พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำแถลงรับหนี้ในคดีล้มละลายไม่ถือเป็นคำให้การ ถอนคำแถลงได้หากยังไม่มีการพิจารณาคดี
คำแถลงรับของจำเลยซึ่งศาลจดไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายว่า เป็นหนี้โจทก์ตามฟ้องจริงก็ดี ไม่มีทรัพย์สินพอจะชำระหนี้โจทก์ได้ก็ดี หาใช่เป็นคำให้การตามมาตรา 177 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไม่ เมื่อจำเลยยังไม่ได้ยื่นคำให้การและมิได้มีการสั่งให้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งศาลก็ยังมิได้ดำเนินการพิจารณาคดีอย่างไร ต่อไปภายหลังที่จำเลยแถลงแล้ว หากจำเลยขอถอนคำแถลงต่อศาลนั้นเสียโดยอ้างว่าคำแถลงไปโดยผิดหลง จึงไม่ใช่เป็นการขอถอนคำให้การหรือแก้ไขคำให้การแต่อย่างใด เมื่อศาลเห็นสมควรให้จำเลยได้มีโอกาสต่อสู้คดีต่อไปตามกระบวนความก็อนุญาตได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่ารายเดือน หากชำระงวดสุดท้าย ย่อมสันนิษฐานได้ว่าได้ชำระงวดก่อนๆ แล้ว
การตกลงชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนนั้น หากปรากฏว่าผู้เช่าชำระค่าเช่าเดือนสุดท้ายตามสัญญาเช่าแก่ผู้ให้เช่าแล้วก็ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าผู้เช่าได้ชำระค่าเช่าในเดือนก่อนๆ นั้นด้วยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 20/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระค่าเช่าครบถ้วนย่อมสันนิษฐานได้ว่าได้ชำระค่าเช่าในระยะก่อนหน้า
การตกลงชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนนั้นหากปรากฎว่าผู้เช่าชำระค่าเช่าเดือนสุดท้ายตามสัญญาเช่าแก่ผู้ให้เช่าแล้ว ก็ต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าผู้เช่าได้ำชำระค่าเช่าในเดือนก่อน ๆ นั้นด้วยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังคดีอาญาถึงที่สุด ศาลพิจารณาค่าเสียหายจากเอกสารปลอมได้ แม้คดีแพ่งเดิมไม่มีประเด็นละเมิด
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้รับไถ่ถอนจำนองเนื่องจากได้ชำระต้นเงินให้โจทก์แล้วบางส่วน มีเอกสารใบรับเงินเป็นหลักฐาน ศาลพิพากษาให้โจทก์รับไถ่ถอนจำนองตามจำนวนเงินที่ค้าง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทางอาญาหาว่าปลอมและใช้เอกสารใบรับเงินในคดีก่อนปลอม ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทางแพ่งหาว่าใช้เอกสารปลอม เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดสิทธิเรียกร้องต้นเงินตามจำนวนในเอกสารรับเงินปลอมนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนพิพากกันในเรื่องการไถ่ถอนจำนอง ไม่มีประเด็นในเรื่องละเมิดแต่อย่างใด ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ให้โจทก์นำสืบแก้ไขเอกสารว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดหลังคดีอาญาถึงที่สุด: ศาลพิจารณาได้หากมูลละเมิดต่างจากประเด็นในคดีอาญาเดิม
คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ขอให้รับไถ่ถอนจำนองเนื่องจากได้ชำระต้นเงินให้โจทก์แล้วบางส่วน มีเอกสารใบรับเงินเป็นหลักฐาน ศาลพิพากษาให้โจทก์รับไถ่ถอนจำนองตามจำนวนเงินที่ค้าง คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยทางอาญาหาว่าปลอมและใช้เอกสารใบรับเงินในคดีก่อนปลอมศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยทางแพ่งหาว่าใช้เอกสารปลอม เป็นการละเมิดต่อโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดสิทธิเรียกร้องต้นเงินตามจำนวนในเอกสารรับเงินปลอมนั้นได้ ไม่เป็นฟ้องซ้ำเพราะคดีก่อนพิพาทกันในเรื่องการไถ่ถอนจำนอง ไม่มีประเด็นในเรื่องละเมิดแต่อย่างใด ทั้งคดีก่อนศาลก็ไม่ให้โจทก์นำสืบแก้ไขเอกสารว่ายังไม่ได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1974-1975/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดิน: หลักฐานเป็นหนังสือ, การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญา, และการพิสูจน์ความถูกต้องของสัญญา
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เช่าที่ดิน 112 ตารางวาจากเจ้าของที่ดิน จำเลยบุกรุกเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินบางส่วน จำเลยให้การว่าไม่ได้บุกรุก ที่ดินที่จำเลยปลูกบ้านนี้จำเลยขอเช่าจากเจ้าของ ๆ ให้จำเลยเข้าอยู่แล้ว จำเลยขอให้เรียกเจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย เจ้าของที่ดินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมและขอถือเอาคำให้การของจำเลยกับขอให้การเพิ่มเติมว่าโจทก์เช่าเพียง 51 ตารางวาเท่านั้น การที่โจทก์ฟ้องอ้างสิทธิในการเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วมเช่นนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 บังคับว่าต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้น จะต้องฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ เอกสารการเช่ารายนี้ คือ สัญญาหมาย 8 โจทก์ว่า ไม่ใช่สัญญาเช่าที่โจทก์ทำไว้กับจำเลยร่วม ซึ่งจำเลยและจำเลยร่วมยืนยันว่าใช่ ประเด็นสำคัญจึงอยู่ที่ว่าสัญญาเช่าหมาย 8 นี้เป็นสัญญาที่แท้จริง และใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าโจทก์ทำไว้จริงและใช้ได้แล้ว ก็ต้องฟังว่าโจทก์เช่า 51 ตารางวา ตามที่ปรากฏในสัญญา โจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารว่าความจริงโจทก์เช่า 112 ตารางวาย่อมไม่ได้ แต่โจทก์มีสิทธินำสืบได้ว่า สัญญานี้ปลอมหรือไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า การได้สิทธิครอบครอง และผลกระทบต่ออายุความคดีมรดก
