พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 422/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้เช่าช่วงเมื่อผู้เช่าเดิมหมดสิทธิ – ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า
เมื่อผู้เช่าที่ดินมาปลูกสร้างโรงเรือนให้คนอื่นเช่าหมดสิทธิในที่ดินแล้ว เจ้าของที่ดินย่อมฟ้องห้ามผู้เช่าโรงเรือนมิให้เข้าไปครอบครองสิ่งใด ๆ ในที่ดินได้ กรณีเช่นนี้ไม่ถือว่าผู้เช่าโรงเรือนนั้นเป็นผู้เช่าช่วงที่ดินจากเจ้าของที่จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงระงับข้อพิพาทเรื่องทางเดิน ย่อมเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความได้
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำเปรียบเทียบของอำเภอที่ท้ากันว่า ถ้านายฮิ้วผู้ใหญ่บ้านมาชี้ขาดว่าทางพิพาทใช้เดินมาก่อนนายขำจับจองแล้ว จำเลยยอมเว้นทางเดินให้ 2 วา ถ้าหากเดินหลังนายขำจับจองแล้ว โจทก์จะไม่ขอเดินและเกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งต่อมานายฮิ้วผู้ใหญ่บ้านได้มาให้ถ้อยคำชี้ขาดที่อำเภอว่าทางนี้ใช้เดินมาก่อนนายขำจับจองจริง ข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาท จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อตกลงประนีประนอมยอมความตามคำเปรียบเทียบของอำเภอมีผลผูกพัน
ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำเปรียบเทียบของอำเภอที่ท้ากันว่า ถ้านายฮิ้วผู้ใหญ่บ้านมาชี้ขาดว่าทางพิพาทใช้เดินมาก่อนนายขำจับจองแล้ว จำเลยยอมเว้นทางเดินให้ 2 วา ถ้าหากเดินหลังนายขำจับจองแล้ว โจทก์จะไม่ขอเดินและเกี่ยวข้องต่อไปซึ่งต่อมานายฮิ้วผู้ใหญ่บ้านได้มาให้ถ้อยคำชี้ขาดที่อำเภอว่าทางนี้ใช้เดินมาก่อนนายขำจับจองจริงข้อตกลงนี้เป็นข้อตกลงเพื่อระงับข้อพิพาท จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 418/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาออกเช็คเพื่อประกันหนี้ แม้จะมีการขายฝาก/จำนองทรัพย์แล้ว ยังถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
เดิมจำเลยเป็นหนี้ค่าซื้อน้ำมันจากโจทก์ และได้ออกเช็คไม่มีเงินให้ โจทก์จึงไปแจ้งความต่อตำรวจ แล้วจำเลยได้ทำสัญญาไว้กับโจทก์ว่าจะใช้หนี้ทั้งหมดให้ โดยจะขายฝากทรัพย์ให้ กับผ่อนชำระเงินจนกว่าจะครบ และออกเช็คให้โจทก์ใหม่เพื่อเป็นประกันว่าจำเลยจะไม่บิดพลิ้ว ไม่ชำระหนี้ตามสัญญา โจทก์ถอนคำร้องทุกข์ ต่อมาจำเลยผิดสัญญาในการผ่อนชำระหนี้อีก โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินธนาคาร ๆ ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้างบนที่ดินเช่า และสิทธิของเจ้าของรวมในการฟ้องคดี
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว ฉะนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า ตึกย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินโดยไม่ต้องการโอนต่อกัน
ทรัพย์ที่มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้น การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
ทรัพย์ที่มีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้น การที่เจ้าของรวมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้น ย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 417/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ตึกหลังครบกำหนดเช่า และสิทธิเจ้าของร่วมในการฟ้องคดี
เช่าที่ดินปลูกตึกโดยมีข้อสัญญาว่าให้ตึกเป็นของเจ้าของที่ดินเมื่อครบกำหนดเช่าแล้วฉะนั้น เมื่อครบกำหนดการเช่า ตึกย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินตามสัญญาในฐานะเป็นส่วนควบของที่ดินโดยไม่ต้องทำการโอนต่อกัน
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
