คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การประมาทขับรถ ชนจักรยาน ผู้ตายถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นเหตุโดยตรง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยประมาทขับรถยนต์ด้วยความเร็ซสูงตามทางโค้งซึ่งเป็นทางลาดชัน และไม่ให้สัญญาณแตรเมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถจักรยานผู้ตาย ทั้งผู้ตายยังไม่ให้สัญญาณให้แซงได้ กับจำเลยไม่ขับรถยนต์หลบข้างทางซ้ายซึ่งยังมีทางเหลืออยู่ถึง 7 เมตร เป็นเหตุให้รถยนต์จำเลยชนรถจักรยานผุ้ตาย ดังนี้ ย่อมเป็นฟ้องที่บรรยายเหตุแห่งการประมาทของจำเลยไว้พอที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาได้ดี และเป็นฟ้องที่สมบุรณ์ตามกฎหมายแล้ว
การที่จำเลยขับรถยนต์โดยประมาทด้วยความเร็วสูงชนท้ายรถจักรยานผู้ตาย ๆ ตกจากรถกระเด็นไปไกล 4 เมตร รุ่งขึ้นมีอาการมึนซึมปวดศีรษะมาก และถึงแก่กรรมหลังจากนั้นเพียง 3 วัน เช่นนี้ ถือได้ว่าผู้ตายตายเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยโดยตรง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1899/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เสื่อรองโขกโบกเป็นเครื่องมือการพนันได้ หากใช้ในการเล่นจริง ศาลมีอำนาจริบได้ แต่ต้องพิจารณาพฤติการณ์
1. เสื่อปรือที่ใช้รองโขกโบกจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 10 วรรค 2 หรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย
2. เสื่อปรือแม้โดยสภาพจะใช้สำหรับรองก็จริง แต่ถ้าผู้เล่นพนันได้นำมาใช้ในการเล่นพนันแล้ว เสื่อหรือก็อาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันได้
3. ในกรณีที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เสื่อปรือของกลางใช้สำหรับรองโขกโบกเป้นเครื่องมือที่จำเลยใช้เล่นพนันและจับได้ในวงเล่น จำเลยก็รับสารภาพแปลได้ว่าจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลมีอำนาจที่จะริบในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 10 วรรค 2 การริบหรือไม่อยู่ในดุลพินิจของศาล แต่พิเคราะห์ดูพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดีแล้วเห็นไม่ควรริบ ก็สั่งไม่ริบได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1899/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เสื่อปรือรองโขกโบกเป็นเครื่องมือพนันได้ หากใช้ในการเล่นจริง ศาลมีอำนาจริบได้ แต่ต้องใช้ดุลพินิจ
1. เสื่อปรือที่ใช้รองโขกโบกจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 10 วรรคสองหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย 2. เสื่อปรือแม้โดยสภาพจะใช้สำหรับรองก็จริงแต่ถ้าผู้เล่นพนันได้นำมาใช้ในการเล่นพนันแล้ว เสื่อปรือก็อาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเล่นพนันได้ 3. ในกรณีที่โจทก์บรรยายในฟ้องว่า เสื่อปรือของกลางใช้สำหรับรองโขกโบกเป็นเครื่องมือที่จำเลยใช้เล่นพนันและจับได้ในวงเล่น จำเลยก็รับสารภาพแปลได้ว่าจำเลยรับสารภาพตามฟ้อง ศาลมีอำนาจที่จะริบในฐานะที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการกระทำผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 10 วรรคสองการริบหรือไม่ อยู่ในดุลพินิจของศาลแต่พิเคราะห์ดูพฤติการณ์ที่ปรากฏในคดีแล้วเห็นไม่ควรริบก็สั่งไม่ริบได้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 35/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์คดีขับไล่: กรณีบริวารของผู้เช่าอ้างประเด็นใหม่ ย่อมมีสิทธิอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
คดีฟ้องขับไล่ผู้เช่าออกจากอสังหาริมทรัพย์อันมีค่าเช่าในขณะยื่นคำฟ้องไม่เกินเดือนละสองพันบาท ซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง หากมีกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีแก่บริวารของผู้เช่า โดยผู้ที่ถูกอ้างว่าเป็นบริวารตั้งประเด็นพิพาทโต้แย้งขึ้นมาใหม่ ไม่เกี่ยวกับประเด็นพิพาทเดิม ทั้งตามรูปเรื่องไม่เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ย่อมอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงในชั้นบังคับคดี กรณีมีประเด็นใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเดิม
แม้คดีเดิมจะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้วก็ดี หากกรณีพิพาทในชั้นบังคับคดีนั้นมีการตั้งประเด็นพิพาทโต้แย้งขึ้นมาใหม่ มิได้เกี่ยวกับประเด็นและคู่ความเดิม ทั้งตามรูปเรื่องไม่เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงแล้ว ก็ย่อมอุทธรณ์ข้อเท็จจริงได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 33/ 2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำนำที่ดินที่มีพฤติการณ์คล้ายขายฝาก หากไม่ไถ่ภายใน 10 ปี ที่ดินตกเป็นของผู้นำจำนำ
เมื่อหลักฐานในสำนวนฟังได้ว่าการจำนำที่ดินพิพาทได้ปฏิบัติต่อกันอย่างขายฝาก คือ ผู้จำนำได้มอบที่พิพาทให้ผู้รับจำนำครอบครองทำกินต่างดอกเบี้ย แม้จะได้ทำสัญญาจำนำไว้ก็ดี (ทำสัญญาจำนำที่ดินมีโฉนด โดยจดทะเบียนไว้ที่หอทะเบียนที่ดิน เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2466 โดยมีข้อสัญญาว่าจะชำระดอกเบี้ยให้ชั่งละ 1 บาท 25 สตางค์ ต่อเดือน และยอมให้ผู้รับจำนำถือโฉนดไว้) ก็ต้องถือตามกิริยาที่คู่สัญญาประพฤติต่อกันมาว่า เป็นจำนำหรือขายฝาก เมื่อพฤติการณ์เป็นขายฝากและไม่ไถ่ใน 10 ปี ที่พิพาทย่อมหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับจำนำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1832/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายสังหาริมทรัพย์เกิน 500 บาท การส่งมอบทำให้สัญญาเสร็จเด็ดขาด แม้ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ
การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ราคาตั้งแต่ 500 บาท หรือกว่านั้นขึ้นไป ถ้าผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ย่อมเป็นเรื่องการซื้อขายเสร็จเด็ดขาด แม้ไม่ทำหลักฐานเป็นหนังสือ ผู้ขายก็ฟ้องร้องให้ชำระราคาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงปฏิเสธหรือยืนยันข้อเท็จจริงต่อศาล ไม่ถือเป็นการแจ้งความเท็จ
การที่จำเลยแถลงต่อศาลโดยศาลนัดพร้อมและสอบถามเพื่อรับรองข้อเท็จจริงในคดี โดยจำเลยมิได้แถลงปฏิเสธหรือยืนยันอย่างใดนั้น จึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1744/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแถลงของจำเลยต่อศาลที่ไม่ใช่การแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 แม้จะไม่ได้ยืนยันความถูกต้องของเอกสาร
การที่จำเลยแถลงต่อศาลโดยศาลนัดพร้อมและสอบถามเพื่อรับรองข้อเท็จจริงในคดี โดยจำเลยมิได้แถลงปฏิเสธหรือยืนยันอย่างใดนั้น จึงมิใช่เป็นการแจ้งความเท็จตามความแห่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายเรือนพิพาทบนที่ดินเช่าเป็นโมฆะ หากไม่มีเจตนาทำตามกฎหมายตั้งแต่แรก
ผู้ขายขายบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สิน ๆ ได้รับชำระราคาครบถ้วนและมอบให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยแล้วแต่ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะผู้ขายอ้างว่าหากไปทำโอนกัน สำนักงานทรัพย์สิน ฯ ทราบเรื่องเข้าจะหาว่าผิดสัญญาและเลิกสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งผู้ซื้อก็ยอม ดังนี้ แสดงว่าคู่กรณีมิได้มีเจตนาจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายมาแต่แรกแล้ว สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะและจะถือว่าคู่กรณีตั้งใจจะให้สมบูรณ์ในฐานเป็นสัญญาจะซื้อขายก็ไม่ได้
of 116