คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 46.

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 6 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่การนำสืบพยานหลักฐานของโจทก์ในคดีความรับผิดจากละเมิดที่เกิดจากการขับรถประมาทของลูกจ้าง
โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นนายจ้างให้รับผิดในการที่ลูกจ้างของจำเลยขับรถในทางการที่จ้างโดยประมาท เป็นเหตุให้รถคันที่โจทก์รับประกันวินาศภัยไว้เสียหาย จำเลยและจำเลยร่วมให้การปฏิเสธว่าลูกจ้างของจำเลยไม่ได้ขับรถโดยประมาทดังนี้โจทก์มีหน้าที่จะต้องนำสืบว่า ลูกจ้างจำเลยได้ขับรถโดยประมาทแต่โจทก์หามีพยานมาสืบให้พอรับฟังได้เช่นนั้นไม่ คำพิพากษาคดีอาญาซึ่งพิพากษาว่าลูกจ้างจำเลยขับรถโดยประมาทนั้นไม่มีผลผูกพันจำเลยและจำเลยร่วมผู้เป็นนายจ้าง ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกฉะนั้น เมื่อโจทก์ไม่นำสืบ จำเลยและจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสัมพันธ์ระหว่างคดีอาญาและคดีแพ่ง: ศาลต้องใช้ข้อเท็จจริงจากคำพิพากษาอาญา
คดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีอาญาปนแพ่งขอให้ลงโทษจำเลยทางอาญาและเรียกทรัพย์คืนด้วยนั้น ในการพิพากษา คดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาส่วนอาญาตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 46.
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยฉ้อโกงทรัพย์ ขอให้ลงโทษและใช้ราคาทรัพย์ เมื่อพยานโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ฉ้อโกงเอา ทรัพย์ของโจทก์ไป ซึ่งจะลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้แล้ว ก็จะให้จำเลยรับผิดใช้ทรัพย์แก่โจทก์ไม่ได้ด้วย./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงคดีอาญาใช้ไม่ได้ผูกพันคดีแพ่ง หากโจทก์มิได้เป็นคู่ความ และศาลไม่ได้อาศัยข้อเท็จจริงนั้นในการพิพากษา
จำเลยต่อสู้ว่า หนี้ค่าสุกรเกิดจากการซื้อขายอันมีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายจะต้องนำสืบให้ปรากฎว่า โจทก์ได้สมคบในการฝ่าฝืนประกาศของเจ้าพนักงานควบคุม ฯ ด้วย.
คดีแพ่งที่จะถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญานั้น ต้องปรากฎว่าคู่ความในคดีอาญากับในคดีแพ่งเป็นคนเดียวกัน และศาลพิพากษาคดีอาญาโดยอาศัยข้อเท็จจริงดังนั้น
ศาลอาจฟังหลักฐานไม่ตรงกับถ้อยคำคู่ความที่อำเภอบันทึกไว้ได้ ไม่เป็นการสืบแก้ไขเอกสาร เพราะไม่ใช่เรื่องที่กฎหมายบังคับให้ต้องมีเอกสารมาแสดง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบที่ดินเพื่อชำระหนี้โดยมิได้จดทะเบียน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิยึดถือ เจ้าของกรรมสิทธิมีสิทธิเรียกคืนได้
มอบที่ดินให้เจ้าหนี้ทำกินต่างดอกเบี้ยโดยทำสัญญากันเอง ไม่ได้จดทะเบียนแต่อย่างใด ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ที่จะใช้บังคับให้เกิดสิทธิยึดถือไว้ เมื่อเจ้าของกรรมสิทธิติดตามเอาคืน โดยขอชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ เจ้าหนี้ต้องคืนที่ดินให้แก่เจ้าของกรรมสิทธิไป
คำพิพากษาคดีอาญาศาลชั้นต้นที่ศาลสูงได้พิพากษากลับแล้วนั้น จะนำเอาข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นชี้ขาดมาใช้ในคดีแพ่งไม่ได้
โจทก์ขอให้จำเลยรับชำระหนี้ 300 บาท และคืนนาให้โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่ากู้กัน 1300 บาท ไม่ใช่ 300 บาท ดังนี้ จำนวนหนี้ที่แท้จริงจะบังคับกันได้หรือไม่ และจะเป็นจำนวนมากกว่า 300 บาทหรือเท่าใดนั้น จำเลยมิได้ฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้ใช้เงินอันจะต้องเสียค่าธรรมเนียมตาม ป.ม.วิแพ่ง ศาลจึงไม่วินิจฉัยปัญหาเรื่องจำนวนหนี้ให้.
(อ้างฎีกา 1283/80, 231/82)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 793/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง เมื่อมีประเด็นข้อเท็จจริงและคู่ความเดียวกัน
คู่ความได้ขอให้ศาลรอฟังคำพิพากษาคดีอาญา เมื่อศาลอาญาได้พิพากษาชี้ขาดคดีอาญาแล้ว โจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า ศาลอาญาได้ชี้ขาดว่าผู้ร้องคดีนี้ได้เข้ามาอยู่บ้านรายนี้โดยอาศัยจำเลย ผู้ร้องมิได้โต้แย้ง และเมื่อศาลชั้นต้นรับฟังผู้ร้องก็มิได้คัดค้าน ตลอดจนคำอุทธรณ์ของผู้ร้องก็มิได้โต้แย้งความข้อนี้ ฉะนั้นแม้ว่าโจทก์จะได้อ้าง แต่ยังไม่ได้ทำพิธีเรียกสำนวนมา คดีก็ย่อมรับฟังได้ว่าศาลอาญาได้พิพากษาไว้ดังโจทก์แถลงจริง
การวินิจฉัยคดีแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงตามคำชี้ขาดของศาลในคดีอาญา ซึ่งมีประเด็นข้อเท็จจริงอย่างเดียวกันและคู่ความชุดเดียวกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง หากคดีแพ่งมีการนำสืบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจนฟังได้ชัดเจน
ศาลพิพากษาชี้ขาดข้อเท็จจริงในคดีอาญาที่อัยยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ว่า "ผู้เสียหายไม่รู้ว่าเขตต์โฉนดของตนอยู่แค่ไหน จำเลยจะบุกรุกเข้าไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่หาว่าจำเลยบุกรุกเข้าไป ก็เพราะสังเกตไว้เข้าใจเอาเท่านั้น ฟังไม่ได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ดินของผู้เสียหายฯลฯ" ดังนี้ ถือว่าศาลไม่ได้ชี้ขาดว่าจำเลยไม่ได้รุกที่ดินของผู้เสียหาย เป็นแต่ว่า ผู้เสียหายไม่รู้เขตต์ที่ คือ นำสืบไม่ชัดว่า ที่ดินของผู้เสียหายแค่ไหน จึงลงโทษจำเลยทางอาญาไม่ได้เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อผู้เสียหายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้จัดการทำแผนที่วิวาท และนำสืบจนฟังได้แน่นอนว่า จำเลยรุกที่ของโจทก์แล้ว ศาลก็ย่อมฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งว่า จำเลยรุกที่ดินโจทก์ได้ ไม่ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 46.