คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาหยุดดำเนินการเนื่องจากจำเลยเสียชีวิตระหว่างพิจารณาคดี
จำเลยถึงแก่ความตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 797/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาระงับเนื่องจากจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างการพิจารณาคดี
จำเลยถึงแก่ความตายในขณะที่คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาผูกขาด: ค่าผูกขาดรายปีต้องชำระล่วงหน้าหรือไม่ และผลของการผิดนัดชำระ
ข้อสัญญาว่า ผู้รับผูกขาดจะต้องชำระเงินค่าผูกขาดล่วงหน้าในปีแรกภายใน 15 วัน นับแต่วันสร้างท่าเทียบเรือเสร็จ ส่วนในปีต่อไปจะต้องชำระค่าผูกขาดภายในเดือนตุลาคมของทุก ๆ ปี ดังนี้หมายความว่าค่าผูกขาดสำหรับปีที่ 2 และปีต่อ ๆ ไปจะต้องชำระล่วงหน้าด้วย
โจทก์ให้จำเลยผูกขาดจัดการท่าเทียบเรือ 10 ปี คิดค่าผูกขาดเป็นรายปีจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าผูกขาดปีที่ 2 โจทก์บอกเลิกสัญญาก่อนสิ้นระยะเวลาปีที่ 2 ดังนี้ จำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการที่ได้ใช้ท่าเทียบเรือของโจทก์นับแต่เริ่มปีที่ 2 จนถึงวันเลิกสัญญาส่วนระยะเวลาต่อจากนั้น ถ้าจำเลยยังไม่ออกไปจากท่าเทียบเรือของโจทก์โจทก์พึงได้รับค่าเสียหาย
(ข้อแรกวินิจฉัยโดยประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 649/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความสัญญาผูกขาด: ค่าผูกขาดปีต่อๆไปถือเป็นค่าผูกขาดล่วงหน้า และสิทธิของเจ้าของสัญญาเมื่อผู้รับผูกขาดผิดนัด
ข้อสัญญาว่า ผู้รับผูกขาดจะต้องชำระเงินค่าผูกขาดล่วงหน้าในปีแรกภายใน 15 วัน นับแต่วันสร้างท่าเทียบเรือเสร็จ ส่วนในปีต่อไปจะต้องชำระค่าผูกขาดภายในเดือนตุลาคมของทุก ๆ ปี ดังนี้ หมายความว่าค่าผูกขาดสำหรับปีที่ 2 และปีต่อ ๆ ไปจะต้องชำระล่วงหน้าด้วย
โจทก์ให้จำเลยผูกขาดจัดการท่าเทียบเรือ 10 ปี คิดค่าผูกขาดเป็นรายปีจำเลยผิดสัญญาไม่ชำระค่าผูกขาดปีที่ 2 โจทก์บอกเลิกสัญญาก่อนสิ้นระยะเวลาปีที่ 2 ดังนี้ จำเลยต้องใช้เงินตามควรค่าแห่งการที่ได้ใช้ท่าเทียบเรือของโจทก์นับแต่เริ่มปีที่ 2 จนถึงวันเลิกสัญญาส่วนระยะเวลาต่อจากนั้น ถ้าจำเลยยังไม่ออกไปจากท่าเทียบเรือของโจทก์โจทก์พึงได้รับค่าเสียหาย
(ข้อแรกวินิจฉัยโดยประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมยอมกันเพื่อหลีกเลี่ยงชำระหนี้เจ้าหนี้ ถือเป็นการโกงเจ้าหนี้และทำละเมิด
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้และสมยอมกันทำยอมความในศาลเป็นผลให้เกิดการโอนทรัพย์สินของจำเลยคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาทำให้โจทก์ไม่อาจบังคับเอาทรัพย์สินของจำเลยมาชำระหนี้ได้ เป็นการจงใจทำโดยผิดกฎหมายอันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ โจทก์ย่อมเสียหายทางทรัพย์สินแล้ว การกระทำผิดกฎหมายดังนี้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้ผิดคือได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาที่พิพากษาตามที่จำเลยยอมความกันนั้น เป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสองย่อมไม่ผูกพันโจทก์ การทำการสมยอมกัน นิติกรรมระหว่างจำเลยย่อมเป็นโมฆะ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้เพิกถอน
(ข้อแรกประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2512 และ 5/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 648/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสมยอมกันทำหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้เจ้าหนี้ เป็นละเมิดและโกงเจ้าหนี้
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้และสมยอมกันทำยอมความในศาลเป็นผลให้เกิดการโอนทรัพย์สินของจำเลยคนหนึ่ง ไปยังอีกคนหนึ่งให้พ้นจากการถูกบังคับชำระหนี้แก่โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาทำให้โจทก์ไม่อาจบังคับเอาทรัพย์สินของจำเลยมาชำระหนี้ได้เป็นการจงใจทำโดยผิดกฎหมายอันเป็นความผิดฐานโกงเจ้าหนี้โจทก์ย่อมเสียหาย ทางทรัพย์สินแล้ว การกระทำผิดกฎหมายดังนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 422 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นผู้ผิดคือได้ทำละเมิดต่อโจทก์ จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์
