พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตำบลที่เกิดเหตุ แต่จำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษได้ตามข้อเท็จจริง
ฟ้องผิดตำบล ถ้าจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลพิพากษาลงโทษได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 356/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องผิดตำบลไม่ทำให้จำเลยหลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษได้ตามข้อเท็จจริง
ฟ้องผิดตำบล ถ้าจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ศาลพิพากษาลงโทษได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนโดยนัย: สิทธิในการอยู่อาศัยแลกกับการช่วยค่าก่อสร้าง แม้ไม่จดทะเบียนก็มีผลผูกพัน
คำให้การจำเลยที่ว่า ได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์ และโจทก์ตกลงจะให้จำเลยได้อยู่ในตึกแถว 2 คูหา มีกำหนดเวลา 25 ปีนั้น พอถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นโดยจำเลยชำระเงินจำนวนวหนึ่งให้แก่โจทก์ จึงอนุมานได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยนัยอยู่ในตัว
สัญญาเช่นนี้แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ใช้บังคับตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ได้ (อ้างฎีกาที่ 1627/2505 และที่ 1152/2507)
สัญญาเช่นนี้แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ใช้บังคับตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ได้ (อ้างฎีกาที่ 1627/2505 และที่ 1152/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 349/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนโดยนัย: สิทธิการอยู่อาศัยจากการช่วยเหลือค่าก่อสร้าง แม้ไม่จดทะเบียนก็มีผลผูกพัน
คำให้การจำเลยที่ว่า ได้ออกเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์และโจทก์ตกลงจะให้จำเลยได้อยู่ในตึกแถว 2 คูหา มีกำหนดเวลา 25 ปีนั้น พอถือได้ว่าจำเลยต่อสู้ว่าจำเลยมีสิทธิอยู่ในตึกแถวที่โจทก์สร้างขึ้นโดยจำเลยชำระเงินจำนวนหนึ่งให้แก่โจทก์จึงอนุมานได้ว่าเป็นสัญญาต่างตอบแทนโดยนัยอยู่ในตัว
สัญญาเช่นนี้แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ใช้บังคับตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ได้
(อ้างฎีกาที่ 1627/2505 และที่ 1152/2507)
สัญญาเช่นนี้แม้จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ใช้บังคับตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ได้
(อ้างฎีกาที่ 1627/2505 และที่ 1152/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความชอบด้วยกฎหมายของฟ้อง และอัตราดอกเบี้ยตามตั๋วแลกเงิน
บรรยายฟ้องว่า ขั้นแรกจำเลยออกตั๋วแลกเงินโดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายนำมาขายให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทวงถามเงินที่จำเลยรับไปจากผู้จ่ายไม่ได้ จึงทวงถามจากจำเลย จำเลยกลับนำเช็คทั้ง 3 ฉบับซึ่งเป็นเช็คลงวันที่ล่วงหน้า โดยบุคคลภายนอกเป็นผู้สั่งจ่ายมาโอนขายให้โจทก์อีก เพื่อเป็นการชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงิน ในการนี้จำเลยลงนามสลักหลังเป็นผู้รับอาวัลเช็คทั้ง 3 ฉบับด้วย เช็คถึงกำหนดปรากฏว่าบุคคลภายนอกนั้นไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยในฐานที่จำเลยเป็นผู้รับอาวัล ดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายฟ้องให้ทราบถึงมูลหนี้เดิมว่าเป็นมาอย่างไร บัดนี้จำเลยต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อย่างไร หาใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องทั้งหนี้ตามตั๋วแลกเงินและหนี้ตามเช็คไม่ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำข้อบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
ข้อกำหนดให้คิดดอกเบี้ยตามที่โจทก์นำสืบมิได้ระบุไว้ในตั๋วแลกเงิน ฉะนั้น แม้โจทก์มีพยานบุคคลมาสืบได้ความว่าจำเลยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี หามีบทบังคับให้จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราตาที่โจทก์นำสืบหาไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968(2) ที่บัญญัติให้ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราเพียงร้อยละห้าต่อปี นับแต่วันที่ตั๋วแลกเงินถึงกำหนดเท่านั้น
