พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและการยกเว้นความรับผิดตามมาตรา 70
ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาไปจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้ออกหมายจับจำเลยไปจับผู้ต้องหาโดยเข้าใจว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการมิชอบ จำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งผู้บังคับบัญชาขัดต่อกฎหมาย: การปฏิบัติตามคำสั่งโดยเข้าใจว่าชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ไม่ต้องรับโทษอาญา
ผู้บังคับกองตำรวจสั่งให้จำเลยซึ่งเป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาไปจับกุมผู้ต้องหาโดยไม่ได้ออกหมายจับ จำเลยไปจับผู้ต้องหาโดยเข้าใจว่าคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะได้ถือเป็นหลักปฏิบัติกันตลอดมาว่าไปจับได้ แม้การกระทำของจำเลยจะเป็นการมิชอบ จำเลยทั้งสองก็ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 70
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความประมาทของเจ้าพนักงานคุมขัง ทำให้นักโทษหลบหนี การแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบ
จำเลยที่ 1 เป็นเวรควบคุมนักโทษในแดน 1 ตั้งแต่ 12.00 - 18.00 นาฬิกา ก่อนจะออกเวรพ้นหน้าที่จะต้องมอบหน้าที่ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในแดน 1 มอบหน้าที่ยามภายนอกและลูกกุญแจตึกขังให้นายสุดใจผู้จะมารับหน้าที่ต่อ แต่เมื่อใกล้ 18.00 นาฬิกา จำเลยที่ 2 มารับหน้าที่คนเดียว จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้าเป็นยามภายในห้องขังใส่กุญแจตึกขังแล้ว ฝากลูกกุญแจตึกขังไว้กับจำเลยที่ 2 แล้วละทิ้งหน้าที่ไป เป็นช่องทางให้นักโทษใช้อุบายออกจากห้องขังแล้วจับหรือบังคับจำเลยที่ 2 ให้มอบลูกกุญแจไขตึกขังหลบหนีการควบคุมไปได้ ดังนี้ เป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 205
จำเลยที่ 2 รู้ดีว่า นายสุดใจจะต้องมารับยามภายนอกและรักษาลูกกุญแจตึกขัง ตามวิสัยและพฤติการณ์ไม่สมควรรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้เพราะนักโทษอาจออกจากห้องขังมาบังคับเอาลูกกุญแจตึกขังหนีไปได้ และน่าจะรู้ดีว่า ทางเรือนจำวางระเบียบให้มียามภายนอก ในเวลากลางคืน ก็เนื่องจากจะให้มีเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลเป็นชั้นๆ เมื่อมีเหตุร้ายจะได้ช่วยกันระงับได้ทันท่วงที การยอมรับฝากลูกกุญแจจึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ละทิ้งหน้าที่ เป็นเหตุให้นักโทษหลบหนีที่คุมขังออกไป ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ยอมรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ 1 นับว่าเป็นความประมาทอย่างร้ายแรง นักโทษได้ลูกกุญแจจากจำเลยที่ 2 ไขประตูตึกขังหลบหนีไปได้ จึงเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 วรรคท้ายเป็นเรื่องให้งดการลงโทษผู้กระทำผิด ในเมื่อผู้กระทำผิดสามารถจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายใน 3 เดือน จะจัดโดยวิธีใดก็ได้ มิใช่จะต้องให้โอกาสผู้กระทำผิดไปติดตามผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังเสียก่อนแล้วจึงจะสอบสวนฟ้องร้องลงโทษจำเลยได้
จำเลยที่ 2 รู้ดีว่า นายสุดใจจะต้องมารับยามภายนอกและรักษาลูกกุญแจตึกขัง ตามวิสัยและพฤติการณ์ไม่สมควรรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้เพราะนักโทษอาจออกจากห้องขังมาบังคับเอาลูกกุญแจตึกขังหนีไปได้ และน่าจะรู้ดีว่า ทางเรือนจำวางระเบียบให้มียามภายนอก ในเวลากลางคืน ก็เนื่องจากจะให้มีเจ้าหน้าที่ช่วยกันดูแลเป็นชั้นๆ เมื่อมีเหตุร้ายจะได้ช่วยกันระงับได้ทันท่วงที การยอมรับฝากลูกกุญแจจึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ละทิ้งหน้าที่ เป็นเหตุให้นักโทษหลบหนีที่คุมขังออกไป ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ยอมรับฝากลูกกุญแจตึกขังไว้จากจำเลยที่ 1 นับว่าเป็นความประมาทอย่างร้ายแรง นักโทษได้ลูกกุญแจจากจำเลยที่ 2 ไขประตูตึกขังหลบหนีไปได้ จึงเป็นเพราะความประมาทปราศจากความระมัดระวังอย่างร้ายแรงของจำเลยที่ 2 ด้วย
ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 205 วรรคท้ายเป็นเรื่องให้งดการลงโทษผู้กระทำผิด ในเมื่อผู้กระทำผิดสามารถจัดให้ได้ตัวผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังคืนมาภายใน 3 เดือน จะจัดโดยวิธีใดก็ได้ มิใช่จะต้องให้โอกาสผู้กระทำผิดไปติดตามผู้ที่หลุดพ้นจากการคุมขังเสียก่อนแล้วจึงจะสอบสวนฟ้องร้องลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113-1114/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการฆ่าผู้อื่นและความรับผิดชอบของผู้ร่วมกระทำ
จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตาย จนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกัน ซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุ จำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูก ๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุ จำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113-1114/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการฆ่าโดยเจตนาและการกระทำโดยไม่ทารุณโหดร้าย
