พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องล้มละลาย, การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น, และการนำสืบพยานนอกประเด็น
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่ได้บังคับให้ศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายก่อนดำเนินการพิจารณา (ตามที่คู่ความขอ) ทุกเรื่อง ถ้าศาลเห็นว่า การวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่ผู้อ้างเลย คือจำเป็นจะต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป แล้ว จะสั่งให้รอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษาก็ได้
เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ ต้องประกอบด้วยเหตุใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 ส่วนมาตรา 8 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้มพ้นตัว เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามมาตรา 8
เมื่อบรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์แล้วไม่ชำระ และจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้มพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้คนอื่นอยู่อีก และยังไม่ชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการสืบในประเด็นว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ใช่สืบนอกประเด็น
เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ ต้องประกอบด้วยเหตุใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9 ส่วนมาตรา 8 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้มพ้นตัว เพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว โจทก์ไม่จำเป็นต้องบรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามมาตรา 8
เมื่อบรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์แล้วไม่ชำระ และจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้มพ้นตัว ไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์แล้ว โจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้คนอื่นอยู่อีก และยังไม่ชำระหนี้ ดังนี้ เป็นการสืบในประเด็นว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ใช่สืบนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นและขอบเขตการนำสืบพยานในคดีล้มละลาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 ไม่ได้บังคับให้ศาลต้องวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตามที่คู่ความขอทุกเรื่องถ้าศาลเห็นว่าการวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าวไม่เป็นคุณแก่ผู้อ้างเลยคือเห็นว่าจำเป็นจะต้องดำเนินการพิจารณาต่อไปแล้ว จะสั่งให้รอไว้วินิจฉัยในคำพิพากษาก็ได้
เมื่อบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ แล้วไม่ชำระและจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้คนอื่นอยู่อีกและยังไม่ชำระหนี้ดังนี้ เป็นการสืบในประเด็นว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ใช่สืบนอกประเด็น
เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต้องประกอบด้วยเหตุใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 ส่วนมาตรา 8 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวโจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตาม มาตรา 8
เมื่อบรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ แล้วไม่ชำระและจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวไม่มีทรัพย์สินที่จะชำระหนี้แก่โจทก์แล้วโจทก์นำสืบว่าจำเลยเป็นหนี้คนอื่นอยู่อีกและยังไม่ชำระหนี้ดังนี้ เป็นการสืบในประเด็นว่ามีหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่ใช่สืบนอกประเด็น
เจ้าหนี้จะฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายได้ต้องประกอบด้วยเหตุใน พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 9 ส่วนมาตรา 8 เป็นเพียงข้อสันนิษฐานไว้ก่อนว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวเพื่อประโยชน์แก่เจ้าหนี้ที่ไม่สามารถนำสืบให้ศาลเห็นได้ว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวโจทก์ไม่จำต้องบรรยายมาในฟ้องว่าจำเลยได้กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งตาม มาตรา 8
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีความผิดอันยอมความกันได้: การร้องทุกข์และการฟ้องภายใน 3 เดือน
คดีความผิดอันยอมความกันได้ แม้ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีแดง ถ้าโจทก์มิได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่โจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีก็ขาดอายุความ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 เป็นบทบังคับว่า ถ้าไม่ได้ร้องทุกข์ในกำหนด คดีก็ขาดอายุความ ฉะนั้น ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์แต่ละฟ้องเลยทีเดียว ก็ต้องฟ้องใน 3 เดือน เช่นเดียวกัน เพราะในกรณีอย่างนี้ถือได้ว่า การฟ้องนั้นเท่ากับการร้องทุกข์แล้ว จึงหาต้องร้องทุกข์อีกไม่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 เป็นบทบังคับว่า ถ้าไม่ได้ร้องทุกข์ในกำหนด คดีก็ขาดอายุความ ฉะนั้น ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์แต่ละฟ้องเลยทีเดียว ก็ต้องฟ้องใน 3 เดือน เช่นเดียวกัน เพราะในกรณีอย่างนี้ถือได้ว่า การฟ้องนั้นเท่ากับการร้องทุกข์แล้ว จึงหาต้องร้องทุกข์อีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 733/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีความผิดอันยอมความได้ การฟ้องถือเป็นการร้องทุกข์
