พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรมยกทรัพย์สินให้สถานที่สักการะ: ผู้รับต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีสิทธิได้ตามกฎหมาย
ในเรื่องมรดกนั้นเมื่อบุคคลใดตาย ทรัพย์สินของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาท(ทายาทโดยชอบธรรม, ผู้รับพินัยกรรม) ถ้าไม่มีทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม หรือการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรม มรดกของผู้นั้นจะตกทอดแก่แผ่นดิน พินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยให้บุคคลใดอยู่ในภาระติดพันที่จะต้องก่อตั้งมูลนิธิ เมื่อมีการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรมเป็นนิติบุคคลแล้ว จึงให้ถือว่าทรัพย์สินนั้นตกเป็นของมูลนิธินิติบุคคลนั้นตั้งแต่เวลาซึ่งพินัยกรรมมีผล พินัยกรรมที่สั่งจัดสรรทรัพย์สินไว้โดยตรงเพื่อประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81 เช่น เพื่อบำเพ็ญทาน การศาสนา ฯลฯ ผู้รับตามพินัยกรรมนั้นจะต้องเป็นบุคคลสามารถมีสิทธิหน้าที่ได้ตามกฎหมายเพราะถ้าผู้รับมิใช่บุคคล ไม่สามารถมีสิทธิเหนือทรัพย์สิน ทรัพย์สินนั้นจะเป็นทรัพย์สินอันไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของจะตกทอดแก่แผ่นดิน ในกรณีที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่สถานที่สักการะบรรพบุรุษ(ซื่อตึ๊ง) เมื่อสถานที่สักการะบรรพบุรุษมิใช่บุคคล จึงไม่อาจเป็นผู้ทรงสิทธิเหนือทรัพย์สินได้ ดังนั้น ข้อกำหนดตามพินัยกรรมจึงไม่มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าในฐานะพินัยกรรมธรรมดาหรือพินัยกรรมก่อตรั้งทรัสต์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินให้สถานที่สักการะบรรพบุรุษซึ่งมิใช่บุคคล ทำให้ข้อกำหนดในพินัยกรรมเป็นโมฆะ ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน
ในเรื่องมรดกนั้นเมื่อบุคคลใดตาย ทรัพย์สินของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาท (ทายาทโดยธรรมผู้รับพินัยกรรม) ถ้าไม่มีทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม หรือการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรมมรดกของผู้นั้นจะตกทอดแก่แผ่นดินพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยให้บุคคลใดอยู่ในภาระติดพันที่จะต้องก่อตั้งมูลนิธิ เมื่อมีการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรมเป็นนิติบุคคลแล้วจึงให้ถือว่าทรัพย์สินนั้นตกเป็นของมูลนิธินิติบุคคลนั้นตั้งแต่เวลาซึ่งพินัยกรรมมีผลพินัยกรรมที่สั่งจัดสรรทรัพย์สินไว้โดยตรงเพื่อประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 81 เช่น เพื่อบำเพ็ญทานการศาสนา ฯลฯ ผู้รับตามพินัยกรรมนั้นจะต้องเป็นบุคคลสามารถมีสิทธิหน้าที่ได้ตามกฎหมาย เพราะถ้าผู้รับมิใช่บุคคล ไม่สามารถมีสิทธิเหนือทรัพย์สิน ทรัพย์สินนั้นจะเป็นทรัพย์สินอันไม่มีเอกชนเป็นเจ้าของจะตกทอดแก่แผ่นดิน ในกรณีที่เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้แก่สถานที่สักการะบรรพบุรุษ (ชื่อตึ๊ง) เมื่อสถานที่สักการะบรรพบุรุษมิใช่บุคคล จึงไม่อาจเป็นผู้ทรงสิทธิเหนือทรัพย์สินได้ดังนั้น ข้อกำหนดตามพินัยกรรมจึงไม่มีผลใช้บังคับได้ตามกฎหมาย ไม่ว่าในฐานะพินัยกรรมธรรมดาหรือพินัยกรรมก่อตั้งทรัสต์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบที่จะพิจารณาคดีโดยไม่ต้องสืบพยานจำเลยหากมีพฤติการณ์ประวิงคดีอย่างชัดเจน
ศาลนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ 28 สิงหาคม 2504 จำเลยขอเลื่อน 11 ครั้งอ้างเหตุทนายป่วยบ้าง ตัวจำเลยป่วยบ้าง ตัวจำเลยไปต่างจังหวัดบ้าง จนถึงนัดสุดท้ายวันที่ 14 มกราคม 2506 ทนายจำเลยแถลงลอยๆว่า จำเลยป่วยอยู่ต่างจังหวัด พยานอื่นก็ไม่ได้นำมาขอเลื่อนคดีอีกเช่นนี้ ส่อให้เห็นว่าเป็นการประวิงคดี ศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 570/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีและการงดสืบพยาน: ศาลชอบที่จะชี้ขาดโดยไม่ต้องสืบพยานเมื่อจำเลยประวิงคดีโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ศาลนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกวันที่ 28 สิงหาคม 2504 จำเลยขอเลื่อน 11 ครั้งอ้างเหตุทนายป่วยบ้าง ตัวจำเลยป่วยบ้าง ตัวจำเลยไปต่างจังหวัดบ้าง จนถึงนัดสุดท้ายวันที่ 14 มกราคม 2506 ทนายจำเลยแถลงลอย ๆ ว่า จำเลยป่วยอยู่ต่างจังหวัด พยานอื่นก็ไม่ได้นำมาขอเลื่อนคดีอีก เช่นนี้ ส่อให้เห็นว่าเป็นการประวิงคดีศาลสั่งงดสืบพยานจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความรุนแรงของการบาดเจ็บตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ว่าเข้าข่าย 'อันตรายสาหัส' หรือไม่ กรณีฟันหัก
