พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,113 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 206/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาของผู้ขับขี่ที่ขับรถผิดทาง ชนผู้อื่น แม้ผู้ถูกชนไม่มีใบอนุญาต
เพียงแต่ปรากฏว่า ผู้เสียหายไม่มีใบอนุญาตให้ขับขี่เท่านั้น ยังไม่เป็นเหตุที่จะทำให้ฟังว่า ประมาทเลินเล่อได้ ในเมื่อทางพิจารณาปรากฏว่า จำเลยขับรถผิดทางเข้าไปชนรถผู้เสียหายเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการร้องทุกข์ ความผิดเช็ค และอายุความ การเบิกความต่อศาลไม่ทำให้การร้องทุกข์เป็นโมฆะ
ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีตำรวจบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไปเช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่าเมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไปเป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่าผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการร้องทุกข์: แม้ต้องการเงินคืน แต่การบอกให้ดำเนินคดีก็ถือเป็นการร้องทุกข์เพื่อเอาโทษได้
ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เรื่องจำเลยออกเช็คไม่มีเงินต่อพนักงานตำรวจสถานีบางซื่อตามเอกสารคำร้องทุกข์ว่า ให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีจนถึงที่สุด แม้ผู้เสียหายจะเบิกความต่อศาลว่าไม่มีเจตนาจะให้เอาโทษจำเลย ขอให้ได้เงินคืนเท่านั้น และว่าเมื่อวันไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้บอกตำรวจด้วยว่า ต้องการเงินคืนเท่านั้น ไม่อยากให้เอาโทษ ตำรวจจึงยังไม่ได้สอบสวน เมื่อเห็นว่า จำเลยไม่คืนเงินจึงบอกให้ตำรวจจับจำเลย และได้เริ่มสอบสวนต่อไป เช่นนี้ ก็ยังถือได้ว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไว้ตามกฎหมายแล้ว คำเบิกความของผู้เสียหายดังกล่าวข้างต้นนั้น หาแสดงว่าผู้เสียหายไม่เจตนาเอาโทษแก่จำเลยโดยแท้จริงไม่ เป็นแต่ผู้เสียหายอยากได้เงินคืนมากกว่า เมื่อไม่ได้เงินคืนจากจำเลย ก็ได้บอกให้ตำรวจจับจำเลยดำเนินการสอบสวนต่อไป เป็นการชัดแจ้งอยู่แล้วว่า ผู้เสียหายต้องการเอาโทษจำเลยตามคำร้องทุกข์นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกีดขวางทางสาธารณะโดยการปิดกั้นทางเดินที่สาธารณะใช้ประโยชน์มานาน แม้ที่ดินอยู่ในโฉนดจำเลย ก็ไม่อาจกระทำได้
ฟ้องว่าจำเลยกีดขวางทางสาธารณะเมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่ ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบที่เกิดเหตุประกอบกับคำรับของคู่ความว่า ที่ดินของจำเลยอยู่ริมแม่น้ำ หน้าที่ดินของจำเลยมีทางเดินซึ่งสาธารณชนใช้เดินเลียบริมแม่น้ำมา 15 ปีแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จะต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงต่อไป เพราะถึงแม้จะฟังตามฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า ทางเดินเดิมได้พังลงแม่น้ำไปหมดแล้ว ทางเดินใหม่ อยู่ในโฉนดของจำเลยก็ตาม เมื่อจำเลยได้สละสิทธิให้สาธารณะชนเดินมานานตั้ง 15 ปี จำเลยจะปิดกั้นเสียหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกีดขวางทางสาธารณะที่เกิดจากการสละสิทธิ: การใช้ทางต่อเนื่อง 15 ปีสร้างสิทธิการใช้ทาง
ฟ้องว่าจำเลยกีดขวางทางสาธารณะเมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลชั้นต้นเดินเผชิญสืบที่เกิดเหตุประกอบกับคำรับของคู่ความว่าที่ดินของจำเลยอยู่ริมแม่น้ำ หน้าที่ดินของจำเลยมีทางเดินซึ่งสาธารณชนใช้เดินเลียบริมแม่น้ำมา 15ปีแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่จะต้องสืบพยานฟังข้อเท็จจริงต่อไป เพราะถึงแม้จะฟังตามฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยว่า ทางเดินเดิมได้พังลงแม่น้ำไปหมดแล้ว ทางเดินใหม่อยู่ในโฉนดของจำเลยก็ตามเมื่อจำเลยได้สละสิทธิให้สาธารณชนเดินมานานตั้ง 15 ปี จำเลยจะปิดกั้นเสียหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่า-อายุความ: พิจารณาที่ดินเป็นที่บ้านตั้งแต่เมื่อใด