คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ยง เหลืองรังษี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,154 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แม้โจทก์มิได้ขอคืนทรัพย์ แต่การฟ้องมีประเด็นโต้แย้งสิทธิในทรัพย์สิน จึงต้องคิดค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์
(1) การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าตนมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตาย นั้น ย่อมหมายความว่า สิทธิของโจทก์ก็คือ สิทธิที่จะรับมรดกของผู้ตายให้ตกทอดมายังตนตั้งแต่เจ้ามรดกตาย ดังนั้น แม้โจทก์จะขอเพียงให้ทำลายพินัยกรรม แต่หาได้ขอให้ศาลพิพากษาให้เอาทรัพย์ที่จำเลยโแย้งคืนมาเป็นของโจทก์ไม่ก็ตาม แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องแล้วว่า ก่อนตายเจ้ามรดกมีทรัพย์สินเป็นมรดกหลายอย่าง ทุกข์ของโจทก์ที่ตั้งข้อพิพาท ก็คือ กล่าวอ้างว่าที่ดิน 2 แปลงตามโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โดยตกทอดมาจากผู้ตาย แต่จำเลยเอาไปเสีย โดยอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ อย่างนี้แสดงว่าโจทก์ได้กล่าวอ้างให้ปรากฎแล้วว่าได้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน โจทก์เสนอคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55
(2) ทุกข์ของโจทก์ที่กล่าวมา ก็คือ การที่ไม่ได้ที่ดิน 2 แปลงนั้น จึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 ประกอบตาราง (1) 1 ต้องคิดค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท การที่โจทก์ไม่ได้ขอเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลงนั้น เป็นความผิดของโจทก์เอง จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์หาได้ไม่ (อ้างคำสั่งที่ 1559/2493) ส่วนจะเป็นการพิพากษาให้เกินคำขอหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิมรดก & การเสนอคดี: แม้มิขอคืนทรัพย์ ศาลต้องรับคดีและคิดค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท
การที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าตนมีสิทธิได้รับมรดกของผู้ตายนั้น ย่อมหมายความว่าสิทธิของโจทก์ก็คือสิทธิที่จะรับมรดกของผู้ตายให้ตกทอดมายังตนตั้งแต่เจ้ามรดกตาย ดังนั้น แม้โจทก์จะขอเพียงให้ทำลายพินัยกรรม หาได้ขอให้ศาลพิพากษาให้เอาทรัพย์ที่จำเลยโต้แย้งคืนมาเป็นของโจทก์ไม่ก็ตาม แต่โจทก์ก็บรรยายฟ้องแล้วว่า ก่อนตายเจ้ามรดกมีทรัพย์สินเป็นมรดกหลายอย่าง ทุกข์ของโจทก์ที่ตั้งข้อพิพาทก็คือ กล่าวอ้างว่าที่ดิน 2 แปลงตามโฉนดเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โดยตกทอดมาจากผู้ตาย แต่จำเลยเอาไปเสีย โดยอ้างว่าผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ อย่างนี้แสดงว่าโจทก์ได้กล่าวอ้างให้ปรากฏแล้วว่าได้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินโจทก์เสนอคดีต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55
ทุกข์ของโจทก์ที่กล่าวมาก็คือ การที่ไม่ได้ที่ดิน 2 แปลงนั้นจึงเป็นคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันคำนวณเป็นราคาเงินได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 ประกอบตาราง 1(1) ต้องคิดค่าขึ้นศาลตามราคาทรัพย์สินที่พิพาท การที่โจทก์ไม่ได้ขอเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลงนั้นเป็นความผิดของโจทก์เอง จะเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์หาได้ไม่ (อ้างคำสั่งที่ 1559/2492)ส่วนจะพิพากษาให้เกินคำขอได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 25/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความ: การนับวันสุดท้ายในกรณีวันหยุดราชการ ศาลฎีกาชี้ว่าสามารถนำมาตรา 161 มาใช้ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191 นั้น หมายความว่าคู่กรณีจะตกลงกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงอายุความตามกฎหมายให้สั้นเข้ามาหรือให้ยาวออกไปไม่ได้ แต่อายุความก็เป็นระยะเวลาอย่างหนึ่งเหมือนกัน จึงนำความในมาตรา 161 มาใช้ได้ เมื่อวันสุดท้ายแห่งอายุความเป็นวันหยุด ก็ให้นับวันที่เริ่มทำงานใหม่เข้าด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการรับฟังพยานหลักฐานนอกบัญชีรายชื่อ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในคดีขับไล่