ทรัพย์สินซึ่งมีบุคคลหลายคนเป็นเจ้าของร่วมกันนั้นการที่เจ้าของร่วมคนหนึ่งใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาและฟ้องคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินนั้นย่อมเป็นการใช้สิทธิอันเกิดแต่กรรมสิทธิ์ครอบไปถึงทรัพย์สินทั้งหมดเพื่อต่อสู้บุคคลภายนอกด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ส่งผลต่อการตัดสินคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสารสำคัญเป็นองค์ความผิดหาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ในศาลเป็นเหตุให้ยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัส ทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสาระสำคัญเป็นองค์ความผิด หาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการประชุมใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม และไม่ต้องปิดอากรแสตมป์
โจทก์ (ครู) ฟ้องจำเลย (เจ้าของ-ผู้จัดการโรงเรียน) ว่ากู้เงินโจทก์ใช้ในกิจการของโรงเรียน แต่เวลากู้ไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้ แล้วโจทก์อ้างรายงานการประชุมครู 2 ฉบับ ซึ่งกระทำกันหลังการกู้ ฉบับแรกมีข้อความกล่าวถึงว่าโรงเรียนยังมีหนี้สินอยู่โดยเฉพาะเป็นหนี้โจทก์ 20,000 บาท เมื่อเก็บเงินจากนักเรียนได้แล้วก็จ่ายให้เป็นเงินเดือนครูจนพอ เหลือจากนั้นแล้วจึงใช้หนี้ ฉบับหลังมีข้อความว่า โจทก์สงสัยหนี้สินที่ค้างบัญชีตั้งแต่เจ้าหน้าที่คนเก่าจะจัดการอย่งไร เพราะถึงกำหนดต้องใช้เขาแล้ว จำเลยตอบว่า ได้ลงมติในที่ประชุมตามรายงานฉบับแรกแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือจากจ่ายเงินเดือนครู ต้องพิจารณาใช้หนี้โจทก์เป็นรายแรก และรายงานทั้ง 2 ฉบับนี้มีลายเซ็นของจำเลยในฐานะประธานที่ประชุมทั้ง 2 ครั้ง ดังนี้ ข้อความในรายงาน 2 ฉบับนี้ไม่กำกวม ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้ และรายงานการประชุมครูนี้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการกู้เงินรายนี้กันเท่านั้น จึงไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานได้
อนึ่ง แม้รายงานนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุม แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
อนึ่ง แม้รายงานนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุม แต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รายงานการประชุมใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้ แม้ไม่สมบูรณ์ตามระเบียบ หากจำเลยลงลายมือชื่อและไม่โต้แย้งความแท้จริง
โจทก์ (ครู) ฟ้องจำเลย (เจ้าของผู้จัดการโรงเรียน) ว่ากู้เงินโจทก์ไปใช้ในกิจการของโรงเรียน แต่เวลากู้ไม่ได้ทำหลักฐานกันไว้ แล้วโจทก์อ้างรายงานการประชุมครู 2 ฉบับซึ่งกระทำกันหลังการกู้ฉบับแรกมีข้อความกล่าวถึงว่าโรงเรียนยังมีหนี้สินอยู่โดยเฉพาะเป็นหนี้โจทก์ 20,000 บาท เมื่อเก็บเงินจากนักเรียนได้แล้วก็จ่ายให้เป็นเงินเดือนครูจนพอ เหลือจากนั้นแล้วจึงใช้หนี้ฉบับหลังมีข้อความว่า โจทก์สงสัยหนี้สินที่ค้างบัญชีตั้งแต่เจ้าหน้าที่คนเก่าจะจัดการอย่างไร เพราะถึงกำหนดต้องใช้เขาแล้ว จำเลยตอบว่าได้ลงมติในที่ประชุมตามรายงานฉบับแรกแล้วว่าเงินส่วนที่เหลือจากจ่ายเงินเดือนครู ต้องพิจารณาใช้หนี้โจทก์เป็นรายแรกและรายงานทั้ง 2 ฉบับนี้มีลายเซ็นของจำเลยในฐานะประธานที่ประชุมทั้ง2 ครั้งดังนี้ ข้อความในรายงาน 2 ฉบับนี้ไม่กำกวม ใช้เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมได้และรายงานการประชุมครูนี้ไม่ใช่สัญญากู้ยืม เป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการกู้เงินรายนี้กันเท่านั้นจึงไม่อยู่ในข่ายที่จะต้องปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จึงรับฟังเป็นพยานได้
อนึ่ง แม้รายงานฯนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุมแต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือชื่อจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้
อนึ่ง แม้รายงานฯนี้ไม่ได้มีการรับรองตามระเบียบวาระการประชุมแต่ก็ไม่ปรากฏว่ามีการทักท้วงข้อบกพร่องแห่งการจดรายงานแต่อย่างใด ทั้งมีลายมือชื่อจำเลยเซ็นไว้ท้ายรายงาน จึงใช้ยันจำเลยได้