คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจริญ ฤทธิศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 240 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 792/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องอัยการ: จำเลยถูกฟ้องในฐานะตัวแทนบริษัทฯ ต้องมีการไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะตัวก่อน จึงจะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้
จำเลยถูกฟ้องที่ศาลแขวงในมูลคดีเดียวกันกับที่ถูกฟ้องในศาลอาญา ในชั้นศาลอาญาจำเลยถูกฟ้องว่าร่วมกระทำผิดด้วยกันกับบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด เป็นที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าโจทก์ฟ้องจำเลยเป็นผู้กระทำผิดเป็นการเฉพาะตัวส่วนในชั้นไต่สวนมูลฟ้องในหน้าฟ้องมีว่า นายจิ้นแซ่เล้าหรือยินจุนแทนบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด จำเลยใจความฟ้องมีว่า จำเลยได้กระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างโดยจำเลยในนามของบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด ได้นำกระสอบป่านสองแสนใบจากประเทศอินเดีย เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้รับอนุญาตและในรายงานกระบวนพิจารณาผู้ว่าคดีแถลงต่อศาลว่าฟ้องจำเลยในฐานะเป็นตัวแทนของบริษัทเคี่ยนหงวน(ไทย) จำกัด หาใช่ฟ้องจำเลยเป็นการเฉพาะตัวไม่ดังนี้ถือว่าจำเลยมิได้ถูกฟ้องหาว่าได้กระทำผิดโดยเฉพาะตัวและยังมิได้ถูกไต่สวนมูลฟ้องอัยการจึงยังไม่มีอำนาจที่จะฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่ต้องพิสูจน์การประกาศพระราชกฤษฎีกา
คดีฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าได้มีการปิดประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกำหนดไว้ใน มาตรา 5 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 แต่ประการใด(ฎีกาที่ 1146/2502)
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตร ลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 48,73 พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484(ฉบับที่ 3) พ.ศ.2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งจำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ และการพิพากษาริบไม้ของกลาง
คดีฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โจทก์ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่าได้มีการปิดประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกำหนดไว้ในมาตรา 5 พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 แต่ประการใด (ฎีกาที่ 1146/2502)
จำเลยมีไม้สักแปรรูปจำนวน 0.53 เมตรลูกบาศก์ไว้โดยไม่ได้รับอนุญาต นับว่าเป็นการกระทำผิดต่อ พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48, 73 พ.ร.บ. ป่าไม้ (ฉบับที่3) พ.ศ. 2494 มาตรา 17 ไม้ที่จำเลยมีทั้งหมดย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด จึงต้องถูกริบทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องร้องซ้ำในประเด็นที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฟ้องที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้และศาลพิพากษาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จริงดังฟ้อง. พิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้องคดีหลังจำเลยมาฟ้องขอให้เพิกถอนหนังสือสัญญากู้และคำพิพากษาดังกล่าวโดยอ้างว่าสัญญากู้นั้นปลอมคำฟ้องในคดีหลังเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ไม่ได้กู้เงินของจำเลยดังที่จำเลยในคดีหลังฟ้องโจทก์ในคดีก่อนนั่นเอง คดีก่อนและคดีหลังจึงมีประเด็นข้อใหญ่อย่างเดียวกันว่าโจทก์นี้ได้กู้เงินจำเลยไปจริงตามหนังสือสัญญากู้ในคดีก่อนหรือไม่ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อนแล้วฉะนั้น ฟ้องของโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นการฟ้องร้องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 แม้ในคดีหลังโจทก์จะกล่าวอ้างว่าไม่ได้กู้เงินจากจำเลยเพราะเหตุอื่นใดก็เป็นแต่เพียงรายละเอียดของประเด็นข้อใหญ่ที่กล่าวแล้วจึงไม่ทำให้โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 735/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำในประเด็นที่ศาลเคยวินิจฉัยแล้ว ถือเป็นการฟ้องซ้ำที่ต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148
