พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อสลากในท้องตลาด: เงื่อนไขการได้มาโดยสุจริตและการพิสูจน์สถานที่
ร้านค้าทองทำการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย แต่ขายส่งไม่ขายปลีก และรับซื้อสลากที่ถูกรางวัลด้วย โดยซื้อจากเอกชนผู้นำมาขายเป็นรายๆ ไป ทั้งไม่ได้ความชัดว่าร้านค้าทองนี้ตั้งอยู่ในที่ชุมนุมการค้า ดังนี้ ไม่พอที่จะรับฟังได้ว่าร้านนี้อยู่ในท้องตลาดตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 การที่ร้านนี้รับซื้อสลากจากผู้นำมาขาย ไม่เรียกว่าซื้อในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 350/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อสลากที่ถูกรางวัลในท้องตลาด: พิจารณาความหมาย 'ท้องตลาด' ตามประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 1332
ร้านค้าทองทำการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลด้วย แต่ขายส่งไม่ขายปลีก และรับซื้อสลากที่ถูกรางวัลด้วย โดยซื้อจากเอกชนผู้นำมาขายเป็นราย ๆ ไป ทั้งไม่ได้ความชัดว่าร้านทองนี้ตั้งอยู่ในที่ชุมนุมการค้า ดังนี้ ไม่พอที่จะรับฟังได้ว่าร้านนี้อยู่ในท้องตลาดตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332 การที่ร้านนี้รับซื้อสลากจากผู้นำมาขาย ไม่เรียกว่าซื้อในท้องตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คแก้ไขเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินโดยผู้รับเช็ค ถือเป็นเช็คเสีย ผู้ออกเช็คไม่ต้องรับผิด
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 33,000 บาท ให้ผู้เสียหายเพื่อชำระหนี้ แต่ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินโดยแจ้งว่าเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่าย ทั้งนี้ โดยจำเลยมีเจตนาทุจริต ออกเช็คโดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และโดยออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยมีอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้ได้ในขณะที่ออกเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3, 4 ศาลพิจารณาฟังข้อเท็จจริงว่าเช็คฉบับที่โจทก์ฟ้องนั้นได้ถูกเปลี่ยนแก้จำนวนเงินจาก 3,000 บาท มาเป็น 33,000 บาท และการเปลี่ยนแก้จำนวนเงินในเช็คนี้น่าเชื่อว่าเกิดจากผู้เสียหายเป็นผู้ทำขึ้นเพื่อฉ้อโกงจำเลย ดังนี้ เช็คที่โจทก์ฟ้องนั้นย่อมเป็นเช็คที่เสีย ตามนัยแห่งมาตรา 1007 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จำเลยหาต้องรับผิดต่อผู้เสียหายตามเช็คนั้นไม่ และจำเลยย่อมไม่มีความผิดดังที่โจทก์ฟ้องด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 343/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คถูกแก้จำนวนเงินโดยผู้ทรงเพื่อโกง ผู้ออกเช็คไม่ต้องรับผิด
เช็คที่เสียเพราะถูกแก้จำนวนเงินโดยความรู้เห็นของผู้ทรงเพื่อโกงผู้ออกเช็ค ผู้ออกเช็คก็ไม่ต้องรับผิดตามเช็คต่อผู้ทรงและเช็คนั้นย่อมไม่อาจใช้เป็นมูลความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบสินบนเพื่อช่วยเหลือคดีอาญาทำให้โจทก์ตกเป็นผู้กระทำผิดไปด้วย และไม่มีอำนาจฟ้อง
การที่จำเลยกล่าวข้อความเท็จหลอกลวงโจทก์ว่า จำเลยเป็นผู้ใกล้ชิดกับพนักงานอัยการและผู้พิพากษาเรียกร้องเอาเงินโจทก์เพื่อจะนำไปให้พนักงานอัยการและผู้พิพากษาเพื่อให้ช่วยเหลือบุตรของโจทก์หลุดพ้นคดีอาญาโจทก์หลงเชื่อว่าเป็นความจริงได้มอบเงินให้จำเลยไปนั้น การกระทำของโจทก์เป็นการร่วมกับจำเลยในการนำสินบนไปให้เจ้าพนักงานอันอาจถือได้แล้วว่าโจทก์เป็นผู้ใช้ให้จำเลยกระทำความผิด
โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องร้องได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2505)
โจทก์จึงมิใช่ผู้เสียหายที่จะนำคดีมาฟ้องร้องได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 40/2505)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมสมบูรณ์แม้มีผู้รับทรัพย์ลงนามเป็นพยาน แต่สิทธิรับทรัพย์เป็นโมฆะ
การที่ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยนั้นมีผลทำให้เป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้แต่สภาพแห่งการลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมนั้นและพินัยกรรมนั้นยังสมบูรณ์อยู่สำหรับผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมที่ไม่ได้ลงนามเป็นพยานด้วยผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นผู้รับมอบทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นได้ไม่ถือว่าการลงนามนั้นเป็นพยานในพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 336/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานในพินัยกรรมเป็นผู้รับทรัพย์ไม่ได้ แต่สภาพการเป็นพยานไม่เสียไป พินัยกรรมสมบูรณ์หากมีพยานเพียงพอ
การที่ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยนั้น มีผลทำให้เป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นไม่ได้ แต่สภาพแห่งการลงนามเป็นพยานในพินัยกรรมหาเสียตามไปไม่ คงยังถือว่าเป็นพยานในพินัยกรรมนั้น และพินัยกรรมนั้นยังสมบูรณ์อยู่ สำหรับผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมที่ไม่ได้ลงนามเป็นพยานด้วย
ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นผู้รับมอบทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นได้ ไม่ถือว่าการลงนามนั้นเป็นพยานในพินัยกรรม
ผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมลงนามเป็นผู้รับมอบทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นได้ ไม่ถือว่าการลงนามนั้นเป็นพยานในพินัยกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินสมรสระหว่างสามีภริยาหลายคู่: ทรัพย์ที่ได้มาขณะมีภริยาหลวงย่อมเป็นสินสมรสกับภริยาหลวง แม้จะมีภริยาน้อย
ภริยาหลวงฟ้องหย่าขาดกับสามีแล้วทำยอมในศาลตกลงหย่าและแบ่งทรัพย์กันด้วยนั้น หากปรากฏว่าขณะทำยอม สามีมีภริยาน้อยอยู่อีกคนหนึ่งทรัพย์ที่สามีได้รับส่วนแบ่งมานั้นย่อมตกเป็นสินสมรสระหว่างสามีและภริยาน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 322/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสามีมีภริยาหลายคน ถือเป็นสินสมรสระหว่างภริยาแต่ละคน
ภริยาหลวงฟ้องหย่าขาดกับสามีแล้วทำยอมในศาลตกลงหย่าและแบ่งทรัพย์กันด้วยนั้น หากปรากฏว่าขณะทำยอม สามีมีภริยาน้อยอยู่อีกคนหนึ่ง ทรัพย์ที่สามีได้รับส่วนแบ่งมานั้นย่อมตกเป็นสินสมรสระหว่างสามีและภริยาน้อย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 300/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีใช้หนี้ที่ดินจำนอง ไม่ทำให้หนี้เงินกู้ระงับ เจ้าหนี้ยังมีสิทธิเรียกร้องหนี้ส่วนที่เหลือได้
จำเลยกู้เงินโจทก์ไปโดยมีผู้อื่นจำนองที่ดินเป็นประกันโจทก์ฟ้องจำเลยและผู้จำนอง ศาลพิพากษาให้จำเลยใช้เงินกู้และดอกเบี้ย ถ้าไม่ใช้ให้ผู้จำนองใช้แทนโดยให้ไถ่ถอนจำนองหรือขายทอดตลาดที่ดินเอาเงินใช้ จำเลยไม่ใช้และไม่มีทรัพย์ให้ยึดโจทก์จึงยึดที่ดินที่จำนอง แต่ยังไม่ทันขายทอดตลาดผู้จำนองได้ตกลงโอนที่ดินที่จำนองให้โจทก์เป็นการชำระหนี้ส่วนหนึ่ง หักแล้วยังมีหนี้ค้างชำระอยู่อีกการที่ผู้จำนองโอนที่ดินจำนองให้โจทก์นี้เป็นการเอาที่ดินจำนองตีใช้หนี้กันระหว่างโจทก์ผู้รับจำนองกับผู้จำนอง ไม่ใช่กรณีเอาทรัพย์จำนองหลุดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 729 หรือเอาออกขายทอดตลาดตามมาตรา 728 จึงนำมาตรา 733 มาบังคับไม่ได้เมื่อโจทก์ได้รับชำระหนี้ไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ก็ย่อมมีสิทธิ์เรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้เงินกู้ชำระส่วนที่ยังขาดอยู่ได้ เมื่อจำเลยยังเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาเกินกว่า 1,000 บาท และไม่มีทรัพย์สินให้ยึดมาชำระหนี้ ศาลพิพากษาในพิทักษ์ทรัพย์จำเลยโดยเด็ดขาดได้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 42/2505)