พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์ และความรับผิดส่วนตัว
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคหณ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้น มิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้น แต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่า ในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัว ต่อไม่พอจึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386-387/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ร่วมสามีภริยา: การบังคับชำระหนี้จากสินส่วนตัวและสินบริคณห์
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1480 ที่บัญญัติว่า ถ้าสามีภริยาต้องรับผิดใช้หนี้ร่วมกัน ให้ใช้จากสินบริคณฑ์และสินส่วนตัวของทั้งสองฝ่ายนั้นมิได้หมายความว่า สามีหรือภริยาไม่ต้องรับผิดเป็นส่วนตัวนอกเหนือไปจากทรัพย์สินที่ระบุไว้นั้นแต่บัญญัติไว้เพื่อให้เห็นว่าในระหว่างที่เป็นสามีภริยากันอยู่ การชำระหนี้ย่อมบังคับเอาได้จากทรัพย์ทั้งสองประเภท ผิดกับมาตรา 1479 ซึ่งหนี้ส่วนตัวจะเอาได้จากสินส่วนตัวต่อไม่พอ จึงให้ใช้จากสินบริคณห์ที่เป็นส่วนของลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306-307/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารต่างประเทศเป็นหลักฐานได้, ความผิดอันยอมความได้ไม่ต้องบรรยายร้องทุกข์, การร่วมกระทำผิดทางอาญา
อ้างต้นฉบับเอกสารภาษาต่างประเทศที่บุคคลภายนอกทำขึ้นทั้งฉบับ แต่เอกสารนั้นยืดยาว จึงแปลเป็นไทยเฉพาะส่วนที่ผู้อ้างต้องการก็รับฟังเป็นหลักฐานได้ ไม่จำต้องแปลทั้งฉบับเพราะหากอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่ามีข้อความอื่นในเอกสารเป็นประโยชน์แก่ตน ย่อมแสดงข้อความนั้นต่อศาลได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 มิได้บัญญัติให้ต้องบรรยายมาด้วย เมื่อศาลพอใจฟ้องสั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 มิได้บัญญัติให้ต้องบรรยายมาด้วย เมื่อศาลพอใจฟ้องสั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 306-307/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หลักฐานเอกสารต่างประเทศ, ความผิดยอมความได้, การพิสูจน์ความรู้ของจำเลยในคดีเครื่องหมายการค้า
อ้างต้นฉบับเอกสารภาษาต่างประเทศที่บุคคลภายนอกทำขึ้นทั้งฉบับ แต่แปลเป็นไทยเฉพาะส่วนที่ผู้อ้างต้องการก็รับฟังเป็นหลักฐาน ได้ ไม่จำต้องแปลทั้งฉบับ เพราะหากอีกฝ่ายหนึ่งเห็นว่า มีข้อความอื่นในเอกสารเป็นประโยชน์แต่ตน ย่อมแสดงข้อความนั้นต่อศาลได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 มิได้บัญญัติให้ต้องบรรยายมาด้วย เมื่อศาลพอใจฟ้องสั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้
ความผิดอันยอมความได้นั้น โจทก์ไม่ต้องบรรยายฟ้องมาด้วยว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์แล้ว เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 มิได้บัญญัติให้ต้องบรรยายมาด้วย เมื่อศาลพอใจฟ้องสั่งรับฟ้อง และโจทก์นำสืบว่ามีการร้องทุกข์โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว ก็ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรุงยาโดยไม่ได้รับอนุญาตและคุณสมบัติ การริบของกลาง
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขาดคุณสมบัติและความรู้ ไม่มีทางที่จะขึ้นทะเบียนรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะได้ แต่ก็ยังฝ่าฝืนปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ ได้ชื่อว่าความผิดเกิดจากการกระทำ (คือ ปรุงยา) ของจำเลย ตัวยาและเครื่องอุปกรณ์ในการปรุงยาเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด จึงต้องริบ
หากจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ปรุงยาแล้ว แต่ใบอนุญาตของจำเลยขาดอายุจำเลยไปปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ได้ชื่อว่าความผิดเกิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่เกิดจากการกระทำความผิด ของกลางไม่พึงริบ (เทียบคดีดำที่ 274/2503)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 42-43/2504)
หากจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ปรุงยาแล้ว แต่ใบอนุญาตของจำเลยขาดอายุจำเลยไปปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ได้ชื่อว่าความผิดเกิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่เกิดจากการกระทำความผิด ของกลางไม่พึงริบ (เทียบคดีดำที่ 274/2503)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 42-43/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรุงยาโดยผู้ไม่มีคุณสมบัติและใบอนุญาต ถือเป็นความผิดเกิดจากการกระทำ ต้องริบของกลาง