เพื่อคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่าตามสภาพพออนุมานได้ว่าเป็นที่บ้านเมื่อโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์มีกรรมสิทธิ์ไม่ใช่แต่เพียงสิทธิครอบครองจึงควรฟังข้อนำสืบของโจทก์ว่ามีกรรมสิทธิ์โดยอาศัยกฎหมายบทใดเสียก่อนไม่ควรด่วนงดสืบพยานอนึ่ง ในเรื่องอายุความ จะถือเอาระยะเริ่มที่โจทก์เข้าครอบครองที่ดินเป็นต้นมาไม่ได้ต้องพิจารณาว่าที่เป็นที่บ้านมาแต่เมื่อใดถ้าที่ดินได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะ เบ็ดเสร็จบทที่ 42 แล้วโจทก์จะต้องละทิ้ง 9 ปี 10 ปี จึงจะขาดสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 133/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ที่ดินมือเปล่าเป็นที่บ้าน, อายุความครอบครอง, การพิสูจน์สิทธิโดยอาศัยกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ
ที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกับที่ดินจำเลยเป็นที่ดินมือเปล่า ตามสภาพพออนุมานได้ว่าเป็นที่บ้าน เมื่อโจทก์กล่าวอ้างในฟ้องว่าโจทก์มีกรรมสิทธิไม่ใช่แค่เพียงสิทธิครอบครอง จึงควรฟังข้อนำสืบของโจทก์ว่ามีกรรมสิทธิ์ไม่ใช่แต่เพียงสิทธิครอบครอง จึงควรฟังข้อนำสืบของโจทก์ว่ามีกรรมสิทธิ์โดยอาศัยกฎหมายบทใดเสียก่อน ไม่ควรด่วนงดสืบพยาน อนึ่ง ในเรื่องอายุความ จะถือเอาระยะเริ่มที่โจทก์เค้าครอบครองที่ดินเป็นต้นมาไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าที่เป็นที่บ้านมาแต่เมื่อใด ถ้าที่ดินได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42แล้ว โจทก์จะต้องละทิ้ง 9 ปี 10 ปี จึงจะขาดสิทธิ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความและเล่าเรื่องให้ผู้อื่นฟังเพื่อหาพยานหลักฐาน ไม่ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาท
การที่จำเลยแจ้งความว่าโจทก์ได้สมคบกับพวกจ้างคนให้ไปยิงจำเลยเป็นการที่จำเลยกระทำตามกฎหมาย เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจับกุมโจทก์กับพวกมาดำเนินคดีและเพื่อขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองความปลอดภัยแก่ตัวจำเลยเองด้วยและแม้ว่าจำเลยจะไปเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้ช่วยสอบถามโจทก์ว่าเป็นความจริงไม่ ทั้ง ๆ ที่ได้แจ้งความไว้ แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีความชอบธรรมที่จะแสดงหาพยานหลักฐานมาฟ้องร้องโจทก์ได้ จำเลยมิได้มีเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้เสียชื่อเสียง การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 91/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความและเล่าเรื่องต่อบุคคลอื่นเพื่อแสวงหาความจริง ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
การที่จำเลยแจ้งความว่าโจทก์ได้สมคบกับพวกจ้างคนให้ไปยิงจำเลยเป็นการที่จำเลยกระทำตามกฎหมาย เพื่อให้เจ้าพนักงานตำรวจสืบสวนจับกุมโจทก์กับพวกมาดำเนินคดีและเพื่อขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองความปลอดภัยแก่ตัวจำเลยเองด้วยและแม้ว่าจำเลยจะไปเล่าให้คนอื่นฟังเพื่อให้ช่วยสอบถามโจทก์ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งๆที่ได้แจ้งความไว้แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีความชอบธรรมที่จะแสวงหาพยานหลักฐานมาฟ้องร้องโจทก์ได้ จำเลยมิได้มีเจตนาใส่ความโจทก์เพื่อให้เสียชื่อเสียงการกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 63/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือฆ่าผู้อื่น - ไม่เข้าข้อยกเว้นสมัครใจวิวาท
จำเลยทั้งสองย้อนกลับมาที่ร้านขายเหล้าและอาหาร ต่อว่าเจ้าของร้านว่าทอนสตางค์ไม่ครบ จึงเกิดเถียงกัน จำเลยที่ 1 ฉุดเจ้าของร้านออกไปนอกร้าน โดยมีจำเลยที่ 2 ดันหลัง แล้วจำเลยที่ 1 ต่อเจ้าของร้ายด้วยสนับมือที่พกมา จำเลยที่ 2 ก็แทงเจ้าของร้านในเวลาติดต่อกันไป แล้วจำเลยก็พากันหนีไป ต่อมาไม่ช้าเจ้าของร้านก็ตายถือว่า จำเลยทั้งสองร่วมมือกันฆ่าเจ้าของร้านตายไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครไปวิวาท