คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้และการนำสืบพยาน: โจทก์มีสิทธิหักล้างข้ออ้างจำเลย แม้มิได้แถลงรับประเด็น
(1) ในกรณีที่คู่ความทำสัญญาซื้อขายของ และฝ่ายหนึ่งต่อสู้ว่าได้แปลงหนี้แต่นำสืบได้เพียงว่า อีกฝ่ายหนึ่งได้พูดว่าให้หาเงินมาให้เร็ว ถ้าช้าจะคิดดอกเบี้ยบ้างนั้น ตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรค 2 ยังไม่เป็นหลักฐานมั่นคงถึงกับจะฟังว่าได้มีการแปลงหนี้กันใหม่
(2) จำเลยเท่านั้นมีหน้าที่รับหรือปฏิเสธตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3 ฉะนั้น ในการที่จำเลยต่อสู้คดีมีข้ออ้างบางประการขึ้นนั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องแถลงรับหรือปฏิเสธ
(3) โดยเหตุผลในข้อ (2) ข้างบนนี้และเมื่อจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้ออ้างของจำเลย โจทก์ก็ย่อมนำสืบหักล้างได้ เพราะถ้าพยานหลักฐานใดเกี่ยวถึงข้อเท็จจริงที่ฝ่ายใดจะต้องนำสืบ พยานหลักฐานนั้นก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 87 (1) คือ มิใช่ว่าจะมีสิทธินำสืบแต่เฉพาะข้อที่ตนอ้างและมีหน้าที่ตามมาตรา 84, 85 เท่านั้น ข้อความที่ฝ่ายหนึ่งอ้างขึ้นฝ่ายเดียว อีกฝ่ายหนึ่งแม้จะไม่ได้อ้างข้อความนั้นก็สืบหักล้างได้ จะเป็นการสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนหรือหักล้างข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คงเป็นพยานในประเด็นเดียวกัน ซึ่งต่างนำสืบโต้เถียงกันนั่นเอง
(4) การนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยชำระหนี้รายอื่นเช่นนี้จะถือว่าโจทก์รับตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว และโจทก์อ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้รับว่าได้แปลงหนี้ใหม่ตามที่จำเลยอ้าง
(5) เมื่อศาลสอบถามโจทก์ตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว โจทก์มิได้แถลงให้เป็นประเด็นไว้ตามมาตรา 183 โจทก์ย่อมไม่มีประเด็นนำสืบ ตามฎีกาที่ 972/2492 แต่ถ้าศาลไม่ได้สอบถาม โจทก์มีสิทธินำสืบหักล้างได้ และเมื่อโจทก์ได้ถามค้านไว้ตามมาตรา 89 แล้ว ศาลย่อมรับฟังข้อนำสืบของโจทก์ได้ว่าเงินที่จำเลยชำระนั้นเป็นการชำระหนี้รายอื่น
(ข้อ (2), (3), (4), (5) ประชุมใหญ่ครั้งที่ 44/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ การนำสืบพยาน และหน้าที่แถลงประเด็นของคู่ความ
(1) ในกรณีที่คู่ความทำสัญญาซื้อขายของและฝ่ายหนึ่งต่อสู้ว่าได้แปลงหนี้ แต่นำสืบได้เพียงว่า อีกฝ่ายหนึ่งได้พูดว่าให้หาเงินมาให้เร็ว ถ้าช้าจะคิดดอกเบี้ยบ้าง นั้นตามนัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 321 วรรคสองยังไม่ได้เป็นหลักฐานมั่นคงถึงกับจะฟังว่าได้มีการแปลงหนี้กันใหม่
(2) จำเลยเท่านั้นมีหน้าที่รับหรือปฏิเสธตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสามฉะนั้น ในการที่จำเลยต่อสู้คดีมีข้ออ้างบางประการขึ้นนั้น โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องแถลงรับหรือปฏิเสธ
(3) โดยเหตุผลในข้อ (2) ข้างบนนี้และเมื่อจำเลยมีสิทธินำสืบตามข้ออ้างของจำเลยโจทก์ก็ย่อมนำสืบหักล้างได้ เพราะถ้าพยานหลักฐานใดเกี่ยวถึงข้อเท็จจริง ที่ฝ่ายใดจะต้องนำสืบ พยานหลักฐานนั้นก็ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 87(1) คือ มิใช่ว่าจะมีสิทธินำสืบแต่เฉพาะข้อที่ตนอ้างและมีหน้าที่ตามมาตรา 84,85 เท่านั้น ข้อความที่ฝ่ายหนึ่งอ้างขึ้นฝ่ายเดียวอีกฝ่ายหนึ่งแม้จะไม่ได้อ้างข้อความนั้นก็สืบหักล้างได้จะเป็นการสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนหรือหักล้างข้ออ้างของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คงเป็นพยานในประเด็นเดียวกัน ซึ่งต่างนำสืบโต้เถียงกันนั่นเอง
(4) การนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยชำระหนี้รายอื่นเช่นนี้จะถือว่าโจทก์รับตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว และโจทก์อ้างข้อเท็จจริงขึ้นใหม่หาได้ไม่ เพราะโจทก์ไม่ได้รับว่าได้แปลงหนี้ใหม่ตามที่จำเลยอ้าง
(5) เมื่อศาลสอบถามโจทก์ตามข้ออ้างของจำเลยแล้ว โจทก์มิได้แถลงให้เป็นประเด็นไว้ตามมาตรา 183 โจทก์ย่อมไม่มีประเด็นนำสืบ ตามฎีกาที่ 972/2492 แต่ถ้าศาลไม่ได้สอบถาม โจทก์มีสิทธินำสืบหักล้างได้ และเมื่อโจทก์ได้ถามค้านไว้ตามมาตรา 89 แล้ว ศาลย่อมรับฟังข้อนำสืบของโจทก์ได้ว่าเงินที่จำเลยชำระนั้นเป็นการชำระหนี้รายอื่น
(ข้อ (2),(3),(4),(5), ประชุมใหญ่ ครั้งที่44/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอเฉลี่ยทรัพย์ของทนายโจทก์ในคดีเดิม โดยไม่ต้องแต่งทนายเพิ่มเติม
การที่ทนายของโจทก์ในคดีเดิมใช้สิทธิขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีอื่นกระทำได้โดยไม่ต้องแต่งทนายเข้ามาในคดีที่เข้าขอส่วนเฉลี่ยนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 581/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอเฉลี่ยทรัพย์: ทนายในคดีเดิมมีอำนาจดำเนินการแทนตัวความในคดีอื่นได้โดยไม่ต้องแต่งทนายใหม่
การที่ทนายของโจทก์ในคดีเดิมใช้สิทธิขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในคดีอื่น กระทำได้โดยไม่ต้องแต่งทนายเข้ามาในคดีที่เข้าขอส่วนเฉลี่ยนั้นอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันค่านายหน้า หากซื้อขายไม่สำเร็จ สิทธิค่านายหน้าและเช็คเป็นอันเลิก สั่งจ่ายเช็คโดยไม่มีเจตนาทุจริต ไม่ผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยจ่ายเช็คให้เป็นหลักฐานป้องกันการโกงค่านายหน้า โดยตกลงกันว่า ถ้าการซื้อขายที่ดินไม่ตกลงกันก็เป็นอันยกเลิกเช็คนั้น ดังนี้ หากต่อมาไม่มีการซื้อขายที่ดินกัน สิทธิของนายหน้าอันจะได้เงินค่านายหน้าตามเช็คก็เป็นอันเลิกไปตามข้อสัญญาด้วย ฉะนั้น หากมีการนำเช็คไปขึ้นเงินและปรากฏว่าจำเลยมีเงินฝากบัญชีไม่พอจ่ายก็ดี จำเลยก็ยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 561/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อหลักประกันค่านายหน้า: สิทธิเลิกตามสัญญา
จำเลยจ่ายเช็คให้เป็นหลักฐานป้องกันการโกงค่านายหน้าโดยตกลงกันว่า ถ้าการซื้อขายที่ดินไม่ตกลงกันก็เป็นอันยกเลิกเช็คนั้นดังนี้หากต่อมาไม่มีการซื้อขายที่ดินกัน สิทธิของนายหน้าอันจะได้เงินค่านายหน้าตามเช็คก็เป็นอันเลิกไปตามข้อสัญญาด้วย ฉะนั้น หากมีการนำเช็คไปขึ้นเงินและปรากฏว่าจำเลยมีเงินฝากบัญชีไม่พอจ่ายก็ดีจำเลยก็ยังไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้ในศาล ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดเมื่อลูกหนี้ผิดนัด
จำเลยทำยอมชำระเงินแก่โจทก์ในศาล โดยมีผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามยอมนั้นด้วย ดังนี้ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามยอม โจทก์ย่อมบังคับยึดทรัพย์ของผู้ร้องชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 555/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้ในศาล: ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้
จำเลยทำยอมชำระเงินแก่โจทก์ในศาล โดยมีผู้ร้องเป็นผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ตามยอมนั้นด้วย ดังนี้ หากจำเลยไม่ชำระหนี้ตามยอม โจทก์ย่อมบังคับยึดทรัพย์ของผู้ร้องชำระหนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตของเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถือเป็นความผิดหมิ่นประมาท
พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 550/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแสดงความคิดเห็นของเจ้าพนักงานตามหน้าที่โดยสุจริต ไม่เป็นความผิดหมิ่นประมาท
พฤติการณ์ที่ถือว่าจำเลยแสดงความคิดเห็น โดยสุจริตในฐานะเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
of 116