ในกรณีที่โจทก์ยื่นคำร้องอ้างว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ขอให้ศาลบังคับขับไล่และผู้ร้องอ้างว่าไม่ใช่บริวาร จึงเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องไต่สวนให้ได้ความจริงก่อนที่จะออกหมายบังคับขับไล่เขา ในการที่จะรับฟังพยานหลักฐานของผู้ร้องนั้น แม้ผู้ร้องจะมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานแต่เป็นความจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญเกี่ยวกับประเด็นในคดี เพื่อเอาประโยชน์แห่งความยุติธรรมแล้ว ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบของกลางที่สูญหาย: ศาลไม่อาจสั่งริบทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในสภาพที่แผ่นดินจะยึดถือเป็นเจ้าของได้
อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองผิดกฎหมาย แต่จำเลยได้ขว้างทิ้งลงแม่น้ำก่อนได้ตัวจำเลยมาสอบสวนศาลย่อมไม่สั่งริบตามที่โจทก์ขอให้ริบ และกรณ๊เช่นนี้โจทก์ก็จะขอบังคับให้จำเลยส่งปืนของกลางภายในกำหนดหรือให้จำเลยชำระราคาปืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 804/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสั่งริบของกลางที่สูญหาย: ศาลไม่อาจริบหากทรัพย์สินไม่อยู่ในสภาพที่จะตกเป็นของแผ่นดินได้
อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองผิดกฎหมาย แต่จำเลยได้ขว้างทิ้งลงแม่น้ำก่อนได้ตัวจำเลยมาสอบสวน ศาลย่อมไม่สั่งริบตามที่โจทก์ขอให้ริบและกรณีเช่นนี้โจทก์ก็จะขอบังคับให้จำเลยส่งปืนของกลางภายในกำหนดหรือให้จำเลยชำระราคาปืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 37 ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้และการมีเจตนาฆ่า พิจารณาจากพฤติการณ์ก่อนและหลังการกระทำ
ก.การที่จำเลยโดดลงจากเรือนพูดว่า แน่รืแล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้น เป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข.การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขน กระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้น แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย ต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ปรมวลกฎหมายอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 777/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้และเจตนาฆ่า: การพิเคราะห์การป้องกันตัวและการใช้กำลังเกินเหตุในคดีฆ่าคนตาย
ก. การที่จำเลยโดดลงจากเรือพูดว่าแน่รึ แล้วต่างก็เข้าต่อสู้กับผู้ตาย ภายหลังที่ผู้ตายร้องท้าจำเลยนั้นเป็นการสมัครใจเข้าต่อสู้ มิใช่เป็นการป้องกันตัว
ข. การที่จำเลยใช้มีดดาบยาว 1 แขนกระโดดลงจากเรือนไปต่อสู้กับผู้ตายและฟันผู้ตายถึง 3 แห่ง แผลที่สำคัญถูกที่คอเกือบขาดนั้นแสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตายต้องมีความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา มาตรา 288 ประมวลกฎหมายอาญา
(ข้อ ข.ประชุมใหญ่ครั้งที่ 14/2505)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ เช็คลงวันที่ล่วงหน้าไม่ผูกพันเจ้าหนี้ ผู้ค้ำประกันยังต้องรับผิด
สัญญากู้เงินมิได้ตกลงกำหนดเวลาชำระหนี้กันไว้แต่ลูกหนี้ได้ออกเช็คล่วงหน้าให้ผู้ให้กู้ยึดถือไว้ นั้นหาเป็นการตกลงให้การกำหนดเวลาการชำระหนี้ให้แน่นอนขึ้นอย่างไรไม่ ผู้ค้ำประกันจึงยังคงต้องผูกพันรับผิดต่อเจ้าหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตลอดไปตามสัญญาค้ำประกันแม้ลูกหนี้จะได้ออกเช็คใหม่ ลงวันล่วงหน้าต่อไปอีกให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้แทนเช็คใบเก่าก็ไม่เป็นการที่เจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ผู้ค้ำประกันจึงไม่หลุดพ้นจากการรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การออกเช็คล่วงหน้ามิใช่การผ่อนเวลาชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยังคงต้องรับผิดตามสัญญา
จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์โดยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์โดยทำสัญญากู้ยืมให้โจทก์ไว้ และมีจำเลยมี 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งได้มอบเช็คของจำเลยที่ 1 ลงวันล่วงหน้าให้โจทก์ยึดถือไว้ด้วย แต่ในสัญญากู้ยืมมิได้กำหนด เวลาชำระหนี้กันไว้ ดังนี้ เช็คที่จำเลยที่ 1 ออกให้โจทก์ยึดถือไว้นั้น หาได้เป็นการตกลงให้เป็นการกำหนดวันหรือระยะเวลาชำระหนี้ให้เป็นการแน่นอนขึ้นแต่อย่างไรไม่ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 จะได้ออกเช็คใหม่ลงวันล่วงหน้าต่อไปอีกให้โจทก์ยึดถือไว้แทนเช็คฉบับเก่า ก็ไม่เป็นการที่เจ้าหน้าที่ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันผู้ค้ำประกันจะหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 แต่อย่างใด
of 116