พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องกรณีภาษีการค้าและการขายฝิ่นที่ไม่เข้าข่ายสินค้าตามกฎหมาย
1. เมื่อเกิดมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลขึ้นแล้วย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
2. ตามความในประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา 78,79 การขอายของตามบัญชีอัตราภาษีค้าประเภทที่ 2 นั้น หมายถึงการขายสินค้าซึ่งโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ทรัพย์นอกพาณิชย์ซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น การซื้อขายฝินซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อขายฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 หมวด 3 นั้น จึงไม่ใช่สินค้าที่ขายกันได้ตามความในประมวลรัษฎากร ผู้ขายจึงไม่ต้องรับผิดในการเสียภาษีการค้า.
(ข้อ 2 ประใหญ่ ครั้งที่ 42 - 43/2504).
2. ตามความในประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา 78,79 การขอายของตามบัญชีอัตราภาษีค้าประเภทที่ 2 นั้น หมายถึงการขายสินค้าซึ่งโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ทรัพย์นอกพาณิชย์ซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น การซื้อขายฝินซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อขายฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 หมวด 3 นั้น จึงไม่ใช่สินค้าที่ขายกันได้ตามความในประมวลรัษฎากร ผู้ขายจึงไม่ต้องรับผิดในการเสียภาษีการค้า.
(ข้อ 2 ประใหญ่ ครั้งที่ 42 - 43/2504).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องและข้อยกเว้นภาษีการค้าสำหรับสินค้าผิดกฎหมาย ฝิ่นไม่ใช่สินค้าที่ขายได้ตามประมวลรัษฎากร
1. เมื่อเกิดมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลขึ้นแล้ว ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
2. ตามความในประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา 78,79 การขายของตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทที่ 2 นั้นหมายถึงการขายสินค้าซึ่งโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ใช่ทรัพย์นอกพาณิชย์ซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น การซื้อขายฝิ่นซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อขายฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 หมวด 3นั้น จึงไม่ใช่สินค้าที่ขายกันได้ตามความในประมวลรัษฎากร ผู้ขายจึงไม่ต้องรับผิดในการเสียภาษีการค้า
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 42-43/2505)
2. ตามความในประมวลรัษฎากร พ.ศ.2481 มาตรา 78,79 การขายของตามบัญชีอัตราภาษีการค้าประเภทที่ 2 นั้นหมายถึงการขายสินค้าซึ่งโอนกันได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ใช่ทรัพย์นอกพาณิชย์ซึ่งไม่อาจโอนให้แก่กันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น การซื้อขายฝิ่นซึ่งไม่ใช่เป็นการซื้อขายฝิ่นตามพระราชบัญญัติฝิ่น พ.ศ.2472 หมวด 3นั้น จึงไม่ใช่สินค้าที่ขายกันได้ตามความในประมวลรัษฎากร ผู้ขายจึงไม่ต้องรับผิดในการเสียภาษีการค้า
(ข้อ 2 ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 42-43/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การครอบครองนาฬิกาผู้อื่นโดยเจตนาทุจริต
นาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายตกหายโดยผู้เสียหายไม่ทราบว่าตกหาย ณ ที่ใด ในวันเดียวกันนั้นเองบุตรจำเลยเก็บนาฬิกาดังกล่าวได้แล้วนำไปมอบแก่จำเลยซึ่งเป็นมารดาเก็บไว้วันรุ่งขึ้นผู้เสียหายทราบจึงไปขอนาฬิกาคืนจากจำเลยจำเลยได้เอานาฬิกาซึ่งมิใช่ของผู้เสียหายมาให้ดู และยืนยันว่าเป็นนาฬิกาที่บุตรจำเลยเก็บได้ไม่ยอมคืนนาฬิกาของผู้เสียหายให้ดังนี้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 775/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกทรัพย์: การครอบครองทรัพย์ผู้อื่นโดยทุจริตและไม่ยอมคืนถือเป็นความผิด
นาฬิกาข้อมือแบบหญิงยี่ห้อมิโดเรือนทอง 1 เรือนของผู้เสียหายตกหายเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2502 โดยผู้เสียหายไม่ทราบว่าตกหาย ณ ที่ใด ในวันเดียวกันนั้นเอง บุตรจำเลยเก็บนาฬิกาดังกล่าวได้แล้วนำไปมอบแก่จำเลยซึ่งเป็นมารดาเก็บไว้ วันรุ่งขึ้นผู้เสียหายทราบจึงไปขอนาฬิกาคืนจากจำเลย จำเลยได้เอานาฬิกาซึ่งมิใช่ของผู้เสียหายมาให้ดูและยืนยันว่าเป้นนาฬิกาที่บุตรจำเลยเก็บได้ไม่ยอมคืนนาฬิกาของผู้เสียหายให้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคต้น.