คำพิพากษาที่พิพากษาตามที่จำเลยยอมความกันนั้น เป็นเรื่องระหว่างจำเลยทั้งสอง ย่อมไม่ผูกพันโจทก์ การทำการสมยอมกันนิติกรรมระหว่างจำเลยย่อมเป็นโมฆะ โจทก์ไม่จำเป็นต้องฟ้องขอให้เพิกถอน
(ข้อแรกประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2512 และ 5/2512)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกรมธรรม์ประกันภัย: ศาลยึดถือคำแปลภาษาไทยที่โจทก์แนบ หากจำเลยไม่โต้แย้ง และถือว่าอุบัติเหตุเป็นสาเหตุโดยตรง
กรมธรรม์ประกันภัยทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษโจทก์แนบสำเนากรมธรรม์ประกันภัยฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยคำแปลเป็นภาษาไทยมาพร้อมฟ้อง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องขอยืดเวลายื่นคำให้การ อ้างว่ากรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษและโจทก์แปลติดมาท้ายฟ้องนั้น จำเลยจำต้องตรวจคำแปลกับต้นฉบับว่าแปลถูกต้องหรือไม่ศาลอนุญาต เมื่อจำเลยยื่นคำให้การ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าคำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นมีข้อความไม่ถูกต้องคดีจึงไม่มีประเด็นโต้เถียงกันว่า คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นไม่ถูกต้อง การที่วินิจฉัยว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความอย่างใด และมีความหมายเป็นประการใดศาลจึงต้องยึดถือคำแปลภาษาไทยดังปรากฏที่โจทก์แนบมาพร้อมฟ้อง
คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยมีข้อความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย (ผู้รับประกันภัย) ว่า 'กรมธรรม์นี้คุ้มครองถึงความสูญเสียไม่ว่าจะเนื่องด้วยสาเหตุอื่นใดอันเกิดแต่การได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือลำพังก็ตามที ตามเงื่อนไขบทบัญญัติข้อยกเว้นและข้อคุ้มครองที่ระบุไว้ในที่นี้'ส่วนประโยชน์ที่ได้รับระบุไว้ว่า การประกันภัยที่จะอำนวยผลประโยชน์ในหนี้ใช้ได้เฉพาะในเรื่องการได้รับบาดเจ็บอันตรายอันอาจทำให้สูญเสียชีวิต แขนขาขาดและชดใช้ค่ารักษาพยาบาลอันจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือไม่ว่าโดยลำพังจากสาเหตุใด ๆก็ตาม ตามที่ได้ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ฯลฯ' ดังนี้ เห็นว่าการที่ พ. (ผู้เอาประกันภัย) หกล้มขณะลงจากรถ ย่อมถือว่าเป็นอุบัติเหตุ เมื่อเป็นเหตุให้มดลูกแตกปริ จึงถือว่าเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ พ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 529/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความกรมธรรม์ประกันภัย: อุบัติเหตุและการบาดเจ็บทางร่างกายเป็นเหตุให้เสียชีวิต
กรมธรรม์ประกันภัยทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษโจทก์แนบสำเนากรมธรรม์ประกันภัยฉบับภาษาอังกฤษ พร้อมด้วยคำแปลเป็นภาษาไทยมาพร้อมฟ้อง ซึ่งถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของฟ้อง จำเลยยื่นคำร้องขอยืดเวลายื่นคำให้การ อ้างว่ากรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาอังกฤษและโจทก์แปลติดมาท้ายฟ้องนั้น จำเลยจำต้องตรวจคำแปลกับต้นฉบับว่าแปลถูกต้องหรือไม่ศาลอนุญาต เมื่อจำเลยยื่นคำให้การ จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ว่าคำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นมีข้อความไม่ถูกต้องคดีจึงไม่มีประเด็นโต้เถียงกันว่า คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยที่โจทก์แนบมาท้ายฟ้องนั้นไม่ถูกต้อง การที่วินิจฉัยว่ากรมธรรม์ประกันภัยมีข้อความอย่างใด และมีความหมายเป็นประการใดศาลจึงต้องยึดถือคำแปลภาษาไทยดังปรากฏที่โจทก์แนบมาพร้อมฟ้อง