คดีความผิดอันยอมความกันได้ แม้ราษฎรเป็นโจทก์ฟ้องคดีเองถ้าโจทก์มิได้ร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่โจทก์รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดคดีก็ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 เป็นบทบังคับว่าถ้าไม่ได้ร้องทุกข์ในกำหนดคดีก็ขาดอายุความ ฉะนั้น ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์แต่จะฟ้องเลยทีเดียว ก็ต้องฟ้องใน 3 เดือนเช่นเดียวกันเพราะในกรณีอย่างนี้ถือได้ว่าการฟ้องนั้นเท่ากับการร้องทุกข์แล้ว จึงหาต้องร้องทุกข์อีกไม่
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 เป็นบทบังคับว่าถ้าไม่ได้ร้องทุกข์ในกำหนดคดีก็ขาดอายุความ ฉะนั้น ถ้าผู้เสียหายไม่ร้องทุกข์แต่จะฟ้องเลยทีเดียว ก็ต้องฟ้องใน 3 เดือนเช่นเดียวกันเพราะในกรณีอย่างนี้ถือได้ว่าการฟ้องนั้นเท่ากับการร้องทุกข์แล้ว จึงหาต้องร้องทุกข์อีกไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อเชื่อชำระด้วยข้าวเปลือก ไม่ใช่กู้ยืมเงิน จึงไม่อยู่ภายใต้กฎหมายห้ามตกข้าวและจำกัดดอกเบี้ย
จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ไป โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทน ทั้งนี้ โดยจำเลยทำหลักฐานให้โจทก ์ไว้ว่า จะนำข้าเปลือกเหนียวชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้า แม้ราคาข้าวจะขึ้นลงอย่างไรก็ตาม ดังนี้ แม้จำนวนและราคาข้าวจะเกินราคาสิ่งของมากไป เพียงใดก็ตาม ก็เป็นเรื่องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงิน หรือซื้อเชื่อข้าว จึงไม่ตกอยู่ในบังคับประกาศห้ามตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ. 1239 พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3, 4 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 650/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อเชื่อชำระด้วยข้าวเปลือก ไม่ใช่กู้ยืมเงินหรือไม่ซื้อเชื่อข้าว
จำเลยเอาสินค้าจากร้านบิดาของโจทก์ โดยโจทก์รับผิดชอบชำระราคาแทนทั้งนี้โดยจำเลยทำหลักฐานให้โจทก์ไว้ว่าจะนำข้าวเปลือกเหนียวชำระให้โจทก์แทนค่าสินค้า แม้ราคาข้าวจะขึ้นลงอย่างไรก็ตามดังนี้ แม้จำนวนและราคาข้าวจะเกินราคาสิ่งของไปมากเพียงใดก็ตามก็เป็นเรื่องผูกพันชำระหนี้กันตามสัญญานั้น ไม่ใช่เรื่องกู้ยืมเงินหรือซื้อเชื่อข้าวจึงไม่ตกอยู่ในบังคับประกาศห้ามตกข้าวแก่ชาวนา จ.ศ.1239 พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2475ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองตั๋วแลกเงินและการผัดชำระหนี้ ไม่ถือเป็นการแปลงหนี้หรือสอดเข้าแก้หน้า
ผู้สั่งจ่ายออกตั๋วแลกเงินสั่งให้ผู้จ่ายใช้เงินจำนวนหนึ่งแก่ผู้รับเงิน มีบุคคลหนึ่งเป็นผู้รับอาวัลด้วย ผู้จ่ายลงนามรับรองแล้ว แต่ไม่ใช้เงินให้ผู้รับเงิน ต่อมาผู้สั่งจ่ายกับผู้รับอาวัลทำบันทึกมอบให้ผู้รับเงินไว้ฉบับหนึ่งมีใจความว่า ขอรับใช้เงินตามตั๋วแลกเงินดังกล่าวนั้นร่วมกันและแทนกัน แต่ขอผัดวันชำระไป และเพื่อเป็นสินเชื่อ ผู้สั่งจ่ายขอนำเอาเครื่องฉายภาพยนต์จำนำผู้รับเงินไว้ การที่ผู้สั่งจ่ายกับผู้รับอาวัลรับรองในเอกสารอื่นมิได้เขียนระบุความลงบนตั๋วแลกเงินนั้นเอง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 952 เช่น นี้ เรียกไม่ได้ว่า เป็นการรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้าและบันทึกดังกล่าวเป็นเพียงผู้สั่งจ่ายเพิ่มหลักประกันให้ผู้รับเงินเพื่อให้ผ่อนเวลาชำระเงินออกไป มิได้เปลี่ยนสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งหนี้เดิม หรือตัวเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ทั้งไม่มีข้อความส่อว่าคู่กรณีจะระงับหนี้ตามตั๋วแลกเงิน โดยให้ถือเอาสัญญาตามบันทึกนี้แทน จึงไม่ใช่การแปลงหนี้ใหม่ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองตั๋วเงินต้องทำบนตั๋วเงินเท่านั้น การรับรองในเอกสารอื่นไม่มีผล
การรับรองด้วยสอดเข้าแก้หน้านั้น ต้องกระทำด้วยเขียนระบุลงบนตั๋วเงิน ลงลายมือชื่อผู้สอดเข้าแก้หน้าเป็นสำคัญฯลฯ จะรับรองในเอกสารอื่นซึ่งไม่ใช่ตั๋วเงินไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกาคดีอาญาที่ศาลอุทธรณ์แก้ไขเฉพาะจำนวนทรัพย์ที่ยักยอก ศาลฎีกาต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอก ให้จำคุก 6 เดือน รอการลงโทษไว้3 ปีและให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 120,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงิน แก่ผู้เสียหาย 66,000 บาท นอกนั้นยืน ดังนี้ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ฉะนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าจำเลยยักยอกเงินเพียง 66,000 บาท จึงเป็นอันยุติ ซึ่งศาลจะต้องถือตามในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำนวนเงินยักยอกที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดมีผลผูกพันในการพิจารณาคดีแพ่งตามไปด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกให้จำคุก 6 เดือน รอการลงโทษไว้ 3 ปี และให้ใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 120,000 บาทศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้เงินแก่ผู้เสียหาย 66,000 บาทนอกนั้นยืนดังนี้ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ฉะนั้น ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าจำเลยยักยอกเงินเพียง 66,000 บาท จึงเป็นอันยุติ ซึ่งศาลจะต้องถือตามในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง