พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1458/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดฐานปลอมเอกสาร แม้ไม่ได้ระบุรายละเอียดวิธีการปลอม หากระบุชัดเจนว่าปลอมทั้งฉบับและเกี่ยวข้องกับเอกสารใด ถือฟ้องชัดแจ้ง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยได้สมคบกันทำบัญชีสัตว์ที่ยังไม่ทำตั๋วพิมพ์รูปพรรณขึ้นทั้งฉบับแล้วนำไปใช้หรือแสดงต่อนายอำเภอ ๆ หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จึงได้ออกตั๋วพิมพ์รูปพรรณสัตว์ให้หนึ่งฉบับ ทำให้นายอำเภอและนายทองเสียหาย ดังนี้ น่าจะเข้าใจได้แล้ว ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม.
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2503)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 26/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการใช้ปืนยิง แม้ผลไม่ถึงตาย ถือเป็นความพยายามฆ่า
พยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์แล้ว ตามกฎหมายย่อมอ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เพียงใด ย่อมสุดแต่พยานหลักฐานนั้น ๆ ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียหายมาสืบโดยหาตัวไม่พบก็ตาม พยานอื่นที่รู้เห็นจริง ก็ฟังได้
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนา จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน หาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนา จำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคน หาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1368/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐาน, เจตนาฆ่า, พยายามฆ่า: แม้ไม่มีผู้เสียหายก็ฟังได้
พยานซึ่งน่าจะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์แล้ว ตามกฎหมายย่อมอ้างเป็นพยานหลักฐานได้ ส่วนการที่จะเชื่อหรือไม่เพียงใด ย่อมสุดแต่พยานหลักฐานนั้นๆ ฉะนั้น ถึงแม้จะไม่มีผู้เสียหายมาสืบโดยหาตัวไม่พบก็ตาม พยานอื่นที่รู้เห็นจริง ก็ฟังได้
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนาจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนหาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
การที่จำเลยใช้ปืนสั้นซึ่งเป็นอาวุธทำให้ถึงตายได้ยิงคนถูกที่หน้าท้อง ย่อมต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า เมื่อมีเจตนาฆ่าแล้ว แม้ผลที่เกิดขึ้นไม่ตายสมเจตนาจำเลยก็ย่อมมีความผิดฐานพยายามฆ่าคนหาใช่ฐานทำร้ายร่างกายไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา แม้ไม่มีเจตนาเฉพาะต่อผู้ตาย
จำเลยใช้ปืนยิงเข้าไปที่กลุ่มคนที่วิวาทกัน กระสุนปืนถูกพลตำรวจชุมพลซึ่งยืนอยู่กับกลุ่มที่วิวาทกันนั้น ถึงแก่ความตาย แม้จำเลยจะมิได้เจตนาฆ่าพลตำรวจชุมพลเพราะเป็นเพื่อนกันกับจำเลยก็ตาม ตาม มาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำเลยก็หาพ้นจากความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1355/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่า แม้เป็นเพื่อนกัน: ความรับผิดทางอาญาฐานฆ่าคนตาย
จำเลยใช้ปืนยิงเข้าไปที่กลุ่มคนที่วิวาทกันกระสุนปืนถูกพลตำรวจชุมพลซึ่งยืนอยู่กับกลุ่มที่วิวาทกันนั้น ถึงแก่ความตายแม้จำเลยจะมิได้เจตนาฆ่าพลตำรวจชุมพลเพราะเป็นเพื่อนกันกับจำเลยก็ตาม ตามมาตรา 60 แห่งประมวลกฎหมายอาญา จำเลยก็หาพ้นจากความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีซ้ำ: ฟ้องโดยไม่มีลายมือชื่อโจทก์ ไม่ถือเป็นการฟ้องที่สิ้นสุด สิทธิฟ้องยังคงมี
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในฟ้องนั้น เป็นกรณีที่ศาลยังไม่ได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้องเลย จึงถือไม่ได้ว่า ศาลได้พิพากษาในความผิดที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่ต้องห้ามตาม กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1301/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำ: การยกฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่มีลายมือชื่อโจทก์ ไม่ถือเป็นคดีที่ตัดสินแล้ว โจทก์มีสิทธิฟ้องใหม่ได้
คดีก่อนศาลพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ลงชื่อในฟ้องนั้น เป็นกรณีที่ศาลยังไม่ได้พิจารณาเรื่องที่โจทก์ฟ้องเลย จึงถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาในความผิดที่โจทก์ฟ้อง จึงไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 24/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมราคาข้าวและการสิ้นสุดความผิดอาญา การยกเลิกประกาศควบคุมราคาไม่ลบล้างความผิดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
จำเลยขายข้าวเกินราคาที่ควบคุมประกาศฉบับที่ 1 ซึ่งออกประกาศโดยอาศัย อำนาจตามความในมาตรา 8 แห่งพ.ร.บ. ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ. 2490 ภายหลังจำเลยถูกจับและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล มีประกาศฉบับที่ 2 ยกเลิกการควบคุมราคาข้าวดังกล่าว เช่นนี้ ความผิดของจำเลยตามประกาศฉบับที่ 1 ก็ยังคงเป็นความผิดอยู่ ประกาศฉบับที่ 2 ไม่ลบล้างความผิดที่จำเลยได้กระทำไปแล้ว เพราะประกาศฉบับที่ 2 ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือยกเว้นโทษตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (5) (7) ความผิดดังกล่าวของจำเลยจึงยังคงอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1295/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การควบคุมราคาข้าวและการมีผลย้อนหลังของประกาศยกเลิกการควบคุมราคา ความผิดยังคงอยู่แม้มีประกาศยกเลิก
จำเลยขายข้าวเกินราคาที่ควบคุม ประกาศฉบับที่ 1 ซึ่งออกประกาศโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 แห่ง พระราชบัญญัติป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ภายหลังที่จำเลยถูกจับและคดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล มีประกาศฉบับที่ 2ยกเลิกการควบคุมราคาข้าวดังกล่าว เช่นนี้ ความผิดของจำเลยตามประกาศฉบับที่ 1 ก็ยังคงเป็นความผิดอยู่ ประกาศฉบับที่ 2 ไม่ลบล้างความผิดที่จำเลยได้กระทำไปแล้ว เพราะประกาศฉบับที่ 2 ไม่ใช่เป็นกฎหมายที่ยกเลิกความผิดหรือยกเว้นโทษตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5)(7) ความผิดดังกล่าวของจำเลยจึงยังคงอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1254/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์จากบังคับคดีข้ามศาล: เหตุสุดวิสัยตามมาตรา 10 และการพิจารณาคำร้อง
โจทก์กับผู้ร้องต่างเป็นเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาของจำเลยแต่ต่างศาลกัน โจทก์ฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดอุดรธานี แล้วบังคับคดียึดทรัพย์ จำเลยซึ่งมีอยู่ในเขตศาลจังหวัดราชบุรี ผู้ร้องฟ้องและชนะคดีที่ศาลจังหวัดราชบุรี เมื่อปรากฏว่าศาลจังหวัดราชบุรีพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี เมื่อวันสุดท้ายแห่งการขอเฉลี่ยตามสำนวนที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ปรากฏว่า จากวันฟ้องถึงวันที่ศาลพิพากษาก็เป็นเวลาสองเดือน กับสองวัน เมื่อศาลพิพากษาแล้ว ผู้ร้องไม่มีเวลาพอที่จะไปยื่นคำร้องที่ศาลจังหวัดอุดรธานี ดังนี้ ผู้ร้องก็ชอบก็ชอบที่จะยื่นคำร้องขอเฉลี่ย ต่อศาลจังหวัดราชบุรีในกรณีเหตุฉุกเฉินตามมาตรา 10 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ศาลสั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งให้รับคำร้องขอเฉลี่ยไว้พิจารณาต่อไป นั้น กรณียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งผู้ร้องยังโต้แย้งคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีไม่ยอมรับคำร้องของผู้ร้องยังหาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ย โดยเหตุที่ยื่นไม่ทันกำหนดแต่ประการใดไม่ เรื่องจึงยังไม่ต้องด้วยมาตรา 291 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบัญญัติให้ขอจากเงินเหลือจ่าย
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ศาลสั่งยกคำร้องเพราะเหตุผู้ร้องไม่ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดอุดรธานีที่พิพากษาให้จำเลยแพ้คดี และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นสั่งให้รับคำร้องขอเฉลี่ยไว้พิจารณาต่อไป นั้น กรณียังอยู่ระหว่างอุทธรณ์ฎีกา ซึ่งผู้ร้องยังโต้แย้งคำสั่งของศาลจังหวัดราชบุรีไม่ยอมรับคำร้องของผู้ร้องยังหาได้มีคำสั่งยกคำร้องขอเฉลี่ย โดยเหตุที่ยื่นไม่ทันกำหนดแต่ประการใดไม่ เรื่องจึงยังไม่ต้องด้วยมาตรา 291 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบัญญัติให้ขอจากเงินเหลือจ่าย