คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประกอบ หุตะสิงห์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 722 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดจำนวนเงินชดใช้จากความชำรุดของทรัพย์สินที่ผู้ซื้อนำไปใช้โดยไม่สุจริต และการไม่บังคับให้รับคืนทรัพย์
คดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ขายขายทรัพย์มีคุณภาพไม่ตรงตามคำโฆษณาให้ผู้ขายรับทรัพย์คืนและคืนเงินให้ผู้ซื้อพร้อมด้วยดอกเบี้ยนั้น เมื่อผู้ซื้อได้เอาทรัพย์นั้นไปใช้โดยไม่สุจริตจนชำรุดเสียหาย ผู้ขายก็ชอบที่จะชดใช้คืนเงินลดลงตามส่วนแห่งสภาพความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ซื้อได้ แต่จะบังคับให้ผู้ซื้อรับคืนทรัพย์ โดยผู้ขายไม่ต้องชดใช้เงินอย่างใดไม่ได้ในเมื่อทรัพย์นั้นยังอยู่ในสภาพที่พอจะซ่อมแซมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 687/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำรุดเสียหายของสินค้าหลังส่งมอบ การลดจำนวนเงินที่ต้องชดใช้ และสิทธิในการรับคืนสินค้า
คดีที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าผู้ขายขายทรัพย์มีคุณภาพไม่ตรงตามคำโฆษณา ให้ผู้ขายรับทรัพย์คืนและคืนเงินให้ผู้ซื้อพร้อมด้วยดอกเบี้ยนัน เมื่อผู้ซื้อได้เอาทรัพย์นั้นไปใช้โดยไม่สุจริตจนชำรุดเสียหาย ผู้ขายก็ชอบที่จะชดใช้คืนเงินลดลงตามส่วนแห่งสภาพความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของผู้ซื้อได้ แต่จะบังคับให้ผู้ซื้อรับคืนทรัพย์โดยผู้ขายไม่ต้องชดใช้เงินอย่างใดไม่ได้ ในเมื่อทรัพย์นั้นยังอยู่ในสภาพที่พอจะซ่อมแซมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ส่งผลให้เกิดบาดแผลและต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
ผู้เสียหายถูกฟันด้วยมีดมีบาดแผลที่ริมฝีปากล่าง บนริมจมูกและหลังมือซ้ายกว้างแผลละ 1/3 เซนติเมตร ยาว2-3เซนติเมตรครึ่งแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 21 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่ารักษาตัวในโรงพยาบาล 21 วัน แล้วกลับไปอยู่บ้านก็ยังไม่หายดี เช่นนี้ย่อมพอที่จะฟังได้ว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด บาดเจ็บสาหัสเกิน 20 วัน เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ผู้เสียหายถูกฟันด้วยมีดบาดแผลที่ริมฝีปากล่าง บน ริมจมูก และหลังมือซ้ายกว้างแผลละ 1/3 เซ็นติเมตร ยาว 2 - 3 1/3 เซ็นติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 21 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่า รักษาตัวในโรงพยาบาล 21 วัน แล้วกับไปอยู่บ้านก็ยังไม่หายดี เช่นนี้ ย่อมพอที่จะฟังได้ว่า ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนที่ไม่ได้จดทะเบียน ไม่มีผลผูกพันบุคคลภายนอก ผู้รับโอนมีสิทธิขับไล่
สัญญาที่มีข้อตกลงว่าฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ออกทุนทรัพย์ซื้อพืชต้นผลไม้ต่าง ๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายออกแรงทำการปลูกสร้างลงในที่ดินและบำรุงรักษา เมื่อเป็นผลซื้อขายได้มาก็ให้แบ่งกันคนละครึ่งเท่า ๆ กันจนตลอดชีวิตทั้งสองฝ่าย เช่นนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ก่อให้เกิดเพียงบุคคลสิทธิ มีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีผู้เป็นฝ่ายเท่านั้น จะใช้ยันบุคคลภายนอกผู้ซื้อที่ดินนั้นไม่ได้ แม้ว่าผู้ซื้อจะได้ทราบว่ามีข้อตกลงเช่นนั้นอยู่ก็ตาม ในเมื่อผู้ซื้อมิได้ยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นด้วย
ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิตามกฎหมายฟ้องขับไล่ฝ่ายที่ออกแรงดังกล่าวนั้นได้ จะถือว่าผู้ซื้อใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
กรณีเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายออกแรงมีสิทธิครอบครอง เพราะจำเลยมิได้ยึดถือเพื่อตน จึงไม่ใช่สิทธิครอบครองที่จะนำมาใช้ยันโจทก์ผู้ซื้อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาต่างตอบแทนที่ไม่ได้จดทะเบียน ไม่ผูกพันบุคคลภายนอก ผู้ซื้อที่ดินมีสิทธิขับไล่