จำเลยเอาผู้ตายไปกดไว้กับเสาและเอามือรัดคอผู้ตายจนผู้ตายล้มลงแล้วผลักผู้ตายให้ตกลงไปในคู แล้วเข้าบีบคอผู้ตายอีก แล้วเอาผู้ตายไปโยนลงที่หัวคันนา และบีบคอผู้ตายจนผู้ตายคอหักถึงแก่ความตาย เป็นการกระทำเพื่อจะให้ตายต่อเนื่องกันซึ่งก็เป็นลักษณะการกระทำที่จะให้ตายอย่างหนึ่งเท่านั้น มิได้กระทำการอันแสดงถึงความโหดร้ายทารุณเป็นพิเศษ จึงยังไม่เข้าลักษณะกระทำโดยทารุณโหดร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูกๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุจำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
จำเลยเห็นผู้ตายกำลังถูกทำร้ายไม่ได้เข้าขัดขวางแต่อย่างใด และไล่ลูกๆ ให้ออกไป ทั้งสั่งห้ามไม่ให้ไปบอกใครด้วย เมื่อมีหญิงอีกคนหนึ่งมายังที่เกิดเหตุจำเลยวิ่งไปรับหน้า ห้ามมิให้เข้าไป โดยกล่าวเท็จว่า ผัวเมียตีกันไม่ใช่ธุระ เป็นการแสดงให้เห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยตั้งใจเพื่อจะอำนวยความสะดวกให้ผู้ตายถูกฆ่าโดยไม่ต้องถูกผู้ใดขัดขวาง จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานพยานบุคคลต้องเบิกความรับรองความถูกต้องของเอกสาร จึงจะรับฟังได้
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริง จึงรับฟังเป็นพยานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสรุปผลการซักถามทางการแพทย์โดยผู้ไม่เบิกความ ถือเป็นพยานไม่ได้ในการพิสูจน์เจ็บป่วยก่อนทำประกัน
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริงนั้นรับฟังเป็นพยานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ และการฟ้องอาญาตาม พ.ร.บ.เช็ค
ตามฎีกาจำเลย จำเลยเถียงว่ามีเจตนาหรือไม่และโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยได้ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และโจทก์ก็ได้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่าย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อสู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อสู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คที่ไม่มีเงินรองรับ ถือความผิดตาม พ.ร.บ.เช็ค แม้โจทก์ยื่นเช็คล่าช้า
ตามฎีกาจำเลย จำเลยเถียงว่ามีเจตนาหรือไม่ และโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันมาแล้วว่า จำเลยได้ออกเช็คโดยมีเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และโจทก์ก็ได้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินจากธนาคารและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เพราะเงินฝากของจำเลยมีไม่พอจ่าย จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 990 เป็นเรื่องผู้ทรงเสียสิทธิอันมีต่อผู้สั่งจ่ายเพียงเท่าที่จะเกิดความเสียหายอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ผู้สั่งจ่าย เพราะการที่ละเลยเสียไม่ไปยื่นเช็คนั้น แต่โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ลงโทษทางอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ.2497 มาตรา 3 เมื่อคดีฟังได้ว่าจำเลยออกเช็ครายพิพาทโดยเจตนาจะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค และเช็คนั้นขึ้นเงินไม่ได้ เพราะเงินฝากจำเลยไม่มีพอจ่าย จำเลยก็ต้องมีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1075/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินลูกหนี้ล้มละลาย: สิทธิเจ้าหนี้ผู้ฟ้องคดี
การที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายในหนี้อันเดียวกับที่ตนเป็นโจทก์ฟ้องคดีนั้น เมื่อศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด และพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย คดีถึงที่สุดโดยไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นหักล้างคำสั่งและคำพิพากษาดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าลูกหนี้ต้องมีหน้าที่รับผิดในหนี้ตามที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องแล้ว
เมื่อเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวโดยอ้างเช็คอันเป็นหลักฐานตามฟ้อง พร้อมกับอ้างตนเองเป็นพยาน และนำบุคคลอื่นมาสืบประกอบทั้งในชั้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เช่นนี้ คำขอรับชำระหนี้นั้นจึงมีหลักฐานรับฟังได้ว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายได้
เมื่อเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ดังกล่าวโดยอ้างเช็คอันเป็นหลักฐานตามฟ้อง พร้อมกับอ้างตนเองเป็นพยาน และนำบุคคลอื่นมาสืบประกอบทั้งในชั้นที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนคำขอรับชำระหนี้ก็ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เช่นนี้ คำขอรับชำระหนี้นั้นจึงมีหลักฐานรับฟังได้ว่าเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์มีสิทธิที่จะได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ผู้ล้มละลายได้