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2506).
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2506).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายแร่: การชำระหนี้ไม่ถูกต้องตามสัญญา, คุณภาพสินค้า, ค่าเสียหาย, และการหักเงินทดรอง
(1) เมื่อจำเลยซึ่งมีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามคำพรรณนา แม้จะส่งของทันเวลาแต่ไม่ตรงตามคำพรรณาในสัญญาจะบังคับให้โจทก์ผู้ซื้อยอมรับชำระหนี้บางส่วนหาได้ไม่และกรณีอย่างนี้ถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ และโจทก์เรียกค่าเสียหายได้
(2) เรื่องจำนวนค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไรย่อมไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะแก้
(3) เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างยันอยู่ว่าของที่ซื้อนั้นจำเลยเป็นผู้ออกเงินเองส่วนโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยซื้อ เมื่อโจทก์สืบหักล้างไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนไป ก็ต้องหักเงินจำนวนค่าซื้อของนี้ออก
(4) เมื่อศาลชั้นต้นกล่าวในคำพิพากษาว่า น้ำหนักของของที่ส่งไปขายยังสับสนกันอยู่แม้โจทก์จะแถลงว่าได้ขายของนั้นได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ย่อมไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาที่จะวินิจฉัยเรื่องขายของในระหว่างคดี หากแต่ต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง
(2) เรื่องจำนวนค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไรย่อมไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะแก้
(3) เมื่อเอกสารที่โจทก์อ้างยันอยู่ว่าของที่ซื้อนั้นจำเลยเป็นผู้ออกเงินเองส่วนโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยซื้อ เมื่อโจทก์สืบหักล้างไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนไป ก็ต้องหักเงินจำนวนค่าซื้อของนี้ออก
(4) เมื่อศาลชั้นต้นกล่าวในคำพิพากษาว่า น้ำหนักของของที่ส่งไปขายยังสับสนกันอยู่แม้โจทก์จะแถลงว่าได้ขายของนั้นได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ย่อมไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาที่จะวินิจฉัยเรื่องขายของในระหว่างคดี หากแต่ต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายแร่: การชำระหนี้ไม่ตรงตามสัญญา, ค่าเสียหาย, และการหักเงินที่จ่ายทดรอง
(1) เมื่อจำเลยซึ่งมีหน้าที่ต้องส่งมอบทรัพย์สินให้ตรงตามคำพรรณาในสัญญาจะบังคับให้โจทก์ผู้ซื้อยอมรับชำระหนี้บางส่วนหาได้ไม่ และกรณีอย่างนี้ถือได้ว่าจำเลยไม่ชำระหนี้ตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้และโจทก์เรียกค่าเสียหายได้
(2) เรื่องจำนวนค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไร ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะแก้
(3) เมื่อเอาสารที่โจทก์อ้างยันอยู่ว่าของที่ซื้อนั้นจำเลยเป็นผู้ออกเงินเอง ส่วนโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยซื้อ เมื่อโจทก์สืบหักล้างไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนไป ก็ต้องหักเงินจำนวนค่าซื้อของนี้ออก
(4) เมื่อศาลชั้นต้นกล่าวในคำพิพากษาว่า น้ำหนักของของที่ส่งไปขายยังสับสนกันอยู่แม้โจทก์จะแถลงว่าได้ขายของนั้นได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ย่อมไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาที่จะวินิจฉัยเรื่องขายของในระหว่างคดี หากแต่ต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง.