คดีก่อนโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้และศาลพิพากษาว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จริงดังฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินกู้ตามฟ้อง คดีหลังจำเลยมาฟ้องขอให้เลิกถอนหนังสือสัญญากู้และคำพิพากษาดดังกล่าว โดยอ้างว่าสัญญากู้นั้นปลอม คำฟ้องในคดีหลังเท่ากับเป็นการกล่าวอ้างว่าโจทก์ไม่ได้กู้เงินของจำเลยดังที่จำเลยในคดีหลังฟ้องโจทก์ในคดีก่อนนั่นเอง คดีก่อนและคดีหลังจึงมีประเด็นข้อใหญ่อย่างเดียวกัน ว่าโจทก์นี้ได้กู้เงินจำเลยไปจริงตามหนังสือสัญญากู้ในคดีก่อนหรือไม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวนี้ ศาลได้วินิจฉัยชี้ขาดไว้ในคดีก่อนแล้ว ฉะนั้นฟ้องของโจทก์ในคดีหลังจึงเป็นการฟ้องร้องในประเด็นที่ศาลวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันกับในคดีก่อน ต้องตามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148 แม้ในคดีหลังโจทก์จะกล่าวอ้างไม่ได้กู้เงินจากจำเลยเพราะเหตุอื่นใด ก็เป็นแต่เพียงรายละเอียดของประเด็นข้อใหญ่ที่กล่าวแล้ว จึงไม่ทำให้โจทก์นำคดีมาฟ้องร้องใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดด้วยความจำเป็น: เจ้าหน้าที่ถูกบังคับด้วยอาวุธปืนในการแก้ไขคะแนนเลือกตั้งได้รับการยกเว้นโทษ
จำเลยเป็นข้าราชการและเป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้งแก้จำนวนคะแนนเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งในเอกสารที่แจ้งผลการเลือกตั้งถึงนายอำเภอเนื่องจากถูกบีบบังคับด้วยอำนาจปืนถือว่าเป็นการกระทำด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุย่อมได้รับการยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดด้วยความจำเป็น: เจ้าหน้าที่ถูกบังคับด้วยปืนในการแก้ไขคะแนนเลือกตั้งได้รับการยกเว้นโทษ
จำเลยเป็นข้าราชการและเป็นเจ้าหน้าที่ในการเลือกตั้ง แก้จำนวนคะแนนเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งในเอกสารที่แจ้งผลการเลือกตั้งถึงนายอำเภอ เนื่องจากถูกบีบบังคับด้วยอำนาจปืน ถือว่าเป็นการกระทำด้วยความจำเป็นพอสมควรแก่เหตุ ย่อมได้รับการยกเว้นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์: ศาลต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้ก่อน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสองมิใช่หมายความว่า เพียงแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ยังมีทรัพย์สินอื่นให้ผู้ร้องเรียกหรือบังคับเอาได้แล้ว ก็ต้องห้ามมิให้เฉลี่ย หากแต่หมายความถึงกรณีที่ทรัพย์สินอื่นๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องมีอยู่เพียงพอที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา คือผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จะสามารถเอาชำระได้ด้วยจึงจะต้องห้ามมิให้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งยึดขายในคดีอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 677/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเฉลี่ยทรัพย์ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นก่อน
ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรค 2 มิใช่หมายความว่า เพียงแต่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ยังมีทรัพย์สินอื่นให้ผู้ร้องเรียกหรือบังคับเอาได้แล้ว ก็ต้องห้ามมิให้เฉลี่ย หากแต่หมายความถึงกรณีที่ทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องมีอยู่เพียงพอที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา คือผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์จะสามารถเอาชำระได้ด้วย จึงจะต้องห้ามมิให้ขอเฉลี่ยทรัพย์ซึ่งยึดขายในคดีอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 659-660/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานฆ่าคนตาย การพิจารณาจากวิธีการและลักษณะการทำร้าย
จำเลยมีโอกาศจะแทงผู้ตายแถวบริเวณอวัยวะที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ง่าย แต่กลับเลือกแทงที่ขาของผู้ตายซึ่งเป็นอวัยวะส่วนที่ไม่น่าจะทำให้ถึงตายและจำเลยแทงเพียงทีเดียว ส่อให้เห็นเจตนาว่าจำเลยไม่มีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายให้ถึงตาย จำเลยมีผิดเพียงฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานฆ่าคนโดยเจตนา ทางพิจารณาได้ความว่าฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา ก็ลงโทษตามที่พิจารณาได้ความนั้นได้
of 24