คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประกอบ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1051/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกแทนเงิน และผลของการระงับหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321
จำเลยให้การรับว่า ได้ทำสัญญายืมเงินโจทก์จริง แต่โจทก์ได้ยอมรับชำระหนี้ด้วยข้าวเปลือกแทนเงินตามสัญญายืม ดังนี้ หนี้เป็นอันระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 จำเลยย่อมสืบได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 653 วรรคสอง (อ้างฎีกาที่ 905/2497)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความอำนาจออกประกาศของสัตวแพทย์ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ ต้องเป็นหนังสือ เพื่อให้มีหลักฐานชัดเจนและเป็นธรรมต่อประชาชน
ออกประกาศหรือสั่งเป็นหนังสือ ในมาตรา 18 (1) แห่งพระราชบัญญัติ โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 คำว่า ออกประกาศ หมายความว่าออกประกาศเป็นหนังสือ หาใช่ออกประกาศด้วยวาจาก็ได้ไม่ เพราะมาตรา นี้มุ่งบังคับเอากับประชาชน ถ้าตีความว่า ออกประกาศด้วยวาจาก็ใช้ได้ ก็ย่อมปราศจากหลักฐานและเป็นช่องทางให้โต้เถียงกันได้
สัตวแพทย์ประกาศเป็นหนังสือกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราว และประกาศด้วยวาจาให้จำเลยและเจ้าของสัตว์แจ้งจำนวน โค กระบือ และให้นำโคกระบือมาให้ตรวจและฉีดยา จำเลยฝ่าฝืน ยังไม่เป็นความผิดเพราะสัตวแพทย์ ประกาศด้วยวาจามิใช่เป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1012/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประกาศข้อกำหนดทางกฎหมายต้องทำเป็นหนังสือ เพื่อให้มีหลักฐานตรวจสอบได้และเป็นธรรมต่อประชาชน
"ออกประกาศหรือสั่งเป็นหนังสือ"ในมาตรา 18(1) แห่งพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 คำว่า"ออกประกาศ"หมายความว่าออกประกาศเป็นหนังสือ หาใช่ออกประกาศด้วยวาจาก็ได้ไม่ เพราะมาตรานี้มุ่งบังคับเอากับประชาชน ถ้าตีความว่าออกประกาศด้วยวาจาก็ใช้ได้ ก็ย่อมปราศจากหลักฐานและเป็นช่องทางให้โต้เถียงกันได้
สัตวแพทย์ประกาศเป็นหนังสือกำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวและประกาศด้วยวาจาให้จำเลยและเจ้าของสัตว์แจ้งจำนวน โค กระบือ และให้นำโคกระบือมาให้ตรวจและฉีดยา จำเลยฝ่าฝืน ยังไม่เป็นความผิดเพราะสัตวแพทย์ประกาศด้วยวาจามิใช่เป็นหนังสือ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททางขับขี่และการตายที่เชื่อมโยง: การพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล
เมื่อจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าชนรถสามล้อ โดยประมาทแล้ว ผู้ตายซึ่งโดยสารมาในรถสามล้อก็ตกกระเด็นลงไปล้มนอนอยู่ที่ทางรถราง พอดีกับรถรางแล่นมาถึงแล้วทับครูดไปในระยะ 1 วารถรางจึงสามารถหยุดนิ่งได้ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บมากและถึงตายเพราะพิษบาดแผลนั้น โดยรถรางมิได้แล่นมาเร็วผิดธรรมดา กรณีเช่นนี้ถือว่า ความตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1011/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาททางขับขี่และการตายที่เกิดจากเหตุต่อเนื่อง ศาลฎีกาชี้ความตายเป็นผลโดยตรงจากความประมาท
เมื่อจำเลยขับขี่รถจักรยานยนต์เข้าชนรถ 3 ล้อ โดยประมาทแล้ว ผู้ตายซึ่งโดยสารมาในรถ 3 ล้อ ก็ตกกระเด็นลงไปล้มนอนอยู่ที่ทางรถราง พอดีกับรถรางแล่นมาถึงแล้วทับครูดไปในระยะ 1 วา รถรางจึงสามารถหยุดนิ่งได้ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บมากและถึงตายเพราะพิษบาดแผลนั้น โดยรถรางมิได้แล่นมาเร็วผิดธรรมดา กรณีเช่นนี้ถือว่า ความตายของผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากความประมาทของจำเลย จำเลยย่อมมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนต่อสู้กับคนร้ายบุกรุกบ้านและข่มขู่ด้วยอาวุธ: การกระทำเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายเป็นคนร้ายขึ้นไปทำการลักทรัพย์บนเรือนจำเลยจำเลยเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี อยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ได้พบคนร้ายในห้องเรือนมีอาวุธมีดปลายแหลมถือขู่จะทำร้ายทั้งเก็บทรัพย์บนเรือนพยายามจะพาเอาไปด้วย จำเลยจึงเอาพร้าฟันผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบธรรม: การกระทำเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินจากคนร้ายบุกรุก
