คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาออกเช็ค - เช็คยังไม่สมบูรณ์ - สัญญาจะซื้อขายที่ไม่สมบูรณ์ - การไม่มีมูลหนี้
ผู้เสียหายขายที่ดินให้จำเลยราคาเท่าจำนวนเงินในเช็ค แต่ทำสัญญาจะซื้อขายกำหนดราคาเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าของจำนวนเงินในเช็คโดยรู้กันว่าเพื่อจะให้จำเลยวิ่งเต้นนำที่ดินไปจำนองธนาคารในราคาสูงกว่าที่ซื้อโดยไม่คิดจะไถ่จำนอง จำนวนเงินจำนองที่สูงกว่าจำนวนเงินในเช็คให้ตกเป็นของจำเลยผู้วิ่งเต้นจำนอง ทั้งนี้โดยผู้เสียหายรู้ดีว่าจำเลยไม่มีเงินฝากในธนาคารพอจ่าย และการออกเช็คก็เพื่อให้สมรูปกับการอำพรางว่ามีการวางมัดจำตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะซื้อขาย ผู้เห็นสัญญาจะได้เห็นจริงเห็นจังไปด้วย
เช็คฉบับนี้จะเกิดมูลหนี้ต่อกันก็เมื่อจำเลยทำจำนองได้เงินมาแล้วเท่านั้น เมื่อผู้เสียหายกลับนำเช็คไปขอรับเงินทั้งที่รู้ว่าจำเลยยังทำจำนองไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเช็คยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คนั้น จำเลยไม่ความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คด และไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงใช้เงินได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 170/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คยังไม่สมบูรณ์: เงื่อนไขจำนองไม่สำเร็จ ผู้รับเช็คทราบแต่ยังขอขึ้นเงิน ผู้ออกเช็คไม่มีความผิด
ออกเช็คโดยมีข้อตกลงกันไว้ว่า ให้เกิดมูลหนี้ต่อกันขึ้นต่อเมื่อผู้ออกเช็คได้จำนองที่ดินได้เงินมาจากธนาคารแล้ว การที่ผู้เสียหายกลับนำเช็คนั้นไปขอรับเงินจากธนาคารโดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ออกเช็คยังทำจำนองไม่ได้เช่นนี้ ต้องถือว่าเช็คนั้นยังไม่สมบูรณ์และยังไม่ถึงกำหนดจ่ายเงินตามเช็คผู้ออกเช็คยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การรู้ตัวผู้ต้องชดใช้ค่าเสียหายเริ่มต้นเมื่อทราบตัวผู้กระทำละเมิด ไม่จำเป็นต้องรู้จำนวนค่าเสียหายที่แน่นอน
ผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ก็คือ ผู้ทำละเมิดตามมาตรา 420 นั่นเองและการรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 448 นั้น ก็มิได้หมายรวมถึงการรู้จำนวนค่าเสียหายที่ผู้ละเมิดจะพึงต้องใช้ด้วย
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกัน เมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่า จำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใด ย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้นๆเป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้วแม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่า ในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 137/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: การรู้ตัวผู้ละเมิดเริ่มต้นเมื่อทราบการกระทำละเมิด ไม่จำเป็นต้องรู้จำนวนค่าเสียหาย
ผู้พึงจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนซึ่งกล่าวไว้ในมาตรา 448 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น ก็คือ ผู้ทำละเมิดตามมาตรา 420 นั่นเอง และการรู้ตัวผู้พึงต้องใช้ค่าไหมทดแทนดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 448 นั้น ก็มิได้หมายรวมถึงการรู้จำนวนค่าเสียหายที่ผู้ละเมิดจะพึงต้องใช้ด้วย
เสมียนแผนกเงินยักยอกเงินของทางราชการในระหว่างที่จำเลย 3 คนดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกเงินสืบต่อกันเมื่ออธิบดีกรมนั้นได้รับรายงานจากคณะกรรมการสอบสวนว่าจำเลยคนใดจะต้องรับผิดเพียงใด เป็นจำนวนเงินเท่าใดย่อมแล้วแต่ความทุจริตซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จำเลยนั้น ๆ เป็นหัวหน้าแผนก ดังนี้ อายุความในการที่กรมนั้นจะใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยย่อมเริ่มต้นแล้ว แม้รายงานนั้นจะแจ้งด้วยว่าในขณะนั้นยังไม่สามารถจะรายงานให้ทราบจำนวนเงินซึ่งจำเลยแต่ละคนจะต้องรับผิดก็ตาม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตัดพยานจำเลยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นจะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 74/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของที่ดินริมน้ำฟ้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างกีดขวาง แม้ที่ดินนั้นเป็นสาธารณสมบัติ
เจ้าของที่ดินซึ่งมีเขตจดแม่น้ำ มีสิทธิฟ้องผู้ที่ปลูกเรือนอยู่ในที่ชายตลิ่งกีดขวางปิดกั้นหน้าที่ดินนั้นให้รื้อถอนเรือนออกไปได้แม้ที่ๆ ปลูกเรือนจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินก็ตามผู้ซื้อที่ดินที่มีเขตจดแม่น้ำยอมให้ผู้ขาย ซึ่งมีเรือนปลูกอยู่ในที่ชายตลิ่งหน้าที่ดินนั้นคงอยู่ต่อไปได้ 1 ปีจึงจะรื้อถอนไป ความยินยอมนี้ถือได้เพียงว่าไม่มีการละเมิดในระยะเวลาดังกล่าวนั้น เมื่อผู้ซื้อบอกกล่าวให้ผู้ขายรื้อถอนไปแล้ว ผู้ขายยังขัดขืน ผู้ซื้อฟ้องขับไล่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่สมบูรณ์, อายุความละเมิด, อายุความรับสภาพหนี้, ผู้ค้ำประกัน, ข้อต่อสู้เรื่องอายุความ
ฟ้องที่กล่าวเพียงว่า"สินค้าอื่น ๆ ซึ่งโจทก์จะได้เสนอหลักฐานต่อศาลในวันพิจารณาขาดไปคิดเป็นเงิน 57,266.58 บาท" เป็นฟ้องที่มิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหา เป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรค 2 โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันคนที่ทำละเมิดต่อโจทก์เพิ่อเรียกค่าเสียหายในการละเมิดนั้นเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความของผู้ที่ทำละเมิดต่อโจทก์ขึ้นต่อสู้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 68
อายุความเรียกค่าเสียหายในการละเมิดมี 1 ปี เมื่อจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้จากการละเมิด อายุความก็สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้องเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 วรรค 2 อายุความที่เริ่มนับใหม่ก็คือ 1 ปีเช่นเดิม ไม่ใช่ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องไม่สมบูรณ์, อายุความละเมิด, อายุความค้ำประกัน, การรับสภาพหนี้, เริ่มนับอายุความใหม่
ฟ้องที่กล่าวเพียงว่า 'สินค้าอื่นๆ ซึ่งโจทก์จะได้เสนอหลักฐานต่อศาลในวันพิจารณาขาดไปคิดเป็นเงิน 57,266.58 บาท' เป็นฟ้องที่มิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและขาดข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรค 2 โจทก์ฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันคนที่ทำละเมิดต่อโจทก์เพื่อเรียกค่าเสียหายในการละเมิดนั้นเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 จำเลยซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันยกข้อต่อสู้เรื่องอายุความของผู้ที่ทำละเมิดต่อโจทก์ขึ้นต่อสู้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 694
อายุความเรียกค่าเสียหายในการละเมิดมี 1 ปี เมื่อจำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้จากการละเมิดอายุความก็สะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 172 ต้องเริ่มนับอายุความขึ้นใหม่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 181 วรรค 2 อายุความที่เริ่มนับใหม่ก็คือ 1 ปีเช่นเดิม ไม่ใช่ 10 ปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ทำให้แท้งบุตรโดยยินยอม ผู้ตายรกหลุดจากมดลูก ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
ทำให้หญิงมีครรภ์แท้งโดยหยิงยินยอม หญิงตายในเวลาใกล้ๆกัน เพราะรกหลุดจากผนังมดลูก โดยถูกของแข็งกดมดลูกเลือดออกภายในมดลูกมากทนเจ็บปวดไม่ได้แพทย์ผ่ามดลูกพบเด็กอาการ 32 ครบ อายุประมาณ 3 เดือน ตายแล้วเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจตัดพยานหลักฐาน: พิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
of 116