การถูกกระทำร้ายถึงเสียอวัยวะที่จะถือว่าเป็นอันตรายสาหัสตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 คำว่าอวัยวะอื่นใดในอนุมาตรา 3 นั้น ย่อมหมายถึงอวัยวะอื่นนอกจากที่ระบุไว้ซึ่งต้องเป็นอวัยวะที่สำคัญเช่นกันและเมื่อสูญเสียอวัยวะนั้นไปแล้วย่อมเป็นเหตุให้ผู้ได้รับอันตรายกลายเป็นคนพิการไปด้วย
การที่จำเลยขับรถโดยประมาทชนรถผู้อื่นทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บฟันหัก 1 ซี่ นั้นยังถือไม่ได้ว่าได้รับอันตรายสาหัสตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
การที่จำเลยขับรถโดยประมาทชนรถผู้อื่นทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บฟันหัก 1 ซี่ นั้นยังถือไม่ได้ว่าได้รับอันตรายสาหัสตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 467/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณา 'อันตรายสาหัส' ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297: การสูญเสียฟันไม่ถือเป็นอันตรายสาหัส
การถูกกระทำร้ายถึงเสียอวัยวะที่จะถือว่าเป็นอันตรายสาหัสตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 คำว่า อวัยวะอื่นใดในอนุมาตรา 3 นั้น ย่อมหมายถึงอวัยวะอื่นนอกจากที่ระบุไว้ ซึ่งต้องเป็นอวัยวะที่สำคัญเช่นกันและเมื่อสูญเสียอวัยวะนั้นไปแล้ว ย่อมเป็นเหตุให้ผู้ได้รับอันตรายกลายเป็นคนพิการไปด้วย
การที่จำเลยขับรถโดยประมาทชนรถผู้อื่นทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บฟันหัก 1 ซี่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าได้รับอันตรายสาหัสตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
การที่จำเลยขับรถโดยประมาทชนรถผู้อื่นทำให้ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บฟันหัก 1 ซี่นั้น ยังถือไม่ได้ว่าได้รับอันตรายสาหัสตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลของพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกที่ทำขึ้นหลังการแบ่งทรัพย์สินให้บุตรแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ตายได้แบ่งที่พิพาท 2 แปลงให้บุตรทุกคนเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่ไว้ทำกิน 2 แห่ง พินัยกรรมของผู้ตายที่ยกที่ที่กันไว้ทำกินให้จำเลยนั้นเห็นว่าเป็นพินัยกรรมปลอมไม่สมบูรณ์ จึงให้แบ่งที่ที่กันไว้นั้นแก่บุตรทั้ง 6 คน ให้โจทก์ จำเลยได้คนละ 1 ส่วน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พินัยกรรมที่ผู้ตายทำไว้ใช้ได้โดยชอบพิพากษาแก้ให้ที่ที่ผู้ตายกันไว้ทำกินทั้งหมดเป็นของจำเลยถือว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นมาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 431/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินให้บุตรโดยพินัยกรรมหลังแบ่งมรดกแล้ว พินัยกรรมสมบูรณ์มีผลผูกพัน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ตายได้แบ่งที่พิพาท 2 แปลงให้บุตรทุกคนเป็นส่วนสัดไปแล้ว คงกันที่ไว้ทำกิน 2 แห่ง พินัยกรรมของผู้ตายที่ยกที่กันไว้ทำกินให้จำเลยนั้น เห็นว่าเป็นพินัยกรรมปลอม ไม่สมบูรณ์ จึงให้แบ่งที่ที่กันไว้นั้นแก่บุตรทั้ง 6 คน ให้โจทก์จำเลยได้คนละ 1 ส่วน ศาลอุทธรณ์เห็นว่า พินัยกรรมที่ผู้ตายทำไว้ใช้ได้โดยชอบ พิพากษาแก้ให้ที่ที่ผู้ตายกันไว้ทำกินทั้งหมดเป็นของจำเลย ถือว่าศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นมาก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรุกล้ำทางสาธารณะด้วยรั้วกีดขวางการใช้ทางของผู้อื่น เป็นการละเมิดและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยขึงลวดหนามทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในสาธารณะทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้รถยนต์บรรทุกผ่านไปมาได้ตามปกตินั้น ถือว่าจำเลยได้กระทำละเมิด ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 427/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขึงรั้วล้ำทางสาธารณะเป็นการละเมิด ทำให้ผู้อื่นใช้ทางไม่ได้ จำเลยต้องชดใช้ค่าเสียหาย
การที่จำเลยขึงลวดหนามทำรั้วรุกล้ำเข้าไปในทางสาธารณะทำให้โจทก์ไม่สามารถใช้รถยนต์บรรทุกผ่านไปมาได้ตามปกตินั้นถือว่าจำเลยได้กระทำละเมิด ต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์