(2) เรื่องจำนวนค่าเสียหาย เมื่อจำเลยไม่ได้อ้างว่าจำนวนที่ศาลล่างกำหนดมานั้นสูงเกินควรอย่างไร ย่อมไม่มีเหตุที่ศาลสูงจะแก้
(3) เมื่อเอาสารที่โจทก์อ้างยันอยู่ว่าของที่ซื้อนั้นจำเลยเป็นผู้ออกเงินเอง ส่วนโจทก์เป็นเพียงผู้ช่วยซื้อ เมื่อโจทก์สืบหักล้างไม่ได้ว่าโจทก์ได้ออกเงินแทนไป ก็ต้องหักเงินจำนวนค่าซื้อของนี้ออก
(4) เมื่อศาลชั้นต้นกล่าวในคำพิพากษาว่า น้ำหนักของของที่ส่งไปขายยังสับสนกันอยู่แม้โจทก์จะแถลงว่าได้ขายของนั้นได้เงินมาจำนวนหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ในชั้นอุทธรณ์จำเลยก็มิได้คดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในเรื่องนี้ย่อมไม่มีประเด็นในชั้นศาลฎีกาที่จะวินิจฉัยเรื่องขายของในระหว่างคดี หากแต่ต้องว่ากล่าวกันอีกส่วนหนึ่ง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยเจ้าพนักงาน: การกระทำที่เป็นการสร้างเอกสารใหม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นเอกสารเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลหนึ่งปลูกสร้างอาคารประชิดที่ดินข้างเคียงได้แล้วต่อมาจำเลยขอหนังสือนั้นคืน และปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ขึ้นทั้งฉบับ เป็นไม่อนุญาตให้สร้างอาคารนำเข้าเก็บในเรื่องแทนสำเนาหนังสืออนุญาตตัวจริง ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงอยู่ว่าจำเลยได้กระทำเอกสารขึ้นฉบับหนึ่งโดยมุ่งหมายให้เข้าใจว่าเป็นเอกสารอีกฉบับหนึ่งอันเป็นการปลอมเอกสาร อาจมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลอมเอกสารราชการโดยเจ้าพนักงาน: การสร้างเอกสารใหม่ให้เข้าใจผิดว่าเป็นของเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นนายกเทศมนตรีออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลหนึ่งปลูกสร้างอาคารประชิดที่ดินข้างเคียงได้ แล้วต่อมาจำเลยขอหนังสือนั้นคืน และปลอมเอกสารราชการโดยอาศัยโอกาสที่จำเลยมีหน้าที่ขึ้นทั้งฉบับ เป็นไม่อนุญาตให้สร้างอาคารนำเข้าเก็บในเรื่องแทนสำเนาหนังสืออนุญาตตัวจริง ดังนี้ เป็นฟ้องที่แสดงอยู่ว่าจำเลยได้กระทำเอาสารขึ้นฉบับหนึ่งโดยมุ่งหมายให้เข้าใจว่าเป็นเอกสารอีกฉบับหนึ่ง อันเป็นการปลอมเอกสาร อาจมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 161 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสำคัญในคดี: ศาลวินิจฉัยเองจากประเด็นข้อกฎหมาย ไม่ใช่จากพยานหลักฐานหรือการโต้เถียงของคู่ความ
คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย เพราะการวินิจฉัยว่าเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ มิได้อาศัยจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบว่าจริงหรือไม่ แต่เป็นความเห็นของศาลเองที่จะต้องวินิจฉัยถึงประเด็นในคดีที่เป็นข้อพิพาท ประกอบด้วยหลักกฎหมาย แล้วจึงชี้ขาดว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ คู่ความจะนำสืบโต้เถียงกันว่าสำคัญหรือไม่สำคัญเสียเองหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสำคัญในคดี: ศาลวินิจฉัยเองจากประเด็นข้อกฎหมาย ไม่ใช่จากพยานหลักฐาน หรือการโต้เถียงของคู่ความ
คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเพราะการวินิจฉัยว่าเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ มิได้อาศัยจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบว่าจริงหรือไม่จริง แต่เป็นความเห็นของศาลเองที่จะต้องวินิจฉัยถึงประเด็นในคดีที่เป็นข้อพิพาท ประกอบด้วยหลักกฎหมายแล้วจึงชี้ขาดสำคัญหรือไม่สำคัญคู่ความจะนำสืบโต้เถียงกันว่าสำคัญหรือไม่สำคัญเสียเองหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)