คำแปลกรมธรรม์ประกันภัยเป็นภาษาไทยมีข้อความเกี่ยวกับความรับผิดของจำเลย (ผู้รับประกันภัย) ว่า "กรมธรรม์นี้คุ้มครองถึงความสูญเสียไม่ว่าจะเนื่องด้วยสาเหตุอื่นใดอันเกิดแต่การได้รับบาดเจ็บทางร่างกายจากอุบัติเหตุไม่ว่าจะเป็นโดยตรงหรือลำพังก็ตามทีตามเงื่อนไขบทบัญญัติข้อยกเว้นและข้อคุ้มครองที่ระบุไว้ในที่นี้"ส่วนประโยชน์ที่ได้รับระบุไว้ว่า การประกันภัยที่จะอำนวยผลประโยชน์ในหนี้ใช้ได้เฉพาะในเรื่องการได้รับบาดเจ็บอันตรายอันอาจทำให้สูญเสียชีวิต แขนขาขาดและชดใช้ค่ารักษาพยาบาล อันจะเกิดขึ้นโดยตรงหรือไม่ว่าโดยลำพัง จากสาเหตุใด ๆ ก็ตาม ตามที่ได้ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ฯลฯ" ดังนี้ เห็นว่าการที่ พ. (ผู้เอาประกันภัย) หกล้มขณะลงจากรถ ย่อมถือว่าเป็นอุบัติเหตุ เมื่อเป็นเหตุให้มดลูกแตกปริจึงถือว่าเป็นสาเหตุโดยตรงที่ทำให้ พ. ถึงแก่ความตายจำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามกรมธรรม์ประกันภัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาประกันภัย, ค่าเวนคืนกรมธรรม์, และสิทธิการรับเงินปันผลเมื่อสัญญาประกันภัยสิ้นผล
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 894 ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะบอกเลิกสัญญาประกันภัยในเวลาใด ๆ ก็ได้ ด้วยการงดส่งเบี้ยประกันภัยต่อไป ถ้าและได้ส่งเบี้ยประกันภัยมาแล้วอย่างน้อยสามปีผู้เอาประกันภัยชอบที่จะได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยหรือรับกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จจากผู้รับประกันภัย เมื่อผู้เอาประกันภัยงดส่งเบี้ยประกันภัย ก็ต้องถือว่าบอกเลิกสัญญาประกันภัยแล้วนับแต่วันที่งดส่งเบี้ยประกันภัยเป็นต้นมา หาจำต้องบอกเลิกสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ แม้เงื่อนไขแห่งกรมธรรม์จะระบุว่าหากผู้เอาประกันภัยกลับมาต่ออายุสัญญาใหม่ภายในกำหนดห้าปีเบี้ยประกันภัยที่ชำระไว้แล้วจะไม่ถูกริบ ก็กำหนดไว้ด้วยว่าการต่ออายุสัญญาต้องตรวจสุขภาพผู้เอาประกันภัยตามระเบียบ เมื่อผู้เอาประกันภัยมิได้กลับมาต่ออายุสัญญาจนกระทั่งผู้รับประกันภัยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิได้รับเพียงเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์เท่านั้น
เงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่า ผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้เอาประกันภัยโดยเริ่มเฉลี่ยให้ทุกปีหลังจากเมื่อผู้เอาประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยไว้ครบสองปีแล้ว ตามเงื่อนไขนี้หมายความว่าผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินปันผลให้เมื่อสัญญาประกันภัยยังมีอยู่ หากสัญญาประกันภัยเลิกกันแล้วผู้เอาประกันภัยหามีสิทธิได้รับเงินปันผลต่อไปไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2513

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาประกันภัย, ค่าเวนคืนกรมธรรม์, และสิทธิรับเงินปันผลเมื่อสัญญาประกันภัยสิ้นสุด
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 894 ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะบอกเลิกสัญญาประกันภัยในเวลาใด ๆ ก็ได้ ด้วยการงดส่งเบี้ยประกันภัยต่อไป ถ้าและได้ส่งเบี้ยประกันภัยมาแล้วอย่างน้อยสามปี ผู้เอาประกันภัยชอบที่จะได้รับเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันภัยหรือรับกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จจากผู้รับประกันภัย
เมื่อผู้เอาประกันภัยงดส่งเบี้ยประกันภัย ก็ต้องถือว่าบอกเลิกสัญญาประกันภัยแล้วนับแต่วันที่งดส่งเบี้ยประกันภัยเป็นต้นมา หาจำต้องบอกเลิกสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ แม้เงื่อนไขแห่งกรมธรรม์จะระบุว่าหากผู้เอาประกันภัยกลับมาต่ออายุสัญญาใหม่ภายในกำหนดห้าปี เบี้ยประกันภัยที่ชำระไว้แล้วจะไม่ถูกริบ ก็กำหนดไว้ด้วยว่าการต่ออายุสัญญาต้องตรวจสุขภาพผู้เอาประกันภัยตามระเบียบ เมื่อผู้เอาประกันภัยมิได้กลับมาต่ออายุสัญญาจนกระทั่งผู้รับประกันภัยถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ผู้เอาประกันภัยย่อมมีสิทธิได้รับเพียงเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์เท่านั้น
เงื่อนไขแห่งกรมธรรม์ประกันภัยระบุว่า ผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้เอาประกันภัยโดยเริ่มเฉลี่ยให้ทุกปีหลังจากเมื่อผู้เอาประกันภัยได้ชำระเบี้ยประกันภัยไว้ครบสองปีแล้ว ตามเงื่อนไขนี้หมายความว่าผู้รับประกันภัยจะจ่ายเงินปันผลให้เมื่อสัญญาประกันภัยยังมีอยู่ หากสัญญาประกันภัยเลิกกันแล้วผู้เอาประกันภัยหามีสิทธิได้รับเงินปันผลต่อไปไม่
of 116