พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1853/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแบ่งทรัพย์สินหลังเลิกคบ: ที่ดินมือเปล่า, การครอบครอง, การปฏิเสธแบ่ง
สามีภรรยาอยู่กินกันมาโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรสระหว่างอยู่กินด้วยกันได้เอาเงินที่ทำมาหาได้ด้วยกันซื้อที่ดินมือเปล่าไว้ทำกินร่วมกัน ต่อมาเลิกเป็นสามีภรรยากัน ภรรยาขอให้แบ่งที่ดินนี้ให้ครึ่งหนึ่ง สามีไม่ยอมแบ่งให้ และสามีเป็นฝ่ายครอบครองทำกินแต่ฝ่ายเดียวหลังจากเลิกเป็นสามีภรรยากัน ดังนี้ เมื่อภรรยาจะฟ้องขอแบ่งเอาที่ดินนั้น ก็ต้องฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่ทราบการที่สามีปฏิเสธไม่ยองแบ่งให้ เพราะการที่สามีปฏิเสธไม่ยอมแบ่งให้นั้น ย่อมเห็นได้ว่า สามีไม่ได้ปกครองที่ดินแทนภรรยาด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1788/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา และความสัมพันธ์กับ พ.ร.บ. โอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน พ.ศ. ๒๕๐๓
ที่ดินที่ถูกเวนคืน เป็นของกระทรวงกลาโหม แต่ภายหลังไม่ได้ถูกใช้ทำกิจการตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่เวนคืน โจทก์ซึ่งเป็นทายาทของเจ้าของที่ดินผู้วายชนม์จึงได้ฟ้องกระทรวงกลาโหมเรียกที่ดินคืน คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และต่อมาได้มีพระราชบัญญัติให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ถูกเวนคืนให้แก่เจ้าของเดิมหรือทายาทออกประกาศใช้ ดังนี้ เจ้าพนักงานที่ดินจะปฏิเสธไม่ยอมจัดการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลฎีกาโดยอ้างว่าได้มีพระราชบัญญัติดังกล่าวออกมาทับหรือระงับคำพิพากษาฎีกานั้นแล้วหาได้ไม่ แท้จริงพระราชบัญญัติดังกล่าวออกมาเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษาฎีกานั่นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ต่ำกว่าเกณฑ์ฎีกา: โจทก์เสียเปรียบแม้ฟ้องขับไล่แต่จำเลยต่อสู้กรรมสิทธิ์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง 1,500 บาท แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมา ถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1719/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีขับไล่ต้องพิสูจน์กรรมสิทธิ์ ผู้แพ้ต้องรับผิดชอบค่าขึ้นศาล
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่พิพาท เมื่อจำเลยต่อสู้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ ก็ต้องถือว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และเมื่อที่พิพาทมีราคาเพียง 1,500 บาท แม้โจทก์จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตลอดมาถ้าศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง โจทก์ก็ฎีกาในข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่บ้านของโจทก์ และบุกรุกที่นาของโจทก์ด้วย ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยอาศัยและบุกรุกที่ของโจทก์ ก็เป็นเรื่องโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องแพ้คดี แม้จำเลยจะให้การว่าได้ที่รายพิพาทมาโดยทางมรดกแล้วกลับนำสืบว่าได้มาโดยบิดามารดายกให้ ก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่า จำเลยอาศัยปลูกเรือนอยู่ในที่บ้านของโจทก์ และบุกรุกที่นาของโจทก์ด้วย ย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ความตามฟ้อง เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยอาศัยและบุกรุกที่ของโจทก์ ก็เป็นเรื่องโจทก์สืบไม่สมฟ้อง ต้องแพ้คดี แม้จำเลยจะให้การว่าได้ที่รายพิพาทมาโดยทางมรดกแล้วกลับนำสืบว่าได้มาโดยบิดามารดายกให้ ก็ไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดติดนิสัย: การพิจารณาโทษกักกันสำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์
จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกฐานรับของโจร ครั้งสองฐานลักทรัพย์ เมื่อพ้นโทษไปแล้วไม่ถึง 10 ปี จำเลยกลับมากระทำผิดฐานลักทรัพย์จนศาลพิพากษาจำคุกเกินกว่า 6 เดือนอีก เช่นนี้ แม้ความผิดของจำเลยในครั้งแรกจะต่างกับสองครั้งหลังก็ตาม ก็เป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งอยู่ในประเภทเดียวกัน จึงเข้าเกณฑ์ที่ศาลจะถือได้แล้วว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยและพิพากษาให้กักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1688/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผู้กระทำผิดติดนิสัย – ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ซ้ำ – การกักกัน
จำเลยเคยถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 6 เดือนมาแล้วสองครั้งครั้งแรกฐานรับของโจร ครั้งสองฐานลักทรัพย์ เมื่อพ้นโทษไปแล้วไม่ถึง 10 ปี จำเลยกลับมากระทำผิดฐานลักทรัพย์จนศาลพิพากษาจำคุกเกินกว่า 6 เดือนอีกเช่นนี้ แม้ความผิดของจำเลยในครั้งแรกจะต่างกับสองครั้งหลังก็ตาม ก็เป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ซึ่งอยู่ในประเภทเดียวกัน จึงเข้าเกณฑ์ที่ศาลจะถือได้แล้วว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดติดนิสัยและพิพากษาให้กักกันได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การออกเช็คโดยเงินในบัญชีไม่พอ การพิสูจน์ความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
โจทก์นำสืบไม่ได้ว่า ในขณะออกเช็คไม่มีเงินของจำเลยในบัญชีธนาคารอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือมีเงินในบัญชีไม่พอจะใช้เงินได้ในขณะออกเช็คตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ข้อ 2, 3 เพราะผู้ทรงเช็คเอาเช็คไปขึ้นเงินหลังวันออกเช็คและธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะเงินของจำเลยมีไม่พอ จะฟังว่าในวันออกเช็คจำเลยไม่มีเงินในบัญชีเช่นเดียวกันยังไม่ได้
กรณีที่มีเงินพอจ่ายในวันออกเช็ค มีบัญญัติให้เป็นความผิดไว้แล้วตามมาตรา 3 ข้อ 4, 5
กรณีที่มีเงินพอจ่ายในวันออกเช็ค มีบัญญัติให้เป็นความผิดไว้แล้วตามมาตรา 3 ข้อ 4, 5
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1567/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ออกเช็คโดยเงินในบัญชีไม่พอ: ต้องพิสูจน์ ณ วันออกเช็ค
มอบเช็คสั่งจ่ายเงินล่วงหน้าแก่ผู้ทรง ผู้ทรงนำเช็คไปขึ้นเงินหลังวันสั่งจ่าย 3 วัน ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเพราะเงินในบัญชีมีไม่พอจ่าย แต่โจทก์สืบไม่ได้ว่า ในขณะออกเช็ค คือวันสั่งจ่ายนั้น ผู้สั่งจ่ายมีเงินในบัญชีไม่พอจะใช้เงินตามเช็คได้ ดังนี้ ย่อมลงโทษฐานออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนเงินที่มีอยู่ในบัญชี อันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1502/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างอาคารและยกกรรมสิทธิ์ให้เจ้าของที่ดิน: สิทธิเช่าจนครบกำหนด
สัญญาซึ่งจำเลยตกลงเช่าที่ดินของโจทก์เพื่อปลูกสร้างอาคารทำการค้าและให้เช่า เมื่อครบ 20 ปีแล้ว ให้อาคารตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์นั้นเป็นสัญญาต่างตอบแทน มิใช่สัญญาเช่าธรรมดา ฉะนั้น เมื่อจำเลยปลูกสร้างอาคารตามสัญญาแล้ว จำเลยก็มีสิทธิจะได้เช่าที่ดินของโจทก์ต่อไปจนครบ 20 ปีตามที่ได้ตกลงกันไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานจากคำให้การของจำเลย แม้เอกสารไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย
แม้เอกสารสัญญากู้ที่โจทก์นำมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลย มิได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ อันจะใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้ก็ตาม หากจำเลยให้การรับว่าได้ทำเอกสารนั้นให้โจทก์ไว้จริง ก็ย่อมฟังได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือ โดยไม่ต้องอาศัยฟังจากเอกสาร