พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องขับไล่ - สัญญาต่างตอบแทน vs. เช่า - การรับฟ้องแย้งก่อนชี้ขาดสัญญา
ฟ้องขับไล่ออกจากที่เช่า จำเลยให้การต่อสู้ว่าได้เสียเงินกินเปล่าแก่โจทก์เพื่ออยู่ 9 ปี และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ให้จำเลยเช่าต่อไปอีก 3 ปี เพื่อจะได้อยู่ครบ 9 ปีนั้น แม้เป็นการเช่าเกิน 3 ปี โดยไม่ได้จดทะเบียนก็ตาม แต่จำเลยเถียงว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนมิใช่สัญญาเช่าธรรมดาจึงควรรับฟ้องแย้งไว้ก่อน เพราะจะชี้ขาดในประเด็นนี้ก่อนรับฟ้องแย้งหาควรไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับขับไล่ผู้เช่าช่วง: ไม่เป็นบริวารจำเลย แม้จำเลยถูกบังคับขับไล่ ผู้เช่าช่วงที่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่าเดิม จึงไม่ถูกบังคับขับไล่ตามไปด้วย
ผู้ร้องที่เช่าช่วงห้องพิพาทจากจำเลยโดยโจทก์ผู้ให้เช่าเดิมรู้เห็นยินยอม ไม่ใช่บริวารของจำเลย จะใช้คำพิพากษาที่บังคับขับไล่จำเลยมาบังคับขับไล่ผู้ร้องด้วยไม่ได้
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับบริวารของจำเลย 10 ราย เรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2543
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับบริวารของจำเลย 10 ราย เรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 30/2543
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีกับผู้เช่าช่วง: สิทธิเมื่อผู้ให้เช่าเดิมยินยอม
ผู้เช่าช่วงห้องพิพาทจากจำเลย โดยโจทก์ผู้ให้เช่าเดิมรู้เห็นยินยอมไม่ใช่บริวารของจำเลย จะใช้คำพิพากษาที่บังคับขับไล่จำเลย มาบังคับขับไล่ผู้เช่าช่วงด้วยไม่ได้
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับบริวารของจำเลย 10 รายเรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว
ในกรณีที่โจทก์ฎีกาขอให้บังคับบริวารของจำเลย 10 รายเรียกค่าธรรมเนียมฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิผู้รับมรดกฟ้องคดี หากคำพิพากษาตามยอมกระทบสิทธิในการรับมรดก
แม้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าตามฟ้องของโจทก์เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้แสดงว่า คำพิพากษาตามยอมนั้นจะบังคับเอาจากกองมรดกซึ่งโจทก์เป็นผู้รับมรดกด้วยไม่ได้ เพราะถ้าบังคับเอาจากกองมรดกแล้ว ทำให้โจทก์ได้รับส่วนแบ่งมรดกน้อยลงกว่าที่ควรจะได้รับ เช่นนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีดังกล่าวได้
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 28/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 28/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 256/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกคัดค้านบังคับคดีจากกองมรดก
แม้โจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกจะฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอมของคู่ความอื่นไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าตามฟ้องของโจทก์เห็นได้ว่าโจทก์ประสงค์ให้แสดงว่าคำพิพากษาตามยอมนั้นจะบังคับเอาจากกองมรดกซึ่งโจทก์เป็นผู้รับมรดกด้วยไม่ได้แล้ว ก็ย่อมมีสิทธิขอให้ศาลแสดงว่าคำพิพากษาตามยอมไม่อาจบังคับเอาจากกองมรดกนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ยังไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย: หลักฐานเป็นหนังสือและผลผูกพัน
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.538 ที่ว่าถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
(อ้างฎีกาที่ 415/2501)
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่าและลงชื่อในสัญญาในฐานะเป็นผู้เช่าแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวนี้ยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538
การที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงเช่ากันและได้ชำระเงินกินเปล่ากับค่าเช่าให้โจทก์ไปแล้วนั้น หากจะได้ชำระไปจริงและได้ตกลงกันจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานแห่งการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นฝ่ายที่จำเลยจะให้รับผิดตามสัญญา จำเลยก็ยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ไม่ได้.