ข้อกำหนดให้คิดดอกเบี้ยตามที่โจทก์นำสืบมิได้ระบุไว้ในตั๋วแลกเงิน ฉะนั้น แม้โจทก์มีพยานบุคคลมาสืบได้ความว่าจำเลยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี หามีบทบังคับให้จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราตาที่โจทก์นำสืบหาไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968(2) ที่บัญญัติให้ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราเพียงร้อยละห้าต่อปี นับแต่วันที่ตั๋วแลกเงินถึงกำหนดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเรียกเงินจากตั๋วแลกเงินและเช็ค ผู้รับอาวัลต้องรับผิดตามมูลหนี้เดิม และดอกเบี้ยตามกฎหมาย
บรรยายฟ้องว่า ชั้นแรกจำเลยออกตั๋วแลกเงิน โดยจำเลยลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายนำมาขายให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทวงถามเงินที่จำเลยรับไปจากผู้จ่ายไม่ได้ จึงทวงถามจากจำเลย จำเลยกลับนำเช็คทั้ง 3 ฉบับซึ่งเป็นเช็คลงวันที่ล่วงหน้าโดยบุคคลภายนอกเป็นผู้สั่งจ่ายมาโอนขายให้โจทก์อีก เพื่อเป็นการชำระหนี้ตามตั๋วแลกเงินในการนี้จำเลยลงนามสลักหลังเป็นผู้รับอาวัลเช็คทั้ง 3 ฉบับด้วย เช็คถึงกำหนด ปรากฏว่าบุคคลภายนอกนั้นไม่มีเงินในบัญชีธนาคาร โจทก์จึงฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยเป็นผู้รับอาวัลดังนี้ เป็นเรื่องที่โจทก์บรรยายฟ้องให้ทราบถึงมูลหนี้เดิมว่าเป็นมาอย่างไรบัดนี้จำเลยต้องรับผิดชอบต่อโจทก์อย่างไร หาใช่เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกร้องทั้งหนี้ตามตั๋วแลกเงินและหนี้ตามเช็คไม่ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 แล้ว
ข้อกำหนดให้คิดดอกเบี้ยตามที่โจทก์นำสืบมิได้ระบุไว้ในตั๋วแลกเงินฉะนั้น แม้โจทก์จะมีพยานบุคคลมาสืบได้ความว่าจำเลยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี หามีผลบังคับให้จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราตามที่โจทก์นำสืบมาไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968(2) ที่บัญญัติให้ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราเพียงร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ตั๋วแลกเงินถึงกำหนดเท่านั้น
ข้อกำหนดให้คิดดอกเบี้ยตามที่โจทก์นำสืบมิได้ระบุไว้ในตั๋วแลกเงินฉะนั้น แม้โจทก์จะมีพยานบุคคลมาสืบได้ความว่าจำเลยตกลงยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ร้อยละ 15 ต่อปี หามีผลบังคับให้จำเลยต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราตามที่โจทก์นำสืบมาไม่ กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 968(2) ที่บัญญัติให้ผู้ทรงตั๋วแลกเงินมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยในอัตราเพียงร้อยละห้าต่อปีนับแต่วันที่ตั๋วแลกเงินถึงกำหนดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ศาลพิพากษายืนตามอุทธรณ์ให้ยกฟ้อง
ผู้ตายเงื้อมีดพร้าเข้าไปหาจำเลย จำเลยถอยหลังหนี ผู้ตายยังตามเข้าไป พอจำเลยถอยไปสะดุดคันนา ผู้ตายยกมีดพร้าขึ้นจะฟัน จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตาย 1 ทีถูกที่คอขาด การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ศาลฎีกายืนยันการยกฟ้อง
ผู้ตายเงื้อมีดพร้าเข้าไปหาจำเลย จำเลยถอยหลังหนีผู้ตายยังตามเข้าไปพอจำเลยถอยไปสะดุดคันนาผู้ตายยกมีดพร้าขึ้นจะฟันจำเลยจึงใช้มีดพร้าฟันผู้ตาย 1 ทีถูกที่คอขาดการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาแม้ไม่จดทะเบียนก็มีผลใช้ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าคืนได้หากจำเลยผิดสัญญา
แม้สัญญาเช่านา 10 ปีจะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์ก็มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่านาที่จำเลยรับไปล่วงหน้าคืน เพราะจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ทำนาได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไป เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไป เมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 288/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่านาแม้ไม่จดทะเบียน ก็มีผลบังคับใช้ได้ โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเช่าล่วงหน้าคืนได้หากจำเลยผิดสัญญา
แม้สัญญาเช่านา 10 ปี จะมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่านาที่จำเลยรับไปล่วงหน้าคืนเพราะจำเลยผิดสัญญาไม่ยอมให้โจทก์ทำนาได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไปเมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
สัญญาเช่าที่มิได้ปิดอากรแสตมป์ในขณะทำสัญญาไม่เสียไปเมื่อได้ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนแล้วในภายหลัง ศาลก็ย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้