีก จำเลยจึงยิงไปอีก 1 นัด ผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตาย เห็นได้ว่าจำเลยกระทำการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะถูกจับกุมจากอาการเมาสุรา
จำเลยเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมาครองสติไม่ได้ ขณะอยู่ในถนนสาธารณะเจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยพูดว่า "คุณแกล้งจับผม" คำกล่าวของจำเลยในลักษณะเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1711/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่จากอาการมึนเมา
จำเลยเสพสุราจนเป็นเหตุให้ตนเมา ครองสติไม่ได้ ขณะอยู่ในถนนสาธารณ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุม จำเลยพูดว่า "คุณแกล้งจับผม" คำกล่าวของจำเลยในลักษณะเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตำรวจดับเพลิงมีอำนาจสืบสวนคดีอาญาได้ การเรียกรับเงินเพื่อไม่ดำเนินคดีเป็นทุจริตต่อหน้าที่
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้นไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1670/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่ตำรวจดับเพลิงในการสืบสวนคดีอาญาและการเรียกรับเงินเพื่อละเว้นการจับกุม
จำเลยเป็นตำรวจประจำกองบังคับการตำรวจดับเพลิง ได้สมคบกับจำเลยอื่นแสดงตัวกับผู้เสียหายว่าเป็นตำรวจ จะจับตัวผู้เสียหายฐานขายยาผิดประเภท แต่จำเลยกลับเรียกเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีดังกล่าว จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ จำเลยจะอ้างว่าเป็นตำรวจดับเพลิง มีหน้าที่ดับเพลิงเท่านั้น ไม่มีอำนาจสอบสวนสืบสวนเพื่อจับกุมผู้กระทำผิดอาญาหาได้ไม่ เพราะหน้าที่การดับเพลิงนั้นเป็นหน้าที่เฉพาะตามที่ทางราชการแต่งตั้งให้ปฏิบัติ แต่โดยทั่วไปแล้ว จำเลยย่อมมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อจำเลยได้เรียกและรับเอาเงินจากผู้เสียหาย เพื่อไม่จับกุมดำเนินคดีอาญาฐานขายยาผิดประเภท จำเลยย่อมมีความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำบรรยายฟ้องที่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรค 1 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1641/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต
คำบรรยายฟ้องที่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 วรรคหนึ่ง แล้ว