(อ้างฎีกาที่ 1175/2502)
(อ้างฎีกาที่ 415/2501)
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่าและลงชื่อในสัญญาในฐานะเป็นผู้เช่าแล้ว แต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวนี้ยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538
การที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงเช่ากันและได้ชำระเงินกินเปล่ากับค่าเช่าให้โจทก์ไปแล้วนั้น หากจะได้ชำระไปจริงและได้ตกลงกันจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานแห่งการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้เช่าซึ่งเป็นฝ่ายที่จำเลยจะให้รับผิดตามสัญญา จำเลยก็ยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ไม่ได้.
(อ้างฎีกาที่ 1175/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 237/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทั้งสองฝ่ายจึงมีผลบังคับใช้
การเช่าอสังหาริมทรัพย์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 538 บัญญัติว่าถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด จะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องอย่างเดียวแต่หมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วยเพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเอกสารสัญญาเช่าต่อกันตามที่กฎหมายบังคับไว้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างการเช่าต่อกันหาได้ไม่
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่า และลงชื่อในสัญญาในฐานะผู้เช่าแล้วแต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538 ผู้เช่าจะยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันผู้ให้เช่าไม่ได้
ผู้เช่าพร้อมที่จะทำสัญญาเช่า และลงชื่อในสัญญาในฐานะผู้เช่าแล้วแต่ผู้ให้เช่าไม่ได้ลงชื่อในฐานะเป็นผู้ให้เช่า เอกสารดังกล่าวยังไม่ใช่หลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา 538 ผู้เช่าจะยกสิทธิแห่งการเช่าขึ้นอ้างยันผู้ให้เช่าไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2504
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างรุกล้ำ ยินยอมไม่สร้างสิทธิถาวร จำเลยต้องรื้อเมื่อโจทก์แจ้ง
การปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตห้องของโจทก์ โดยโจทก์ยินยอม แม้จะไม่เป็นการละเมิด แต่ก็ไม่ทำให้เกิดมีสิทธิที่ให้สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำอยู่ได้ตลอดไป เมื่อจำเลยรับโอนห้องที่รุกล้ำมาและไม่มีสิทธิที่จะให้สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเขตห้องของโจทก์ได้จำเลยก็ต้องรื้อไป เมื่อโจทก์มีสิทธิและบอกให้รื้อ จำเลยไม่รื้อการซึ่งไม่เป็นละเมิดก็กลายเป็นละเมิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 231/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปลูกสร้างรุกล้ำโดยความยินยอม ไม่ทำให้เกิดสิทธิถาวร เมื่อเจ้าของใหม่ไม่มีสิทธิในการรุกล้ำ ย่อมต้องรื้อถอน
การปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตห้องของโจทก์ โดยโจทก์ยินยอม แม้จะไม่เป็นการละเมิด แต่ก็ไม่ทำให้เกิดมีสิทธิที่ให้สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำอยู่ได้ตลอดไป เมื่อจำเลยรับโอนห้องมาและไม่มีสิทธิที่จะให้สิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเขตห้องของโจทก์ได้จำเลยก็ต้องรื้อไป เพราะเมื่อโจทก์มีสิทธิและบอกให้รื้อจำเลยไม่รื้อ การซึ่งไม่เป็นละเมิดก็กลายเป็นละเมิดขึ้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227-229/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจนายอำเภอในการดูแลรักษาสถานที่สาธารณะ และการสั่งให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่
หนองสาธารณที่ทางราชการหวงห้ามไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ สำหรับคนและสัตว์ใช้อาบกินร่วมกัน นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมการอำเภอที่จะดูแลรักษาตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 ซึ่งต่อมาได้โอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายอำเภอตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2495 มาตรา 40 วรรค 3 นายอำเภอจึงมีอำนาจออกคำสั่งให้ผู้บุกรุกหนองสาธารณประโยชน์ออกไปจากหนองนั้นได้ ผู้ใดขัดขืนย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 มิได้ถูกยกเลิกหรือขัดแย้งกับประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 และไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 4
พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 มาตรา 122 มิได้ถูกยกเลิกหรือขัดแย้งกับประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 8 และไม่ต้องด้วยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 มาตรา 4