เมื่อปรากฏว่าจำเลยขาดคุณสมบัติและความรู้ ไม่มีทางที่จะขึ้นทะเบียนรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะได้ แต่ก็ยังฝ่าฝืนปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ ได้ชื่อว่าความผิดเกิดจากการกระทำ (คือปรุงยา) ของจำเลยตัวยาและเครื่องอุปกรณ์ในการปรุงยาเป็นทรัพย์สินที่จำเลยใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด จึงต้องริบ
หากจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ปรุงยา แล้ว แต่ใบอนุญาตของจำเลยขาดอายุ จำเลยไปปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ ได้ชื่อว่าความผิดเกิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่เกิดจากการกระทำความผิด ของกลางไม่พึงริบ (เทียบคดีคำที่ 274/2503) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 42/43/2504)
หากจำเลยเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ปรุงยา แล้ว แต่ใบอนุญาตของจำเลยขาดอายุ จำเลยไปปรุงยาเพื่อจำหน่ายเช่นนี้ ได้ชื่อว่าความผิดเกิดเพราะไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่เกิดจากการกระทำความผิด ของกลางไม่พึงริบ (เทียบคดีคำที่ 274/2503) (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 42/43/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จและสิทธิในทรัพย์มรดก: ฟ้องต้องระบุความจริงชัดเจน
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 218/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องแจ้งความเท็จ: การบรรยายความจริงผู้ครอบครองทรัพย์มรดก
คำบรรยายฟ้องคดีแจ้งความเท็จ
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ความว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์บุกรุกห้องเลขที่ 185 ตำบลท่าข้าม และลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยทราบว่าห้องที่กล่าวนี้และทรัพย์ที่หาว่าโจทก์ลักไป เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายเทศโจทก์ได้ครอบครองอยู่ก่อนแล้วในฐานผู้รับมรดกและจัดการมรดกของนายเทศตามพินัยกรรมจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์เหล่านี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137,172 ตามฟ้องนี้โจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว ทั้งความเท็จที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนและความจริงที่โจทก์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ก่อนแล้วจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าความจริงโจทก์ไม่ได้บุกรุกหรือบุกรุกแต่มีสิทธิที่จะทำได้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้อง ความว่า จำเลยแจ้งความเท็จว่าโจทก์บุกรุกห้องเลขที่ 185 ตำบลท่าข้าม และลักทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นความเท็จความจริงจำเลยทราบว่าห้องที่กล่าวนี้และทรัพย์ที่หาว่าโจทก์ลักไป เป็นทรัพย์สินของกองมรดกของนายเทศโจทก์ได้ครอบครองอยู่ก่อนแล้วในฐานผู้รับมรดกและจัดการมรดกของนายเทศตามพินัยกรรมจำเลยกับพวกได้ลักทรัพย์เหล่านี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา137,172 ตามฟ้องนี้โจทก์ได้บรรยายชัดแจ้งแล้ว ทั้งความเท็จที่จำเลยแจ้งต่อพนักงานสอบสวนและความจริงที่โจทก์เป็นผู้ครอบครองทรัพย์มรดกรายนี้อยู่ก่อนแล้วจำเลยย่อมเข้าใจข้อหาได้ดีที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ชัดว่าความจริงโจทก์ไม่ได้บุกรุกหรือบุกรุกแต่มีสิทธิที่จะทำได้จึงไม่เป็นฟ้องที่สมบูรณ์นั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินหลังหย่า: ไม่ใช่คำมั่นสัญญา แต่เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ ทำให้สิทธิในทรัพย์สินตกเป็นของผู้รับโอน
สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกัน และทำบันทึกแบ่งทรัพย์สินให้ภริยาด้วยนั้นการแบ่งทรัพย์นี้ไม่ใช่คำมั่นว่าจะให้แต่เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงแบ่งทรัพย์สินหลังหย่ามีผลอย่างไร? ข้อตกลงไม่ใช่คำมั่นสัญญาแต่เป็นการโอนสิทธิ
สามีภริยาได้จดทะเบียนหย่าขาดจากกันและทำบันทึกแบ่งทรัพย์สินให้ภริยาด้วยนั้น การแบ่งทรัพย์นี้ไม่ใช่คำนั่นว่าจะให้ แต่เป็นสัญญาแบ่งทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1512