คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าวและการบังคับชำระหนี้ที่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวร่วมกับจำเลยซื้อที่ดินและบ้าน แล้วเข้าครอบครองร่วมกัน. ต่อมาโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ส่วนของโจทก์แล้วจำเลยไม่ชำระเงิน. โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ออกไปในการซื้อทรัพย์พิพาทแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงิน.หรือเอาที่ดินและบ้านออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ ดังนี้. โจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่คำขอที่ให้จำเลยชำระเงินหนึ่งแสนบาทนั้น.ศาลบังคับให้ไม่ได้. เพราะเท่ากับบังคับให้จำเลยรับเอาที่ดินส่วนของโจทก์ไว้ อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน. ส่วนคำขอที่ให้เอาที่ดินพิพาทขายทอดตลาดและให้ชำระค่าเสียหายนั้น ศาลอาจบังคับให้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าวและการบังคับชำระหนี้ที่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวร่วมกับจำเลยซื้อที่ดินและบ้าน แล้วเข้าครอบครองร่วมกัน ต่อมาโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ส่วนของโจทก์แล้วจำเลยไม่ชำระเงิน โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ออกไปในการซื้อทรัพย์พิพาทแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงิน หรือเอาที่ดินและบ้านออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ ดังนี้ โจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่คำขอที่ให้จำเลยชำระเงินหนึ่งแสนบาทนั้นศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะเท่ากับบังคับให้จำเลยรับเอาที่ดินส่วนของโจทก์ไว้ อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนคำขอที่ให้เอาที่ดินพิพาทขายทอดตลาดและให้ชำระค่าเสียหายนั้น ศาลอาจบังคับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1860/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินของคนต่างด้าวและการบังคับชำระหนี้ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นคนต่างด้าวร่วมกับจำเลยซื้อที่ดินและบ้าน แล้วเข้าครอบครองร่วมกัน ต่อมาโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ส่วนของโจทก์แล้วจำเลยไม่ชำระเงิน โจทก์ขอให้จำเลยคืนเงินที่โจทก์ออกไปในการซื้อทรัพย์พิพาทแล้วจำเลยเพิกเฉย ขอให้จำเลยชำระเงินหรือเอาที่ดินและบ้านออกขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งให้โจทก์ ดังนี้ โจทก์มีอำนาจฟ้อง แต่คำขอที่ให้จำเลยชำระเงินหนึ่งแสนบาทนั้น ศาลบังคับให้ไม่ได้ เพราะเท่ากับบังคับให้จำเลยรับเอาที่ดินส่วนของโจทก์ไว้ อันเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายที่ดิน ส่วนคำขอที่ให้เอาที่ดินพิพาทขายทอดตลาดและให้ชำระค่าเสียหายนั้น ศาลอาจบังคับให้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย: การนับคะแนนเสียงเจ้าหนี้และการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้
จำเลยขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ขอให้ลงมติ. ไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการออกเสียง. ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลย ต่อมาศาลได้ไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยนั้น.แม้ต่อมาโจทก์จะคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้อื่นที่ลงมติไปแล้ว. แต่ศาลก็ยังไม่ได้ชี้ขาดถึงที่สุดว่าจะให้เจ้าหนี้ที่ถูกโจทก์คัดค้านรับชำระหนี้ได้หรือไม่. ดังนี้ จะถือว่าการประนอมหนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบหาได้ไม่. เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่โจทก์คัดค้านถึงที่สุดแล้วประการใด ก็เป็นเรื่องที่อาจดำเนินการไปตามผลของคำพิพากษานั้นอีกส่วนหนึ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย: ผลกระทบต่อการลงมติของเจ้าหนี้และการพิจารณาคำขอรับชำระหนี้
จำเลยขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ขอให้ลงมติ ไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการออกเสียง ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลย ต่อมาศาลได้ไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยนั้นแม้ต่อมาโจทก์จะคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้อื่นที่ลงมติไปแล้วแต่ศาลก็ยังไม่ได้ชี้ขาดถึงที่สุดว่าจะให้เจ้าหนี้ที่ถูกโจทก์คัดค้านรับชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ จะถือว่าการประนอมหนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบหาได้ไม่ เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่โจทก์คัดค้านถึงที่สุดแล้วประการใด ก็เป็นเรื่องที่อาจดำเนินการไปตามผลของคำพิพากษานั้นอีกส่วนหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1851/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย: ผลกระทบต่อการลงมติของเจ้าหนี้และการชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้
จำเลยขอประนอมหนี้ก่อนล้มละลาย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เสนอต่อที่ประชุมเจ้าหนี้ขอให้ลงมติ ไม่มีเจ้าหนี้รายใดคัดค้านการออกเสียง ที่ประชุมเจ้าหนี้ลงมติยอมรับคำขอประนอมหนี้ของจำเลย ต่อมาศาลได้ไต่สวนลูกหนี้โดยเปิดเผยแล้วมีคำสั่งเห็นชอบด้วยนั้นแม้ต่อมาโจทก์จะคัดค้านคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้อื่นที่ลงมติไปแล้ว แต่ศาลก็ยังไม่ได้ชี้ขาดถึงที่สุดว่าจะให้เจ้าหนี้ที่ถูกโจทก์คัดค้านรับชำระหนี้ได้หรือไม่ ดังนี้ จะถือว่าการประนอมหนี้เป็นกรณีที่ต้องห้ามมิให้ศาลมีคำสั่งเห็นชอบหาได้ไม่ เพราะเมื่อศาลวินิจฉัยชี้ขาดคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่โจทก์คัดค้านถึงที่สุดแล้วประการใด ก็เป็นเรื่องที่อาจดำเนินการไปตามผลของคำพิพากษานั้นอีกส่วนหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนหนี้สินทางแพ่งของหน่วยงานราชการ และความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการกระทำของลูกน้อง
คดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยสองคนรับผิดทางแพ่ง ปรากฏว่าจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล และมูลคดีก็เกิดขึ้นในเขตศาลนั้น ทั้งพยานหลักฐานส่วนใหญ่ก็อยู่ในจังหวัดนั้นด้วย ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องจนศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลได้ การที่ศาลรับฟ้องคดีนั้นไว้พิจารณาพิพากษาจึงเป็นการชอบแล้ว
เดิมกรมทางหลวงมีชื่อว่ากรมทางหลวงแผ่นดิน สังกัดกระทรวงคมนาคมต่อมาได้มีกฎหมายบัญญัติให้กรมทางหลวงแผ่นดินอยู่ในสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ข้าราชการ ฯลฯ ไปเป็นของกรมทางหลวงนั้น โดยผลแห่งกฎหมาย หนี้สินและสิทธิเรียกร้องที่กรมทางหลวงแผ่นดินมีต่อจำเลยลูกหนี้ย่อมโอนไปยังกรมทางหลวงโจทก์ โดยมิพักต้องบอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้แต่อย่างใด และโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
การที่จำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของทางราชการไปด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด
กรณีละเมิดนั้น เมื่อโจทก์เพิ่งได้ทราบเรื่องจำเลยยักยอกจากการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานการสอบสวนจากพนักงานเจ้าหน้าที่และมาฟ้องคดีในเวลายังไม่ครบ 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการกระทำละเมิด คดีของโจทก์จึงยังหาขาดอายุความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีแพ่ง, การโอนหนี้สิน, ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อลูกน้อง, และอายุความละเมิด
คดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยสองคนรับผิดทางแพ่ง ปรากฏว่าจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล และมูลคดีก็เกิดขึ้นในเขตศาลนั้น ทั้งพยานหลักฐานส่วนใหญ่ก็อยู่ในจังหวัดนั้นด้วยทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องจนศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลได้ การที่ศาลรับฟ้องคดีนั้นไว้พิจารณาพิพากษาจึงเป็นการชอบแล้ว
