พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้ายก่อน
ผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยและประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อน เมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้ว ผู้ตายแทงจำเลยก่อน และเมื่อกอดปล้ำกัน แล้วจำเลยดิ้นไม่หลุด จำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัว อาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกัน บาดแผลก็ขนาดเดียวกัน ถือได้ว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 615/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุเมื่อถูกทำร้าย ผู้ตายเริ่มลงมือก่อนและมีร่างกายแข็งแรงกว่า
ผู้ตายล่ำใหญ่กว่าจำเลยและประพฤติผิดศีลธรรมต่อนางสาวสมจิตรบุตรเลี้ยงของจำเลยขึ้นก่อนเมื่อเกิดต่อว่ากันขึ้นแล้ว ผู้ตายแทงจำเลยก่อน และเมื่อกอดปล้ำกันแล้วจำเลยดิ้นไม่หลุดจำเลยจึงต้องแทงผู้ตายไปบ้างเป็นการป้องกันตัวอาวุธของทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างเดียวกันบาดแผลก็ขนาดเดียวกันถือได้ว่าเป็นการพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพยานโจทก์และอำนาจศาลในการยกฟ้องคดีแพ่ง
โจทก์ ทนายโจทก์ และพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลย ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า ขอให้ศาลยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะถือได้ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาให้สืบ ดังนี้ ย่อมหมายความว่า หน้าที่นำสืบก่อนตกแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสีย การที่โจทก์ขาดนัดเช่นนี้ กรณีไม่เข้า ป.วิ.พ. มาตรา 201 ซึ่งว่าด้วยการขาดนัดในคดีที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานหาใช่ขาดในนัดต่อ ๆ มาไม่ ศาลจะดำเนินกระบวนการพิจารณาไปอย่างไร แล้วแต่รูปคดี ไม่ได้ต้องผูกมัดว่าจะต้องจำหน่ายคดีตาม มาตรา 201
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้ว โจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226 (2) ป.วิ.พ. เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้ อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกา โจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้ว โจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226 (2) ป.วิ.พ. เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้ อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกา โจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพยานโจทก์ ศาลชอบที่จะยกฟ้องได้ และฎีกาไม่ขัดต่อข้อห้ามตามมาตรา 226(2)
โจทก์ ทนายโจทก์ และพยานโจทก์ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งที่สองโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง คงมาแต่ฝ่ายจำเลยทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า 'ขอให้ศาลยกฟ้องของโจทก์เสียเพราะถือได้ว่าโจทก์ไม่มีพยานมาให้ศาลสืบ' ดังนี้ย่อมหมายความว่า หน้าที่นำสืบก่อนตกแก่โจทก์เมื่อโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องของโจทก์เสียการที่โจทก์ขาดนัดเช่นนี้ กรณีไม่เข้าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 ซึ่งว่าด้วยการขาดนัดในคดีที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานหาใช่ขาดในนัดต่อๆมาไม่ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาไปอย่างไรแล้วแต่รูปคดีไม่ได้ต้องผูกมัดว่าจะต้องจำหน่ายคดีตามมาตรา 201
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปศาลชั้นต้นได้นัดสืบพยานแล้วโจทก์จึงยื่นฎีกาภายในกำหนดเวลาดังนี้ ถือว่าฎีกาของโจทก์ไม่ต้องห้าม และกรณีไม่เข้า มาตรา 226(2) ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เพราะโจทก์ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หาได้ฎีกาเพราะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้นัดสืบพยานจำเลยในครั้งหลังนี้อันเป็นคำสั่งที่สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่เมื่อคดีชั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายังอยู่ในระหว่างอายุความฎีกาโจทก์ย่อมยื่นฎีกาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความยื่นคำให้การแก้คำร้องก่อนปฏิเสธ
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเอง หลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้ว โจทก์ ยื่นคำให้การแก้คำร้องข้อทรัพย์ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะตาม ป.วิ.พ. มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดี ธรรมดา ย่อมหมายความว่า เมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธได้รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดทรัพย์: ศาลต้องเปิดโอกาสให้คู่ความยื่นคำให้การแก้คำร้อง มิฉะนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งส่งสำเนาให้โจทก์จำเลยและเจ้าพนักงานบังคับคดี และนัดพร้อม ครั้นถึงวันนัดพร้อม คู่ความไม่มีทางตกลงกันได้ ศาลนัดสืบพยานผู้ร้อง ในวันนัดพร้อมนั้นเองหลังแต่ทำการนัดพร้อมแล้วโจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับคำให้การของโจทก์ เช่นนี้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาเพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 288 บัญญัติให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเหมือนอย่างคดีธรรมดาย่อมหมายความว่าเมื่อผู้ร้องขัดทรัพย์ได้ยื่นคำร้องขอแล้ว ศาลชั้นต้นชอบที่จะออกหมายเรียกให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นมิได้ส่งหมายเรียกหรือกำหนดเวลาให้โจทก์ยื่นคำให้การแก้คำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะปฏิเสธไม่รับคำให้การแก้คดีของโจทก์ได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 7/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของคู่สัญญาประนีประนอมยอมความในการฟ้องเพิกถอนนิติกรรมจำนองที่ขัดต่อข้อตกลง
โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่าจำเลยที่ 1 จะยกที่ดินให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา เอาที่ดินนั้นไปทำจำนองไว้กับจำเลยที่ 2 โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 474/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของคู่สัญญาประนีประนอมยอมความในการฟ้องเพิกถอนจำนองที่ดินที่ตกลงจะยกให้บุตร
โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ 1 จะยกที่ดินให้แก่บุตรของโจทก์และจำเลยที่ 1 ต่อมาจำเลยที่ 1 ผิดสัญญา เอาที่ดินนั้นไปทำจำนองไว้ กับจำเลยที่ 2 โจทก์ในฐานะที่เป็นคู่สัญญากับจำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมจำนองนั้นได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 6/2503)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการไฟฟ้าเพื่อใช้เองและการช่วยเหลือผู้เช่าห้อง ไม่ถือเป็นการค้าขายตามกฎหมาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรก ส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกัน ซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้น หาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไร และก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้ หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลย จึงยังไม่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตาม พ.ร.บ. นี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 437/2503
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกอบกิจการไฟฟ้าที่ไม่เข้าข่ายค้าขายสาธารณูปโภคตามกฎหมายควบคุมกิจการค้าขาย
จำเลยซื้อเครื่องไฟฟ้าโดยประสงค์เพื่อจะใช้ในกิจการของตนเองเป็นเบื้องแรกส่วนการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้อื่นใช้ด้วยนั้น ก็มีแต่เฉพาะผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยในบริเวณเดียวกันซึ่งมีเพียง 10 กว่ารายเท่านั้นหาได้จ่ายให้แก่บุคคลอื่นนอกเหนือจากนี้ไม่ ทั้งเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเพียงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายโดยมิได้หวังผลกำไรและก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้กำไรจากการนี้หากแต่เป็นการช่วยเหลือในระหว่างจำเลยกับผู้เช่าห้องของบิดาจำเลยจึงยังไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายตามพระราชบัญญัตินี้