คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
จิตติ ติงศภัทิย์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปิดทำนบเพื่อประโยชน์เกษตรกรรม ไม่ถือเป็นการขัดขวางการประมง หากกระทำโดยชอบธรรมและจำเป็น
โจทก์ประมูลทำการประมงในคลองที่พิพาทได้ จำเลยและราษฎรอีกมากเป็นเจ้าของนาหลายพันไร่ต้องอาศัยใช้น้ำในคลองนี้ทำนา ตอนปากคลองมีทำนบปิดกั้นน้ำไว้เพื่อใช้ทำนา ถัดออกไปเป็นที่ตั้งจิบสำหรับจับปลาของโจทก์ เมื่อน้ำในคลองเริ่มลดลง ราษฎรเจ้าของนายื่นคำร้องขอให้เปิดทำนบเพื่อกักน้ำไว้หล่อเลี้ยงต้นข้าวก่อนนายอำเภอสั่งให้ปิดทำนบ ราษฎรเกรงว่าถ้ารอช้าต้นข้าวจะเสียหาย จำเลยกับเจ้าของนาหลายคนจึงช่วยกันปิดทำนบเสีย น้ำจึงไม่ไหลไปยังจิบของโจทก์ โจทก์จับปลาไม่ได้ การที่จำเลยปิดทำนบนี้จะรอให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งอาจจะไม่ทันการ และเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่กสิกรรม กฎหมายให้ปิดเองได้ ตามพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2490 มาตรา 22 ซึ่งมีมาตรา 10 วรรค 2 สนับสนุนด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 156/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการใช้น้ำทำนา vs. สิทธิการประมง: การปิดทำนบเพื่อประโยชน์ทางการเกษตรชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ประมูลทำการประมงในคลองพิพาทได้ จำเลยและราษฎรอีกมาก เป็นเจ้าของนาหลายพันไร่ ต้องอาศัยใช้น้ำในคลองนี้ทำนาตอนปากคลองมีทำนบปิดกั้นน้ำไว้เพื่อใช้ทำนา ถัดเข้าไปเป็นที่ตั้งจิบสำหรับจับปลาของโจทก์ เมื่อน้ำในลำคลองเริ่มลดลง ราษฎรเจ้าของนายื่นคำร้องขอปิดทำนบเพื่อกักน้ำไว้หล่อเลี้ยงต้นข้าวแต่ก่อนที่นายอำเภอจะสั่งราษฎรเกรงว่าถ้ารอช้าต้นข้าวจะเสียหายจำเลยและเจ้าของนาหลายคนจึงช่วยกันปิดทำนบ น้ำเลยไม่ไหลไปยังจิบของโจทก์ จับปลาไม่ได้การที่จำเลยปิดทำนบเช่นนี้ จะรอให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งอาจไม่ทันการและเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์แก่การกสิกรรม ย่อมปิดเองได้ตาม พระราชบัญญัติการประมงฯ มาตรา 22 ซึ่งมีมาตรา 10 วรรคสอง สนับสนุน ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายรถยนต์มีเงื่อนไข การพ้นวิสัย และผลกระทบต่อสิทธิเรียกร้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
โจทก์ขายรถยนต์เฟี้ยตให้จำเลยราคา 55,000 บาท โดยให้จำเลยชำระราคาด้วยเงินสด 20,000 บาท กับรถยนต์ออสตินของจำเลยตีราคา 35,000 บาท โจทก์จำเลยส่งมอบรถยนต์และเงินสดให้แก่กันแล้ว และตกลงจะไปโอนทะเบียนรถยนต์ให้กันเมื่อโจทก์ผ่อนชำระราคาครบ และรับโอนทะเบียนมาจากกรมสวัสดิการฯ แล้ว ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่มีเจตนาโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กันจนกว่าการจะได้เป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว
ระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ รถยนต์เฟี้ยตซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยถูกเพลิงไหม้ใช้การไม่ได้ โดยไม่ใช่ความผิดของฝ่ายใด เป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เฟี้ยตให้จำเลยได้ ดังนี้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ออสตินให้โจทก์ได้ เพราะเป็นสัญญาต่างตอบแทนกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 372 วรรคแรก เมื่อกรรมสิทธิ์ยังไม่โอนมายังโจทก์ ก็ไม่เรียกว่าเป็นสัญญามีวัตถุประสงค์เป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์นั้นตามมาตรา 370 และมาตรา 371 ก็บัญญัติว่า สัญญาต่างตอบแทน ถ้ามีเงื่อนไขบังคับก่อนและทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั้นสูญหรือทำลายลงในระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ จะนำมาตรา 370 มาใช้บังคับไม่ได้อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายรถยนต์มีเงื่อนไข การพ้นวิสัย และผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของคู่สัญญา
โจทก์ขายรถยนต์เฟี้ยตให้จำเลยราคา 55,000 บาท โดยให้จำเลยชำระราคาด้วยเงินสด 20,000 บาท กับรถยนต์ออสตินของจำเลยตีราคา 35,000 บาท โจทก์จำเลยส่งมอบรถยนต์และเงินสดให้แก่กันแล้ว และตกลงจะไปโอนทะเบียนรถยนต์ให้กันเมื่อโจทก์ผ่อนชำระราคาครบและรับโอนทะเบียนมาจากกรมสวัสดิการฯ แล้ว ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่มีเจตนาโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้กันจนกว่าการจะได้เป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว
ระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ รถยนต์เฟี้ยตซึ่งอยู่ในครอบครองของจำเลยถูกเพลิงไหม้ใช้การไม่ได้โดยไม่ใช่ความผิดของฝ่ายใด เป็นการพ้นวิสัยที่โจทก์จะโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์เฟี้ยตให้จำเลยได้ ดังนี้ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิจะเรียกร้องให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ออสตินให้โจทก์ได้เพราะเป็นสัญญาต่างตอบแทนกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 372 วรรคแรก และเมื่อกรรมสิทธิ์ยังไม่โอนมายังโจทก์ ก็ไม่เรียกว่าเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการก่อให้เกิดหรือโอนทรัพยสิทธิในทรัพย์นั้น ตามมาตรา 370และมาตรา 371 ก็บัญญัติว่า สัญญาต่างตอบแทนถ้ามีเงื่อนไขบังคับก่อน และทรัพย์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญานั้นสูญหรือทำลายลงในระหว่างที่เงื่อนไขยังไม่สำเร็จ จะนำมาตรา 370 มาใช้บังคับไม่ได้อีกด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบรถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้แปรรูปผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.ป่าไม้
มีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่รับอนุญาต และใช้รถยนต์บรรทุกไม้นั้นมาจนถูกจับ รถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้นั้นย่อมเป็นยานพาหนะที่ได้ใช้ในการกระทำความผิด คือ การมีไม้แปรรูปไว้ ต้องริบตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ฯ มาตรา 74ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 46/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ กรณีมีไม้แปรรูปไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยมีไม้หวงห้ามแปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยใช้รถยวนต์บรรทุกไม้นั้นมาจนถูกจับ รถยนต์ที่ใช้บรรทุกไม้นั้นจึงเป็นยานพาหนะที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด คือ การมีไม้แปรรูปไว้ อันต้องริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 ทวิ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำแถลงรับหนี้ก่อนยื่นคำให้การ ไม่ถือเป็นคำให้การ ศาลต้องให้โอกาสจำเลยต่อสู้คดีใหม่เมื่อมีเหตุผลสมควร
คำแถลงรับของจำเลยซึ่งศาลจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายว่าเป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงก็ดี ไม่มีทรัพย์สินพอจะชำระหนี้โจทก์ได้ก็ดี หาใช่เป็นคำให้การตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่เมื่อจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การและมิได้มีการสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งศาลก็ยังมิได้ดำเนินการพิจารณาคดีอย่างไรต่อไปภายหลังที่จำเลยแถลงแล้วหากจำเลยขอถอนคำแถลงต่อศาลนั้นเสียโดยอ้างว่าแถลงไปโดยผิดหลง จึงไม่ใช่เป็นการขอถอนคำให้การหรือแก้ไขคำให้การแต่อย่างใด เมื่อศาลเห็นสมควรให้จำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีต่อไปตามกระบวนความ ก็อนุญาตได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำแถลงรับหนี้ในคดีล้มละลายไม่ถือเป็นคำให้การ ถอนคำแถลงได้หากยังไม่มีการพิจารณาคดี
คำแถลงรับของจำเลยซึ่งศาลจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายว่า เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงก็ดี ไม่มีทรัพย์สินพอจะชำระหนี้โจทก์ได้ก็ดี หาใช่เป็นคำให้การตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ เมื่อจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การและมิได้มีการสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งศาลก็ยังมิได้ดำเนินการพิจารณาคดีอย่างไร ต่อไปภายหลังที่จำเลยแถลงแล้ว หากจำเลยขอถอนคำแถลงต่อศาลนั้นเสียโดยอ้างว่าคำแถลงไปโดยผิดหลง จึงไม่ใช่เป็นการขอถอนคำให้การหรือแก้ไขคำให้การแต่อย่างใด เมื่อศาลเห็นสมควรให้จำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีต่อไปตามกระบวนความก็อนุญาตได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาอยู่กินฉันสามีภริยาที่เป็นโมฆะเนื่องจากขัดต่อศีลธรรม และสิทธิเรียกร้องทรัพย์สินคืน
ชายมีภริยาอยู่แล้วและยังอยู่กินด้วยกัน ถ้าตกลงกับหญิงอื่นดีกว่าจะอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ข้อตกลงดังนี้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 แม้หญิงนั้นจะมิได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ก็ไม่มีนิติสัมพันธ์ที่จะต้องรับผิดต่อชายนั้น
ถ้าหญิงนั้นเรียกร้องเอาเงินทองเพื่อการที่ตกลงยอมอยู่กินเป็นภริยา และชายนั้นก็ส่งมอบเงินทองให้ตามที่ตกลงกัน การส่งมอบนั้นย่อมเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ด้วยวัตถุประสงค์ซึ่งฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมอยู่กินเป็นภริยาด้วย ชายนั้นก็ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1913/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาอยู่กินฉันสามีภริยาขัดศีลธรรม เป็นโมฆะ แม้จะมีการส่งมอบทรัพย์สินก็ไม่มีสิทธิเรียกคืน
ชายมีภริยาอยู่แล้วและยังอยู่กินด้วยกัน ถ้าตกลงกับหญิงอื่นอีกว่าจะอยู่กินเป็นสามีภริยากัน ข้อตกลงดังนี้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 113 แม้หญิงนั้นจะมิได้ปฏิบัติตามข้อลง ก็ไม่มีนิติสัมพันธ์ที่จะต้องรับผิดต่อชายนั้น
ถ้าหญิงนั้นเรียกร้องเอาเงินทองเพื่อการที่ตกลงยอมอยู่กินเป็นภริยา และชายนั้นก็ส่งมอบเงินทองให้ตามที่ตกลงกัน การส่งมอบนั้นย่อมเป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้ด้วยวัตถุประสงค์ซึ่งฝ่าฝืนศีลธรรมอันดี ถ้าหญิงนั้นไม่ยอมอยู่กินเป็นภริยาด้วย ชายนั้นก็ไม่มีสิทธิเรียกทรัพย์สินคืน
of 112