คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
เจริญ ฤทธิศาสตร์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 240 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 384/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางและฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกัน: ขายฝากไม่ใช่การกู้ยืม
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากจำเลยว่า โจทก์ขอกู้เงินและให้ที่ดินเป็นประกันเงินกู้ก่อนแล้วจึงตกลงไปทำสัญญาขายฝากกันเพื่อให้การประกันมีผลตามกฎหมาย ดังนี้ ไม่ใช่นิติกรรมอำพรางมีแต่การขายฝากเพียงนิติกรรมเพียง
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน จำเลยให้การว่า โจทก์ตกลงรับไปจัดหาผลประโยชน์จากที่ดินรายนี้ และฟ้องแย้งเรียกร้องเอาค่าผลประโยชน์ดังกล่าวจากโจทก์ ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยไม่เกี่ยวข้อกับฟ้องเดิมของโจทก์ ควรให้แยกไปว่ากล่าวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญายอมความและการบังคับตามสัญญา: กรณีใหม่ไม่ผูกพันสัญญาเดิม
โจทก์จำเลยทำยอมความกันว่าให้ถือตรอกทางเดินที่พิพาทกันเป็นทางสาธารณ และจำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป ศาลพิพากษาตามยอมและจำเลยปฏิบัติตามยอมแล้ว ต่อมาโจทก์กลับปลูกสร้างขึ้นบนทางเดินนั้น ดังนี้จำเลยจะมาร้องขอในคดีเดิมในบังคับโจทก์รื้อไม่ได้ เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่กรณีตามยอมความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลของการยอมความและการเปลี่ยนแปลงสถานะทางกฎหมายของทางเดินสาธารณะหลังศาลพิพากษา
โจทก์จำเลยทำยอมความกันว่า ให้ถือตรอกทางเดินที่พิพาทเป็นทางสาธารณะ และจำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปศาลพิพากษาตามยอมและจำเลยปฏิบัติตามยอมแล้วต่อมาโจทก์กลับปลูกสร้างขึ้นบนทางเดินนั้นดังนี้ จำเลยจะมาร้องขอในคดีเดิมให้บังคับโจทก์รื้อไม่ได้เพราะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ใช่กรณีตามยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 355/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของเครื่องหมายการค้าก่อนจดทะเบียน: การเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้า
โจทก์ผู้เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า ใช้เครื่องหมายการค้ามาก่อนจำเลย แม้จำเลยจะไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นก่อนหลายปีโจทก์ก็ขอให้ศาลเพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่จำเลยขอจดไว้ได้
การที่ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนทั้งยังห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าและชื่อของโจทก์ต่อไปนั้นโจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามคำพิพากษาโดยสมบูรณ์อยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องให้จำเลยทำลายเครื่องหมายการค้านั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลฟ้องคดีอาญา: ดุลพินิจไม่อนุญาตฟ้องต่อศาลอาญาชอบด้วยกฎหมาย
ศาลล่าง 2 ศาล พิพากษาต้องกันให้คืนฟ้อง โจทก์ฎีกาได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
เหตุคดีอาญาเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษ และจำเลยก็อยู่ในท้องที่จังหวัดศรีสะเกษ แต่ตัวโจทก์ต้องถูกควบคุมอยู่ที่จังหวัดพระนคร ดังนี้การที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจ ไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลอาญาเป็นดุลพินิจที่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: ดุลพินิจไม่อนุญาตฟ้องนอกเขต หากโจทก์สามารถมอบอำนาจทนายได้
ศาลล่าง 2 ศาลพิพากษาต้องกันให้คืนฟ้อง ไม่ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
เหตุคดีอาญาเกิดที่จังหวัดศรีสะเกษและจำเลยก็อยู่ในห้องที่จังหวัดศรีสะเกษแต่ตัวโจทก์ต้องควบคุมอยู่ที่จังหวัดพระนคร ดังนี้การที่ศาลอาญาใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลอาญา เป็นดุลพินิจที่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเพื่อไม่ให้ขาดอายุความถือเป็นคำร้องทุกข์ได้ คดีเช็คไม่มีการจ่ายเงิน
ผู้เสียหายแจ้งความว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงิน ขอแจ้งความให้เจ้าพนักงานทราบไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะขาดอายุความ เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งความไว้ และเรียกจำเลยไปสอบถามบันทึกคำให้การ ต่อมาเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบแต่ไม่ตกลงกัน ผู้เสียหายจึงฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ถือว่า คำแจ้งความนั้นเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2503 แต่แล้วถอนไป จึงไม่มีการลงมติ)
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็ค ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 263/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความเพื่อรักษาอายุความฟ้องร้องคดีเช็ค และการมีเจตนาออกเช็คโดยไม่ให้ธนาคารจ่ายเงิน
ผู้เสียหายแจ้งความว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาไม่ใช้เงินขอแจ้งความให้เจ้าพนักงานทราบไว้เป็นหลักฐาน เพราะเกรงจะขาดอายุความ เจ้าพนักงานตำรวจรับแจ้งความไว้ และเรียกจำเลยไปสอบถามบันทึกคำให้การ ต่อมาเรียกคู่กรณีไปเปรียบเทียบแต่ไม่ตกลงกัน ผู้เสียหายจึงฟ้องคดีต่อศาล ดังนี้ถือว่าคำแจ้งความนั้นเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมายแล้ว(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 33/2503 แต่แล้วถอนไป จึงไม่มีการลงมติ)
จำเลยออกเช็คโดยไม่ประทับตราเพื่อให้ธนาคารจ่ายเงินตามเช็คถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจะไม่ให้มีการจ่ายเงินตามเช็คนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเก็บภาษีการค้า: รายได้จากสำนักงานกลางต้องรวมเป็นรายรับเพื่อเสียภาษี
ระบบการเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากร ให้เรียกเก็บตามรายรับของประเภทการค้าเป็นสำคัญและต้องเรียกเก็บเป็นเปอรเซนต์จากรายรับของสถานการค้าด้วย
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าว ให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าว ส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้นต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่เสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ นั้นจึงไม่ถูกต้อง และไม่เป็นเหตุให้โจทก์ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 240/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประเมินภาษีการค้าข้าว: รายได้จากการตกลงซื้อขายถือเป็นรายได้ของสำนักงานกลาง
ระบบการเก็บภาษีการค้าตามประมวลรัษฎากรให้เรียกเก้ปตามรายรับของประเภทการค้าเป็นสำคัญ และต้องเรียกเก็บเป็นเปอร์เซ็นต์จากรายรับของสถานการค้าด้วย
การที่โจทก์ประกอบการค้าข้าวโดยให้สำนักงานกลางในเขตเทศบาลเป็นผู้ตกลงขายและรับเงินราคาข้าวส่วนข้าวไปเอาที่ฉางนอกเขตเทศบาลนั้น ต้องจัดเป็นรายรับของสำนักงานกลางอันโจทก์มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเพิ่มเพื่อเทศบาล ฉะนั้น ที่โจทก์แยกยื่นบัญชีขอชำระภาษีการค้าว่าเป็นรายรับของโรงสีหรือฉางข้าวอื่นๆ จึงไม่ถูกต้อง
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 30/2503)
of 24