คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประกอบ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แจ้งความเท็จทำให้ผู้อื่นถูกสอบสวน – แม้ไม่ประสงค์ดำเนินคดี ก็อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายได้
คดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโจทก์บุกรุกเข้าไปอยู่ในห้องของจำเลย นั้น แม้จำเลยผู้แจ้งจะไม่ประสงค์ให้ดำเนินคดีก็ตาม แต่จากคำแจ้งความนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกโจทก์กับพวกไปสอบสวน เมื่อโจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้เช่นนี้ ซึ่งถ้าเป็นจริงโจทก์ก็น่าจะได้รับความเสียหาย นั้น นับว่าคดีของโจทก์มีมูล ควรได้รับการพิจารณาแล้ว (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 14/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวและการใช้สิทธิป้องกันภยันตรายต่อผู้อื่น: การกระทำเพื่อป้องกันตัวและป้องกันผู้อื่นจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ
น้องชายจำเลยชกต่อยกับหลานผู้ตายและน้องภริยาผู้ตาย ผู้แทน เป็นบุคคลภายนอกมิได้ร่วมชกต่อยด้วย ถือท่อนเหล็กเข้าไปตีทำร้ายน้องชายจำเลย จำเลยซึ่งมิได้ร่วมชกต่อยด้วยจึงวิ่งเข้าไปกันมิให้ผู้ตายตีน้องชายจำเลย ผู้ตายเงื้อท่อนเหล็กจะตีจำเลย ๆ จึงเสือกมีดแทงไปทันที ถูกผู้ตาย 1 ที ถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การตอบโต้เพื่อป้องกันภยันตรายต่อตนเองและผู้อื่นจากเหตุประทุษร้าย
น้องชายจำเลยชกต่อยกับหลานผู้ตายและน้องภริยาผู้ตายผู้ตายเป็นบุคคลภายนอกมิได้ร่วมชกต่อยด้วย ถือท่อนเหล็กเข้าไปตีทำร้ายน้องชายจำเลย จำเลยซึ่งมิได้ร่วมชกต่อยด้วยจึงวิ่งเข้าไปกันมิให้ผู้ตายตีน้องชายจำเลย ผู้ตายเงื้อท่อนเหล็กจะตีจำเลยๆ จึงเสือกมีดแทงไปทันทีถูกผู้ตาย 1 ที ถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ขาดอำนาจฟ้องเรียกคืนที่ดิน แต่ยังฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ หากจำเลยไม่ยกอายุความ
แม้ศาลจะฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยได้ เพราะโจทก์ฟ้องคดีภายหลังที่จำเลยเข้าแย่งการครอบครองเกิน 1 ปี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้เข้าแย่งการครอบครองมาในฟ้องด้วยและจำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้ขาดอำนาจฟ้องเรียกคืนที่ดิน แต่ยังเรียกค่าเสียหายจากการแย่งการครอบครองได้ หากจำเลยไม่ยกอายุความ
แม้ศาลจะฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยได้ เพราะโจทก์ฟ้งอคดีภายหลังที่จำเลยเข้าแย่งการครอบครองเกิน 1 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์ได้ฟ้องให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายในการที่จำเลยได้เข้าแย่งการครอบครองมาในฟ้องด้วย โดยจำเลยมิได้ยกอายุความเรื่องละเมิดขึ้นต่อสู้ ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันจากการประนีประนอมยอมความและการรับผิดในคดีรถชน การพิจารณาความรับผิดของนายจ้าง
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งซึ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 นั้นถ้าไม่มีคำพิพากษาคดีส่วนอาญา คงมีแต่คำรับผิดในชั้นสอบสวนเท่านั้นก็ไม่เข้าเกณฑ์มาตรานี้
คดีรถชนกัน การที่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบและทำเอกสารไว้เป็นหลักฐานว่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยจำเลยที่ 1 ได้ยินยอมรับผิดและยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โดยจะไปทำความตกลงกันที่อู่ซ่อมรถถือได้ว่าเป็นการประนีประนอมยอมความกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 850 ซึ่งผูกมัดจำเลยที่ 1 ไม่ให้โต้แย้งว่าตนมิได้ขับรถโดยประมาทได้ แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถและนายจ้างของจำเลยที่ 1 ไม่ถูกผูกมัดด้วย ศาลจะต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงต่อไปว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันจากการประนีประนอมยอมความในคดีรถชน: เจ้าของรถไม่ต้องรับผิด
ในการพิพากษาคดีส่วนแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 นั้น ถ้าไม่มีคำพิพากษาคดีส่วนอาญา คงมีแต่คำรับผิดในชั้นสอบสวนเท่านั้น ก็ไม่เข้าเกณฑ์มาตรานี้
คดีรถชนกัน การที่พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบ และทำเอกสารไว้เป็นหลักฐานว่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดยจำเลยที่ 1 ได้ยินยอมรับผิดและยอมชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โดยจะไปทำความตกลงกันที่อู่ซ่อมรถ ถือได้ว่าเป็นการประนีประนอมยอมความกันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 ซึ่งผูกมัดจำเลยที่ 1 ไม่ให้โต้แย้งว่าตนมิได้ขับรถโดยประมาทได้ แต่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าของรถและนายจ้างของจำเลยที่ 1 ไม่ถูกผูกมัดด้วย ศาลจะต้องพิเคราะห์ข้อเท็จจริงต่อไปว่า ฝ่ายใดเป็นฝ่ายประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982-983/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำเอกสารสอบสวนเท็จ: ความผิดฐานจดหลักฐานเท็จ vs. ปลอมเอกสาร และความรับผิดของผู้สนับสนุน
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารจดหลักฐานการสอบสวนเท็จ ย่อมมีความผิดฐานจดหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แต่ไม่ผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยอื่น ๆ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ย่อมมีความผิดตามมาตรา 162,86 ด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982-983/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานจดหลักฐานเท็จ vs. ปลอมเอกสาร: เจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จในนามตนเอง ไม่ถือเป็นความผิดฐานปลอมเอกสาร
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารจดหลักฐานการสอบสวนเท็จย่อมมีความผิดฐานจดหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 แต่ไม่ผิดฐานปลอมเอกสารตามมาตรา 161 ส่วนจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดนั้น ย่อมมีความผิดตาม มาตรา 162,86 ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเช็คปฏิเสธการจ่าย เริ่มนับจากวันที่ธนาคารปฏิเสธ ไม่ใช่วันที่ออกเช็ค
หนี้เงินตามเช็คที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินนั้นจะคิดดอกเบี้ยได้ตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินเป็นต้นไปจะคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ลงในเช็คหาได้ไม่
of 73