เดิมกรมทางหลวงมีชื่อว่ากรมทางหลวงแผ่นดิน สังกัดกระทรวงคมนาคม ต่อมาได้มีกฎหมายบัญญัติให้กรมทางหลวงแผ่นดินอยู่ในสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ข้าราชการ ฯลฯ ไปเป็นของกรมทางหลวงนั้น โดยผลแห่งกฎหมาย หนี้สินและสิทธิเรียกร้องที่กรมทางหลวงแผ่นดินมีต่อจำเลยลูกหนี้ย่อมโอนไปยังกรมทางหลวงโจทก์ โดยมิพักต้องบอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้แต่อย่างใดและโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้
การที่จำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของทางราชการไปด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด
กรณีละเมิดนั้น เมื่อโจทก์เพิ่งได้ทราบเรื่องจำเลยยักยอกจากการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานการสอบสวนจากพนักงานเจ้าหน้าที่และมาฟ้องคดีในเวลายังไม่ครบ 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการกระทำละเมิด คดีของโจทก์จึงยังหาขาดอายุความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1798/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของกรมทางหลวง, ความรับผิดของผู้บังคับบัญชาต่อการยักยอกเงิน, และอายุความละเมิด
คดีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยสองคนรับผิดทางแพ่ง. ปรากฏว่าจำเลยคนหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล และมูลคดีก็เกิดขึ้นในเขตศาลนั้น ทั้งพยานหลักฐานส่วนใหญ่ก็อยู่ในจังหวัดนั้นด้วย.ทั้งโจทก์ก็ได้ยื่นคำร้องจนศาลสั่งอนุญาตให้โจทก์ยื่นคำฟ้องต่อศาลได้. การที่ศาลรับฟ้องคดีนั้นไว้พิจารณาพิพากษาจึงเป็นการชอบแล้ว.
เดิมกรมทางหลวงมีชื่อว่ากรมทางหลวงแผ่นดิน สังกัดกระทรวงคมนาคม. ต่อมาได้มีกฎหมายบัญญัติให้กรมทางหลวงแผ่นดินอยู่ในสังกัดกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ. และให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน หนี้สิน ข้าราชการ ฯลฯ ไปเป็นของกรมทางหลวงนั้น. โดยผลแห่งกฎหมาย หนี้สินและสิทธิเรียกร้องที่กรมทางหลวงแผ่นดินมีต่อจำเลยลูกหนี้ย่อมโอนไปยังกรมทางหลวงโจทก์. โดยมิพักต้องบอกกล่าวการโอนไปยังจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้แต่อย่างใด.และโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้.
การที่จำเลยที่ 1 รับราชการอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 2 ได้ยักยอกเงินของทางราชการไปด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเช่นนี้. จำเลยที่ 2 ต้องรับผิด.
กรณีละเมิดนั้น เมื่อโจทก์เพิ่งได้ทราบเรื่องจำเลยยักยอกจากการตรวจสอบบัญชีและหลักฐานการสอบสวนจากพนักงานเจ้าหน้าที่.และมาฟ้องคดีในเวลายังไม่ครบ 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการกระทำละเมิด. คดีของโจทก์จึงยังหาขาดอายุความไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1599/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าทารกแรกเกิด: การกระทำที่แสดงถึงเจตนาและความเล็งเห็นผล
เมื่อรูปคดีฟังได้ว่า จำเลยคลอดบุตรออกมาแล้วไม่ขอความช่วยเหลือใคร ไม่บอกให้ใครทราบ จำเลยได้ดึงสายสะดือเด็กจนขาด แล้วทิ้งรกลงในส้วมและลาดน้ำล้างโลหิตจนหมด เอาเด็กวางไว้ในอ่างปัสสาวะ เปิดน้ำไหลลาดท่วมตัว ทำให้น้ำเข้าปากและปอดเด็ก แล้วเด็กนั้นตายเพราะปอดบวมในวันรุ่งขึ้น ถือได้แล้วว่าเป็นการที่จำเลยกระทำโดยรู้สึกในการที่กระทำนั้น และจำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า การทำดังนี้ เด็กบุตรของจำเลยอาจตายได้ ประกอบกับเหตุที่จำเลยทำไปทั้งนี้ก็เพราะจำเลยไม่ต้องการบุตรคนนี้ จึงเป็นการกระทำโดยเจตนาฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59 วรรคสอง
กรณีตามพฤติการณ์หาใช่จำเลยมีเจตนาเพียงต้องการทิ้งบุตรของจำเลยไว้ให้แก่โรงพยาบาลไม่
of 116