คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประกอบ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งข้อเท็จจริงต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อป้องกันความเสียหายในคดีอาญา ไม่ถือเป็นการหมิ่นประมาท
การที่จำเลยมีหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาสูงสุดของโจทก์โดยมุ่งประสงค์ชี้แจงให้ทราบว่าจำเลยได้ฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศาลแล้ว ขอให้หาทางป้องกันมิให้โจทก์ทำหลักฐานว่าในวันกล่าวหาโจทก์ปฏิบัติราชการอยู่ และหาทางป้องกันมิให้การกระทำผิดตามที่ได้ฟ้องไว้เกิดขึ้นอีกเช่นนี้เป็นการกระทำโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม เพื่อป้องกันส่วนได้เสียของจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329(1) แล้ว จำเลยไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 409-412/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ แม้ผู้โอนเสียชีวิตและผู้รับมรดกจดทะเบียนภายหลัง
เจ้าของที่ดินยกที่ดินมีโฉนดให้ผู้อื่นโดยมิได้จดทะเบียนผู้รับให้ได้ครอบครองมาโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของกว่า 10 ปีแล้ว ย่อมได้กรรมสิทธิ์ ต่อมาเจ้าของที่ดินตาย ผู้รับมรดกของเจ้าของที่ดินแม้จะได้จดทะเบียนโอนรับมรดกที่ดินแปลงนี้ถึงวันที่ผู้ครอบครองฟ้องยังไม่เกิน 10 ปี ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ที่ได้ที่ดินโดยการครอบครอง เพราะผู้รับมรดกมิใช่เป็นผู้ได้สิทธิมาโดยเสียค่าตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเล่นแชร์: การห้ามจ่ายเงินไม่เป็นเจตนาทุจริตหากมีสิทธิหักหนี้
การที่จำเลยออกเช็คให้นายวงในการเล่นแชร์เพียงเพื่อเป็นหลักฐานที่นายวงจะเรียกเก็บเงินไปให้แก่ผู้ที่เปียได้ มิใช่เพื่อให้ใช้เงินทันที แล้วจำเลยห้ามธนาคารจ่ายเงินตามเช็คไว้ เพราะนายวงไม่ชำระเงินให้จำเลยครบตามจำนวนที่จำเลยเปียได้นั้น หาใช่เป็นการห้ามธนาคารมิให้ใช้เงินตามเช็คโดยทุจริตไม่ เพราะจำเลยมีสิทธิที่จะหักหนี้กับนายวงแชร์ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทำร้ายประชาชนแล้วอ้างเป็นเหตุปฏิบัติหน้าที่โดยชอบธรรม ไม่เป็นความผิด ม.157
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไม่พอใจที่เห็นภริยาเล่นไพ่อยู่กับโจทก์และพวกจึงเข้าไปอาละวาดกลางวงไพ่และเตะโจทก์แล้วจำเลยทำทีขอตรวจใบอนุญาตเพื่อกลบเกลื่อนการกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิบัติการตามหน้าที่โดยมิชอบ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โจทก์ได้พูดต่อว่าจำเลย จำเลยจึงเดินเข้าไปจะเตะโจทก์อีกโจทก์จึงเอากระโถนขว้างจำเลยแล้วเกิดกอดปล้ำสมัครใจวิวาทกัน ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ตอนหลัง โจทก์ย่อมเป็นผู้เสียหายฟ้องจำเลยฐานทำร้ายร่างกายในความผิดซึ่งจำเลยกระทำต่อโจทก์ในตอนแรกได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หน้าที่ผู้เช่าในการดูแลทรัพย์สิน และความรับผิดจากเหตุเพลิงไหม้
ผู้เช่ามีหน้าที่จำต้องสงวนทรัพย์สินที่เช่าเสมอกับวิญญูชนจะพึงสงวนทรัพย์สินของตนเอง ในกรณีที่ผู้เช่ากระทำการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัยมีการสะสมนุ่นไว้ในห้องเช่าเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนดเก็บนุ่นไว้ห่างเตาไฟไม่ถึง 4 เมตร และห้องนั้นมิได้มีผนังและพื้นที่ทำด้วยซีเมนต์ทั้งมิได้จัดหาเครื่องดับเพลิงเพื่อป้องกันและระงับอัคคีภัยด้วย เมื่อเกิดเพลิงไหม้กระสอบนุ่นที่เก็บไว้ในห้องเช่าแล้วลามไหม้ห้องเช่าหมดแม้ผู้ให้เช่าจะนำสืบไม่ได้ว่าไฟเกิดขึ้นเพราะเหตุใดเช่นนี้ ต้องถือว่าผู้เช่าประมาทเลินเล่อขาดความระมัดระวังผู้เช่าจะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ให้เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 304/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่ รับเงินค่าธรรมเนียมแล้วไม่ดำเนินการและไม่คืนเงิน
