พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 743/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำพิพากษาถึงที่สุดหลังขาดนัดสืบพยาน โจทก์ขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้
เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบ และว่าโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องได้จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์โจทก์มิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น คำพิพากษาศาลชั้นต้นจึงเป็นอันยุติ ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว โจทก์กลับยื่นคำร้องขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ศาลจะยกขึ้นพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 วรรคสอง ไม่ได้เพราะมิใช่เป็นเรื่องศาลชั้นต้นยกฟ้องเพราะเหตุโจทก์ขาดนัด(อ้างฎีกาที่ 872/2492)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสมคบข่มขืนกระทำชำเรา ไม่ถือเป็นการสมคบปล้นทรัพย์ แม้จะมีเหตุการณ์ลักทรัพย์เกิดขึ้น
จำเลยสมคบร่วมกับพวกไปดักฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา มิได้มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์.แต่พรรคพวกของจำเลยได้ล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไปด้วย อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที. จะฟังว่าจำเลยสมคบรู้เห็นกับพวกในการลักทรัพย์ผู้เสียหายนั้นด้วยไม่ได้. จำเลยคงมีผิดฐานฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสมคบคิด: การแยกแยะความผิดฐานฉุดคร่าข่มขืนกับความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้มีเหตุการณ์ชิงทรัพย์เกิดขึ้น
จำเลยสมคบร่วมกับพวกไปดักฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา มิได้มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์แต่พรรคพวกของจำเลยได้ล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไปด้วย อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที จะฟังว่าจำเลยสมคบรู้เห็นกับพวกในการลักทรัพย์ผู้เสียหายนั้นด้วยไม่ได้จำเลยคงมีผิดฐานฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาสมคบฉุดคร่าข่มขืน ไม่ถึงเจตนาปล้นทรัพย์ แม้พรรคพวกจะกระทำ
จำเลยสมคบร่วมกับพวกไปดักฉุดคร่าผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารและข่มขืนกระทำชำเรา มิได้มุ่งประสงค์ต่อทรัพย์แต่พรรคพวกของจำเลยได้ล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์ของผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไปด้วย อันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในฉับพลันทันที จะฟังว่าจำเลยสมคบรู้เห็นกับพวกในการลักทรัพย์ผู้เสียหายนั้นด้วยไม่ได้ จำเลยคงมีผิดฐานฉุดคร่าและข่มขืนกระทำชำเราเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายทวงหนี้ไม่ใช่ค่าเสียหายพิเศษ ผู้ผิดนัดไม่ต้องรับผิด
ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สิน มิใช่ผลเกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาไม่ชำระหนี้. จะถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษก็ไม่ได้. ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้ฝ่ายผิดนัดผิดสัญญาต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายทวงหนี้ไม่ใช่ค่าเสียหายจากการผิดสัญญา แม้ผิดนัดชำระหนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรับผิด
ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สิน มิใช่ผลเกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาไม่ชำระหนี้ จะถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษก็ไม่ได้ ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้ฝ่ายผิดนัดผิดสัญญาต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าใช้จ่ายทวงหนี้ไม่ใช่ค่าเสียหายพิเศษ - ฝ่ายผิดนัดไม่จำเป็นต้องรับผิด
ค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงถามหนี้สิน มิใช่ผลเกิดขึ้นโดยตรงจากการผิดสัญญาไม่ชำระหนี้จะถือว่าเป็นค่าเสียหายพิเศษก็ไม่ได้ทั้งไม่มีกฎหมายบังคับให้ฝ่ายผิดนัดผิดสัญญาต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินส่วนตัวภริยาได้รับการคุ้มครอง แม้หลังสมรส และการอายัดทรัพย์ต้องมีจำเลยเป็นผู้ถูกฟ้อง
การที่ผู้ร้องซ่อมแซมบ้านซึ่งปลูกในที่อันเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องอีกทั้งผู้ร้องยังสร้างบ้านขึ้นใหม่อีกหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวภายหลังจากการสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้น เมื่อผู้ร้องได้เอาเงินอันเป็นดอกผลของสินส่วนตัวของผู้ร้องเองใช้จ่ายในการซ่อมแซมและปลูกสร้างแล้วที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดก็ย่อมเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1464(4) และมาตรา 1465 วรรคท้าย โจทก์จะขออายัดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ไว้ก่อนมีคำพิพากษาหาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย กรณีจึงไม่เข้าตามมาตรา 254(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินส่วนตัวภริยาหลังสมรส: การซ่อมแซมและสร้างบ้านด้วยเงินส่วนตัวของผู้ร้อง ไม่ถือเป็นสินสมรส
การที่ผู้ร้องซ่อมแซมบ้านซึ่งปลูกในที่อันเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง. อีกทั้งผู้ร้องยังสร้างบ้านขึ้นใหม่อีกหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวภายหลังจากการสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้น. เมื่อผู้ร้องได้เอาเงินอันเป็นดอกผลของสินส่วนตัวของผู้ร้องเองใช้จ่ายในการซ่อมแซมและปลูกสร้างแล้ว. ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดก็ย่อมเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1464(4) และมาตรา 1465 วรรคท้าย. โจทก์จะขออายัดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ไว้ก่อนมีคำพิพากษาหาได้ไม่. เพราะโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย. กรณีจึงไม่เข้าตามมาตรา 254(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่. ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้.
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่. ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 676/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สินส่วนตัวภริยาและการอายัดทรัพย์: แม้สร้างหลังสมรสก็เป็นสินส่วนตัวโจทก์ไม่อาจอายัดได้
การที่ผู้ร้องซ่อมแซมบ้านซึ่งปลูกในที่อันเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้อง อีกทั้งผู้ร้องยังสร้างบ้านขึ้นใหม่อีกหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวภายหลังจากการสมรสระหว่างผู้ร้องกับจำเลยนั้น เมื่อผู้ร้องได้เอาเงินอันเป็นดอกผลของสินส่วนตัวของผู้ร้องเองใช้จ่ายในการซ่อมแซมและปลูกสร้างแล้ว ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดก็ย่อมเป็นสินส่วนตัวของผู้ร้องตามความในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1464(4) และมาตรา 1465 วรรคท้าย โจทก์จะขออายัดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ไว้ก่อนมีคำพิพากษาหาได้ไม่ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องผู้ร้องเป็นจำเลยด้วย กรณีจึงไม่เข้าตามมาตรา 254(1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่ ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้
สินส่วนตัวของภริยานั้น หาได้มีบทกฎหมายใดบัญญัติให้ถือว่าเป็นทรัพย์สินของสามีผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาด้วยไม่ ดังนั้น จึงไม่อาจนำบทบัญญัติในมาตรา 282วรรคท้ายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้กับกรณีนี้ได้