คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจริญ ฤทธิศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 240 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้มีการนำไปใช้ในการกระทำผิด
จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานมา ยังชำระราคาค่าเช่าซื้อยังไม่หมด จำเลยได้นำรถจักรยานนั้นไปออกรางวัลสลากกินรวม โดยผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รู้เห็นด้วย ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิร้องขอรับรถจักรยานของกลาง คืนไปได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ แม้ผู้เช่าซื้อนำไปใช้ในการกระทำผิด
จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานมา ยังชำระราคาค่าเช่าซื้อยังไม่หมด จำเลยได้นำรถจักรยานนั้นไปออกรางวัลสลากกินรวบ โดยผู้ให้เช่าซื้อไม่ได้รู้เห็นด้วย ดังนี้ กรรมสิทธิ์ในรถจักรยานยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 572 ผู้ให้เช่าซื้อย่อมมีสิทธิร้องขอรับรถจักรยานของกลางคืนไปได้
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติการพนันและริบจักรยาน 2 ล้อ ของกลางที่จำเลยใช้ออกเป็นรางวัลสลากกินรวบคดีถึงที่สุด ศาลชั้นต้น
ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า รถจักรยานของกลางไม่ใช่ของจำเลย หากเป็นรถของผู้ร้องได้ให้จำเลยเช่าซื้อมา จำเลยชำระราคายังไม่หมด การที่จำเลยเอารถจักรยานคันนี้ไปจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินรวบ ผู้ร้องมิได้รู้เห็น จึงขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 947-958/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทิศที่ดินวัดโดยปริยายเพื่อขยายทางหลวง การปลูกสร้างอาคารในเขตทางหลวงเป็นความผิด
การที่วัดได้ยินยอมให้มีการขยายเขตถนนเดิมซึ่งได้ใช้เป็นทางหลวงอยู่แล้วเข้าไปในที่วัด และเมื่อทางหลวงนี้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน กรณีจึงเป็นว่า วัดได้อุทิศที่ดินส่วนนี้โดยปริยาย ให้เป็นทางหลวง
การอุทิศของวัดเช่นนี้มิได้ ไม่ขัดต่อพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 41 เพราะกรณีเช่นนี้ไม่เข้าลักษณะเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ตามที่กฎหมายนั้นระบุไว้ ฉะนั้น การที่จำเลยปลูกปักอาคารลงในเขตทางหลวงโดยมิได้รับอนุญาต ก็ย่อมเป็นความผิดตามกฎหมาย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบไม้ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้: ไม้ที่ได้มาโดยชอบ ไม่เข้าข่ายต้องริบ
ไม้ที่จำเลยทำการชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ จึงไม่ต้องถูกริบตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 (อ้างฎีกาที่ 354/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 933/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบไม้ของกลาง: ไม้ที่ชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่ไม้ที่ได้มาจากการกระทำผิด จึงไม่ถูกริบ
ไม้ที่จำเลยทำการชักลากโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานไม่ใช่ไม้ที่ได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ จึงไม่ต้องถูกริบตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74(อ้างฎีกาที่ 354/2488)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ บทบัญญัติมาตรา 281 ประมวลกฎหมายอาญา ไม่ใช่บทลงโทษ แต่เป็นข้อยกเว้นความผิดและข้อจำกัดการฟ้องร้อง
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้เป็นแต่บัญญัติว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 276 และ 278 นั้น ถ้ามิได้ทำต่อหน้าธารกำนัลไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสและเป็นการโทรมหญิง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ จึงมิใช่บทกำหนดการกระทำอันเป็นผิดและกำหนดโทษไว้อันจะนำมาเป็นบทลงโทษจำเลยได้
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276,281,310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา276,310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 926/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ มาตรา 281 ไม่ใช่บทลงโทษ, การใช้ดุลยพินิจศาลในการลดโทษ, การจำกัดสิทธิฎีกา
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 มิได้บัญญัติการกระทำอันเป็นความผิดและกำหนดโทษไว้ เป็นแต่บัญญัติว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 276 และ 278 นั้น ถ้ามิได้ทำต่อหน้าธารกำนัลไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัสและเป็นการโทรมหญิง เป็นความผิดอันยอมความกันได้ จึงมิใช่บทกำหนดการกระทำอันเป็นผิดและกำหนดโทษไว้ อันจะนำมาเป็นบทลงโทษจำเลยได้
ศาลชั้นต้นว่า จำเลยผิดตาม มาตรา 276, 281, 310 แต่ให้รวมกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276, 281 จำคุก 10 ปี จำเลยรับลดกึ่ง คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยผิดตามมาตรา 276, 310 ให้ลงโทษตามมาตรา 276 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 5 ปี รับลดกึ่ง ลงจำคุก 2 ปี 6 เดือน เช่นนี้ เป็นการใช้ดุลยพินิจและเป็นปัญหาในข้อเท็จจริง เป็นการแก้น้อย ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดี: เหตุสุดวิสัยและดุลพินิจศาลในการสั่งพิจารณาคดีใหม่
วันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์มาศาลล่าช้ากว่ากำหนดเพียง 1 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากรถยนต์ที่ทนายโจทก์เดินทางมาเกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง ดังนี้ ถือได้ว่าโจทก์มิได้จงใจขาดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุผลความล่าช้าในการมาศาล: ศาลพิจารณาเหตุผลที่สมเหตุสมผลและไม่ได้เกิดจากความจงใจของฝ่ายโจทก์
วันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์มาศาลล่าช้ากว่ากำหนดเพียง 1 ชั่วโมงเศษ เนื่องจากรถยนต์ที่ทนายโจทก์เดินทางมาเกิดเครื่องยนต์ขัดข้อง ดังนี้ ถือได้ว่าฝ่ายโจทก์มิได้จงใจขาดนัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอาญา: การฟ้องจำเลยในฐานะตัวแทนบริษัท และการไต่สวนมูลฟ้องที่ไม่ชอบ
จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงในมูลคดีเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในศาลอาญา ในชั้นศาลอาญา จำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยกันกับบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะตัว ส่วนในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ในหน้าฟ้องมีว่า นายจิ้น แซ่เล้าหรือยินจุน แทนบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด จำเลย ใจความฟ้องมีว่า จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้าบางอย่าง โดยจำเลยในนามของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด ได้นำกระสอบป่านสองแสนใบจากประเทศอินเดีย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาต และในรายงานกระบวนพิจารณา ผู้ว่าคดีแถลงต่อศาลว่าฟ้องจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเคี่ยนหงวน (ไทย) จำกัด หาใช่ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัวไม่ ดังนี้ถือว่าจำเลยมิได้ถูกฟ้องหาว่าได้กระทำผิดโดยเฉพาะตัวและยังมิได้ถูกไต่สวนมูลฟ้อง อัยการจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)
of 24