พนักงานที่ดินอำเภอรับเงินค่าธรรมเนียมและค่าพาหนะในการรังวัดจากผู้ที่มายื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ภายในเขตท้องที่อำเภอของตน โดยมิได้ออกใบเสร็จรับเงินให้แก่ผู้ที่มายื่นเรื่องราว. และมิได้นำเงินลงบัญชีไว้เป็นหลักฐานทั้งมิได้ดำเนินการให้เรื่องราวของผู้มาติดต่อลุล่วงไป จนกระทั่งย้ายไปอยู่ที่อื่นก็มิได้คืนเงินให้แก่ผู้ยื่นเรื่องราวเหล่านั้น พฤติการณ์เช่นนี้ ถือว่าเจ้าพนักงานผู้นั้นปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงขายบุหรี่: การกระทำโดยทุจริตตั้งแต่ต้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่ผิดสัญญาหรือยักยอก
การที่จำเลยโดยทุจริตกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่ามีร้านขายปลีกต้องการบุหรี่ จำเลยรับจะนำไปส่งให้แลนำเงินมาชำระแทน โจทก์หลงเชื่อมอบบุหรี่ให้จำเลยไป จำเลยกลับเอาไปขายต่ำกว่าราคา และเมื่อถึงกำหนดส่งเงิน จำเลยหลบหน้าไม่นำส่ง ทั้งต่อมายังปฏิเสธว่าไม่ได้รับบุหรี่ไปจากโจทก์นั้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง มิใช่เป็นเรื่องผิดสัญญาหรือยักยอกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงจากการหลอกลวงทางการค้า: การกระทำทุจริตตั้งแต่ต้นเป็นสำคัญ
การที่จำเลยโดยทุจริตกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่ามีร้านขายปลีกต้องการบุหรี่ จำเลยรับจะนำไปส่งให้และนำเงินมาชำระแทนโจทก์หลงเชื่อมอบบุหรี่ให้จำเลยไปจำเลยกลับเอาไปขายต่ำกว่าราคาและเมื่อถึงกำหนดส่งเงิน จำเลยหลบหน้าไม่นำส่ง ทั้งต่อมายังปฏิเสธว่าไม่ได้รับบุหรี่ไปจากโจทก์นั้น ย่อมเป็นความผิดฐานฉ้อโกง มิใช่เป็นเรื่องผิดสัญญาหรือยักยอกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตามกฎหมายในสัญญากู้ยืม หากไม่ได้ระบุอัตรา ต้องคิดร้อยละ 7.5 ต่อปี และห้ามเปลี่ยนแปลงใจความเอกสาร
สัญญากู้ยืมเงินที่ระบุว่าให้คิดดอกเบี้ยกันตามกฎหมาย แต่ไม่ได้กำหนดอัตราว่าเท่าใดนั้น ต้องคิดดอกเบี้ยกันร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีและถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากู้ ซึ่งผู้ให้กู้จะนำสืบเป็นว่าได้ตกลงดอกเบี้ยกันในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีไม่ได้
เอกสารซึ่งมีข้อความระบุว่าเป็นการชำระค่าดอกเบี้ยอย่างเดียวชัดแจ้งแล้ว ย่อมจะนำสืบตีความว่าเป็นการชำระต้นเงินด้วยไม่ได้เช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยตามกฎหมายในสัญญากู้ยืม: อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 7.5% ต่อปี และการตีความหลักฐานการชำระหนี้
สัญญากู้ยืมเงินที่ระบุว่าให้คิดดอกเบี้ยกันตามกฎหมาย แต่ไม่ได้กำหนดอัตราว่าเท่าใดนั้น ต้องคิดดอกเบี้ยกันร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีและถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญากู้ ซึ่งผู้ให้กู้จะนำสืบเป็นว่าได้ตกลงดอกเบี้ยกันในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีไม่ได้
เอกสารซึ่งมีข้อความระบุว่าเป็นการชำระค่าดอกเบี้ยอย่างเดียวชัดแจ้งแล้ว ย่อมจะนำสืบตีความว่า เป็นการชำระต้นเงินด้วยไม่ได้เช่นกัน
of 73