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า เมื่อผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองโดยมอบที่ดินให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองแล้ว ผู้ซื้อก็ได้สิทธิครอบครองทันที
เมื่อผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองในที่มือเปล่าแล้ว ข้อที่ผู้ซื้อเรียกให้ทายาทผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันผู้ขายตาย คดีขาดอายุความแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองในที่มือเปล่าแล้ว ข้อที่ผู้ซื้อเรียกให้ทายาทผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันผู้ขายตาย คดีขาดอายุความแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1884/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินมือเปล่าและสิทธิครอบครอง แม้คดีขาดอายุความแล้ว สิทธิครอบครองยังคงอยู่
การซื้อขายที่ดินมือเปล่า เมื่อผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองโดยมอบที่ดินให้ผู้ซื้อเข้าครอบครองแล้ว ผู้ซื้อก็ได้สิทธิครอบครองทันที
เมื่อผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองในที่มือเปล่าแล้ว ข้อที่ผู้ซื้อเรียกให้ทายาทผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันผู้ขายตาย คดีขาดอายุความแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
เมื่อผู้ซื้อได้สิทธิครอบครองในที่มือเปล่าแล้ว ข้อที่ผู้ซื้อเรียกให้ทายาทผู้ขายปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายเมื่อเกินกำหนด 1 ปี นับแต่วันผู้ขายตาย คดีขาดอายุความแล้วก็ตาม ก็ไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญชาติ: การพิสูจน์สัญชาติไทยและการโต้แย้งสิทธิโดยเจ้าหน้าที่
โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยถือหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน กองตรวจคนเข้าเมืองกรมตำรวจอนุญาตให้โจทก์อยู่ได้ชั่วคราว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อกองตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทย โดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้ว กองตรวจคนเข้าเมืองและกรมตำรวจไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลย ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้เพิกถอนคำสั่งของจำเลยที่สั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทย ดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่า เมื่อครบกำหนดเวลาที่จำเลยอนุญาตแล้ว โจทก์ก็ต้องเดินทางกลับออกไป เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน ทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเขาเป็นคนไทย มีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้ เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ถือว่าตนเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว โจทก์ก็ขอให้พิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
โจทก์ถือว่าตนเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้ว โจทก์ก็ขอให้พิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1854/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีสัญชาติ: การพิสูจน์สัญชาติและการโต้แย้งสิทธิโดยเจ้าหน้าที่
โจทก์เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยถือหนังสือสำคัญแสดงรูปพรรณว่าเป็นคนจีน กองตรวจคนเข้าเมืองกรมตำรวจอนุญาตให้โจทก์อยู่ชั่วคราว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อกองตรวจคนเข้าเมืองขอพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทย โดยยื่นเมื่ออยู่ในประเทศไทยแล้ว กองตรวจคนเข้าเมืองและกรมตำรวจไม่สั่งประการใด โจทก์รออยู่หลายเดือนไม่ได้รับทราบ จึงยื่นฟ้องอธิบดีกรมตำรวจและหัวหน้ากองตรวจคนเข้าเมืองเป็นจำเลยขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์มีสัญชาติไทย และให้เพิกถอนคำสั่งของที่สั่งให้โจทก์ออกไปจากประเทศไทยดังนี้ ย่อมเห็นได้ว่าเมื่อครบกำหนดเวลาที่จำเลยอนุญาตแล้ว โจทก์ก็ต้องเดินทางกลับไป เพราะจำเลยถือว่าโจทก์มีสัญชาติจีน ทั้งที่โจทก์ก็ยืนยันอยู่ว่าเขาเป็นคนไทยมีสิทธิอยู่ในประเทศไทยได้เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
โจทก์ถือตนว่าเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้วโจทก์ก็ขอพิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่
โจทก์ถือตนว่าเป็นคนไทยออกไปต่างประเทศโดยมิได้ทำหนังสือเดินทาง เมื่อจะกลับได้ไปแสดงต่อกงสุลไทย ณ เมืองฮ่องกงว่าโจทก์เป็นคนไทย แต่กงสุลไทยไม่ออกหนังสือเดินทางให้ โจทก์ต้องการเข้ามาพิสูจน์สัญชาติว่าเป็นคนไทยจึงต้องทำหนังสือสำคัญแสดงว่าเป็นคนจีนขอเดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทยชั่วคราว เมื่อได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่แล้วโจทก์ก็ขอพิสูจน์สัญชาติไทย ดังนี้ หาเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่