ผู้ตายเป็นคนร้ายขึ้นไปทำการลักทรัพย์บนเรือนจำเลย จำเลยเป็นเด็กหนุ่มอายุ 16 ปี อยู่เฝ้าบ้านตามลำพัง ได้พบคนร้านในห้องเรือนมีอาวุธมีดปลายแหลมถือ - ขู่จะทำร้ายทั้งเก็บทรัพย์บนเรือนพยายามจะพาเอาไปด้วย จำเลยจึงเอาพร้าฟันผู้ตายซึ่งเป็นคนร้ายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการขอเฉลี่ยทรัพย์สินลูกหนี้ แม้มีการโอนทรัพย์ให้บุตรหลังมีคำพิพากษา
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาขายทอดตลาดเจ้าหนี้ ตามคำพิพากษาในคดีอื่น ย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้ แม้จะปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้โอนที่ดินแปลงอื่นของตนให้แก่บุตรภายหลังคำพิพากษา แม้เป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ซึ่งชอบที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะไปว่ากล่าวฟ้องร้องต่างหาก ในชั้นนี้มีปัญหาว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถเอาชำระหนี้ จากทรัพย์สินของลูกหนี้ได้หรือไม่เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 875/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้ในการขอรับส่วนเฉลี่ยจากทรัพย์สินลูกหนี้ แม้มีการโอนทรัพย์หลังมีคำพิพากษา
เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาขายทอดตลาดเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่น ย่อมยื่นคำร้องขอเฉลี่ยได้ แม้จะปรากฏว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้โอนที่ดินแปลงอื่นของตนให้แก่บุตรภายหลังคำพิพากษา แม้เป็นการทำให้เจ้าหนี้เสียเปรียบ ซึ่งชอบที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะไปว่ากล่าวฟ้องร้องต่างหาก ในชั้นนี้มีปัญหาว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาสามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินของลูกหนี้ได้หรือไม่เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 857-859/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าตึกที่ไม่ได้จดทะเบียน สิทธิและหน้าที่ของผู้เช่าเมื่อสัญญาหมดอายุ และผลกระทบต่อเจ้าของกรรมสิทธิ์
สัญญาที่เจ้าของที่ดินให้ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกรายพิพาท แล้วให้ตึกพิพาทตกเป็นของเจ้าของที่ดินแต่ให้ผู้เช่าที่ดินเอาตึกไปให้ผู้อื่นเช่าได้มีกำหนดระยะเวลา 6 ปี สัญญานี้ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วนั้น เป็นสัญญาที่มีผลผูกพันเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินเท่านั้น ส่วนจำเลยที่มีสิทธิเข้ามาอยู่ในตึกรายพิพาทได้ก็โดยอาศัยสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินที่ปลูกตึกพิพาทต่างหาก จำเลยจะมีสิทธิอยู่ในตึกรายพิพาทได้แค่ไหนเพียงใดนั้น ย่อมจะต้องเป็นไปตามสัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาท จำเลยไม่มีสิทธิอย่างใดที่จะยกเอาสัญญาที่เจ้าของที่ดินทำกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมายันเจ้าของที่ดินได้เพราะจำเลยไม่ใช่คู่สัญญา สัญญานั้นจึงไม่มีข้อผูกพันเกี่ยวข้องกับจำเลยเมื่อสัญญาปลูกสร้างตึกพิพาทระหว่างเจ้าของที่ดินกับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทระงับไปแล้ว เจ้าของที่ดินซึ่งมีกรรมสิทธิ์ในตึกรายพิพาทย่อมจะรับไปทั้งสิทธิและหน้าที่ที่ผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีอยู่ตามสัญญาเช่าที่ทำไว้กับจำเลย จำเลย 3 สำนวนนี้ ได้ทำสัญญาเช่าตึกรายพิพาทแต่ละห้องไว้กับผู้เช่าที่ดินปลูกตึกพิพาทมีกำหนดเวลาเช่า 6 ปี จะทำสัญญาเช่าเป็น 2 ฉบับๆละ 3 ปี หรือจะทำเป็นฉบับเดียวมีกำหนด 6 ปี ก็ตาม เมื่อไม่ได้จดทะเบียนสัญญาเช่านั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วสัญญาเช่านั้นก็คงใช้ได้เพียง 3 ปีเท่านั้น เมื่อจำเลยผู้เช่ามาครบกำหนด 3 ปีแล้วและห้องเช่าไม่ใช่เคหะที่จะได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ และเจ้าของที่ดินได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบแล้ว เจ้าของที่ดินก็ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้
แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องขอเรียกเป็นค่าเช่า แต่ถ้าตามสภาพของคำฟ้องเป็นที่เข้าใจได้ว่าเป็นค่าเสียหายที่จำเลยยังคงขืนอยู่ในห้องของโจทก์ในเมื่อโจทก์ได้บอกกล่าวแล้วโดยชอบ ให้จำเลยคืนห้องให้โจทก์ ศาลก็ย่อมให้จำเลยชดใช้เป็นค่าเสียหายได้ (อ้างฎีกาที่1593/2494)
of 73