สัญญาที่มีข้อตกลงว่าฝ่ายเจ้าของที่ดินเป็นผู้ออกทุนทรัพย์ซื้อพืชต้นผลไม้ต่างๆ ให้อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายออกแรงทำการปลูกสร้างลงในที่ดินและบำรุงรักษา เมื่อเป็นผลซื้อขายได้มาก็ให้แบ่งกันคนละครึ่งเท่าๆ กันจนตลอดชีวิตทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ เป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง แต่เมื่อไม่ได้จดทะเบียนก็ก่อให้เกิดเพียงบุคคลสิทธิมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีผู้เป็นฝ่ายเท่านั้นจะใช้ยันบุคคลภายนอกผู้ซื้อที่ดินนั้นไม่ได้แม้ว่าผู้ซื้อจะได้ทราบว่ามีข้อตกลงเช่นนั้นอยู่ก็ตาม ในเมื่อผู้ซื้อมิได้ยินยอมปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นด้วย
ผู้ซื้อย่อมมีสิทธิตามกฎหมายฟ้องขับไล่ฝ่ายที่ออกแรงดังกล่าวนั้นได้ จะถือว่าผู้ซื้อใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้
กรณีเช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายออกแรงมีสิทธิครอบครองเพราะจำเลยมิได้ยึดถือเพื่อตนจึงไม่ใช่สิทธิครอบครองที่จะนำมาใช้ยันโจทก์ผู้ซื้อได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขัดทรัพย์บังคับคดี: สิทธิของคู่สมรสในสินสมรสที่ถูกจำนองโดยไม่ยินยอม
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะได้ยอมรับว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยแต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมและมิได้จำนองที่ดินนั้นด้วยทั้งผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้วเช่นนี้ถ้าหากเป็นความจริงโจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีกับสินสมรส: สิทธิของผู้ร้องขัดทรัพย์เมื่ออ้างว่าจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
แม้ผู้ร้องขัดทรัพย์จะได้ยอมรับว่าที่ดินที่ถูกยึดเป็นสินสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลย แต่ผู้ร้องยังได้กล่าวอ้างว่าผู้ร้องมิได้รู้เห็นยินยอมและมิได้จำนองที่ดินนั้นด้วย ทั้งผู้ร้องได้มีหนังสือบอกล้างนิติกรรมจำนองให้โจทก์ทราบแล้ว เช่นนี้ ถ้าหากเป็นความจริง โจทก์จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์ที่ยังเป็นสินบริคณห์อยู่ไม่ได้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องขัดทรัพย์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรมและการสละมรดกแทนผู้เยาว์ต้องได้รับอนุมัติจากศาล
เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์มรดกย่อมตกได้แก่ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก เมื่อทายาทโดยธรรมคนใดคนหนึ่งตายก่อนเจ้ามรดก ส่วนมรดกที่ทายาทโดยธรรมจะได้รับย่อมตกทอดแก่ผู้สืบสันดานทุกคนของทายาทโดยธรรมนั้นในฐานะเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ดังนั้น เมื่อทายาทโดยธรรมตาย มีผู้เอาชื่อผู้สืบสันดานคนหนึ่งใส่ลงในหน้าโฉนดเป็นผู้รับมรดกจึงหาทำให้ผู้สืบสันดานคนอื่นๆ เสียสิทธิในการรับมรดกแทนที่ในที่ดินนั้นไปไม่
คำสั่งของผู้ตายให้ยกที่ดินให้แก่ใครคนหนึ่งนั้นมิใช่พินัยกรรมจึงหาลบล้างสิทธิของทายาทโดยธรรม หรือผู้รับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรมนั้นไม่
การสละมรดกจะต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่มารดาจะสละมรดกแทนผู้เยาว์ได้ จะต้องได้รับอนุมัติจากศาลก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 619/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรม และการสละมรดกแทนผู้เยาว์ต้องมีอนุมัติจากศาล
เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์มรดกย่อมตกได้แก่ทายาทโดยธรรมของเจ้ามรดก เมื่อทายาทโดยธรรมคนใดคนหนึ่งตายก่อนเจ้ามรดก ส่วนมรดกที่ทายาทโดยธรรมจะได้รับย่อมตกทอดแก่ผู้สืบสันดานทุกคนของทายาทโดยธรรมนั้นในฐานะเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ดังนั้น เมื่อทายาทโดยธรรมตาย มีผู้เอาชื่อผู้สืบสันดานคนหนึ่งใส่ลงในหน้าโฉนดเป็นผู้รับมรดกจึงหาทำให้ผู้สืบสันดานคนอื่น ๆ เสียสิทธิในการรับมรดกแทนที่ในที่ดินนั้นไปไม่
คำสั่งของผู้ตายให้ยกที่ดินให้แก่ใครคนหนึ่งนั้นมิใช่พินัยกรรม จึงหาลบล้างสิทธิของทายาทโดยธรรมหรือผู้รับมรดกแทนที่ของทายาทโดยธรรมนั้นไม่
การสละมรดกจะต้องแสดงเจตนาชัดแจ้งเป็นหนังสือมอบไว้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือทำเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
การที่มารดาจะสละมรดกแทนผู้เยาว์ได้ จะต้องได้รับอนุมัติจากศาลก่อน
of 73