คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายเรือนพิพาทบนที่ดินเช่า: ความสมบูรณ์ของสัญญาและการมีเจตนาที่ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย
ผู้ขายขายบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่เช่าจากสำนักงานทรัพย์สินฯได้รับชำระราคาครบถ้วน และมอบให้ผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยแล้ว แต่ไม่ได้ทำหนังสือสัญญาซื้อขายและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพราะผู้ขายอ้างว่าหากไปทำโอนกันสำนักงานทรัพย์สินฯทราบเรื่องเข้าจะหาว่าผิดสัญญาและเลิกสัญญาเช่าที่ดิน ซึ่งผู้ซื้อก็ยอม ดังนี้ แสดงว่าคู่กรณีมิได้มีเจตนาจะดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายมาแต่แรกแล้ว สัญญาซื้อขายจึงเป็นโมฆะและจะถือว่าคู่กรณีตั้งใจจะให้สมบูรณ์ในฐานเป็นสัญญาจะซื้อขายก็ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความของผู้ใช้อำนาจปกครองเด็ก ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อนจึงมีผลผูกพัน
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทคนละครึ่ง หากแบ่งไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินมาแบ่งกันตามส่วน นั้นย่อมหมายความว่า มรดกทุกชิ้นนั้น ถ้าเป็นทรัพย์แบ่งได้ก็ให้เอามากแบ่งกันคนละครึ่งเป็นชิ้น ๆ ไป ถ้าตกลงในการแบ่งเช่นนี้ไม่ได้ ก็ให้ประมูลระหว่างกันหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันหากทายาททั้งสองตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันนอกศาลเป็นอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะเป็นการยอมผ่อนผันให้แก่กันเพื่อระงับข้อพิพาท
ผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาล โดยมิได้ขออนุญาตศาลก่อนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1660/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยผู้ใช้อำนาจปกครองเด็ก ต้องได้รับอนุญาตจากศาลก่อน จึงมีผลผูกพัน
ศาลพิพากษาคดีถึงที่สุดให้แบ่งทรัพย์มรดกแก่ทายาทคนละครึ่งหากแบ่งไม่ตกลงให้ประมูลหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วน นั้น ย่อมหมายความว่า มรดกทุกชิ้นนั้นถ้าเป็นทรัพย์แบ่งได้ ก็ให้เอามาแบ่งกันคนละครึ่งเป็นชิ้นๆไป ถ้าตกลงในการแบ่งเช่นนี้ไม่ได้ ก็ให้ประมูลระหว่างกัน หรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน หากทายาททั้งสองตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันนอกศาลเป็นอย่างอื่น ก็ถือว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ เพราะเป็นการยอมผ่อนผันให้แก่กันเพื่อระงับข้อพิพาท
ผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความนอกศาลโดยมิได้ ขออนุญาตศาลก่อน หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1557/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเรียกค่าธรรมเนียมจากผู้ประกอบการแพปลาที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยอ้างความเสียหายจากค่าธรรมเนียมที่ควรจะได้ ศาลพิจารณาว่าเป็นการดำเนินการทางอาญา
จำเลยประกอบกิจการแพปลาโดยมิได้รับอนุญาตและเสียค่าธรรมเนียม ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบกิจการแพปลา พ.ศ.2496 มาตรา 29,38 ซึ่งเป็นบทลงโทษผู้ฝ่าฝืนทางอาญาอยู่แล้ว ฉะนั้น กรมประมงจะฟ้องร้องทางแพ่งเรียกค่าเสียหายหรือค่าธรรมเนียมประกอบกิจการแพปลาตามที่กฎหมายกำหนดอัตราไว้จากจำเลยโดยอ้างว่าจำเลยประกอบกิจการแพปลาโดยมิได้รับอนุญาต และไม่ได้เสียค่าธรรมเนียมทำให้กรมประมงเสียหายขาดรายได้ซึ่งควรจะได้รับจากค่าธรรมเนียมตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวกำหนดอัตราไว้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละเลยใช้สิทธิไถ่ถอนตามสัญญาขายฝาก และผลกระทบต่อการฟ้องขอไถ่ถอนเมื่อพ้นกำหนด
โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่ดินไว้กับจำเลยมีกำหนดไถ่ถอนภายใน 1 ปี และมีข้อตกลงกันโดยจำเลยยินยอมให้โจทก์ต่อสัญญาขายฝากใหม่และจะเพิ่มเงินให้ด้วย แต่ที่ยังไม่ไปทำสัญญากันใหม่เพราะจำเลยป่วย เช่นนี้ โจทก์จะมาฟ้องขอไถ่เมื่อพ้นกำหนด 1 ปีโดยถือว่าจำเลย โดยถือว่าจำเลยผิดสัญญาหรือใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1466/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการฟ้องขอทางจำเป็นสงวนไว้สำหรับเจ้าของที่ดินเท่านั้น ผู้เช่าหรือผู้อาศัยไม่มีสิทธิฟ้อง
ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของที่ดินที่ตกอยู่ในที่ล้อม ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1349
โจทก์ปลูกเรือนอยู่ในที่ดินของผู้อื่นโดยเป็นเพียงผู้อาศัย (แม้จะอ้างว่าโจทก์ต้องใช้ทางเดินสายที่ผ่านเข้าไปในที่ดินของจำเลยมาราว 50 ปีแล้ว) แต่โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินอันเป็นสามายทรัพย์ จะมาฟ้องขอให้เปิดทางซึ่งเป็นภารจำยอมเองไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีใหม่หลังหลบหนีคดีเดิม ห้ามหักวันต้องขังซ้ำซ้อน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิม และถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1404/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนับโทษจำคุกคดีหลบหนีการควบคุม: ห้ามหักวันต้องขังซ้อนกัน
จำเลยหลบหนีการคุมขังตามคำพิพากษาคดีเดิมและถูกจับมาฟ้องฐานหลบหนีการควบคุมเป็นคดีใหม่ การที่ศาลให้นับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเดิมนั้น จะให้หักวันต้องขังระหว่างคดีออกจากระยะเวลาจำคุกไม่ได้ เพราะเป็นการหักวันต้องขังซ้อนกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางต้องมีนิติกรรมที่ใช้บังคับได้ทั้งสองอัน การอ้างนิติกรรมต่างจากที่จดทะเบียนเป็นข้อเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 วรรคแรก หมายถึงบุคคลสองฝ่ายมิได้มีเจตนาที่จะผูกพิติสัมพันธ์กันอย่างไรเลย หากแต่แสร้งทำเป็นนิติกรรมขึ้นเพื่อลวงบุคคลภายนอก กฎหมายจึงยอมให้บุคคลทั้งสองฝ่ายน้นอ้างอิงความไม่สมบูรณืของนิติกรรมนั้น เพื่อแสดงว่าเป็นโมฆะได้ ส่วนวรรคสองหมายถึงบุคคลสองฝ่ายตกลงกันทำนิติกรรมอันหนึ่ง แต่ไม่แสดงเจตนาออกเช่นนั้น แสร้งทำเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่ง เพื่ออำพรางนิติกรรมที่เขาแสดงเจตนาอันแท้จริงผูกนิติสัมพันธ์กันขึ้นนั้น กฎหมายจึงให้บังคับตามเจตนาอันแท้จริงที่เขาผูกนิติสัมพันธ์กันนั้นได้
ในกรณีที่จำเลยได้แสดงเจตนาตกลงกับโจทก์และจดทะเบียนแสดงเจตนานั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของจำเลยไปให้โจทก์เป็นการขายฝากแล้วนั้น จำเลยจะขอสืบพยานว่าพฤติการณ์เป็นจำนองโดยไม่มีสัญญาจำนองอันแท้จริงอีกอันหนึ่งเลยหาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 26/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1234/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง: เจตนาจริงสำคัญกว่าเอกสาร
นิติกรรมอำพรางนั้น หมายถึงบุคคลสองฝ่ายตกลงทำนิติกรรมอันหนึ่ง แต่ไม่แสดงเจตนาออกมาเช่นนั้น แสร้งทำเป็นนิติกรรมอีกอันหนึ่งเพื่ออำพรางนิติกรรมที่เขาแสดงเจตนาอันแท้จริง ผูกนิติสัมพันธ์กันขึ้นนั้นกฎหมายจึงให้บังคับตามเจตนาอันแท้จริงนั้นได้
กรณีที่จำเลยได้แสดงเจตนาตกลงกับโจทก์ และจดทะเบียนแสดงเจตนานั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของจำเลยไปให้โจทก์เป็นการขายฝากแล้วนั้น จำเลยจะขอสืบพยานว่าพฤติการณ์เป็นจำนอง โดยไม่มีสัญญาจำนองอันแท้จริงอีกอันหนึ่ง หาได้ไม่ เพราะเป็นการขอสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
of 116