คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
พร สุขารมณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 203 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเกินอัตราและนิติกรรมอำพราง: การกู้เงินที่มีข้อตกลงให้ชำระหนี้สูงเกินจริง
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับโดยผู้ให้กู้ให้ผู้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควร จึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายการเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้นส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาทจึงหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 730/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกู้เงินดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมาย: สัญญาที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้าม
การกู้เงินกันรายเดียว แต่ทำหนังสือเป็นหลักฐานสองฉบับ โดยผู้ให้กู้ให้กู้ยืมเงิน 7,000 บาท และตกลงกันว่า ถ้าผู้กู้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดให้ผู้ให้กู้ฟ้องเอาได้ 14,000 บาทนั้น เห็นได้ว่าประโยชน์ที่ผู้ให้กู้ได้รับนั้นมากเกินส่วนอันสมควรจึงเป็นการที่มีวัตถุประสงค์ต้องห้ามชัดแจ้งโดขกฎหมาย การเรียกดอกเบี้ยและกำไรอื่นจึงเป็นโมฆะ ผู้กู้จึงยังคงต้องรับผิดเฉพาะเงินต้น 7,000 บาทที่กู้ไปเท่านั้น ส่วนผู้ค้ำประกันเงินกู้ 14,000 บาท มิใช่ค้ำประกันเงินกู้ 7,000 บาท จึงหาต้องรับผิดด้วยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน: การซื้อขายสิทธิในส่วนรวมและผลกระทบต่อผู้ซื้อโดยสุจริต
การที่บุคคลมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกันนั้น ถือว่ามีกรรมสิทธิ์รวม
ที่ดินมีโฉนด ไม่ว่าผู้โอนให้จำเลยจะได้มาโดยการครอบครองปกปักษ์หรือไม่ เมื่อยังมิได้จดทะเบียนการได้มา จำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์รวมในที่ดิน: การซื้อขายสิทธิร่วมและผลกระทบต่อการครอบครองปรปักษ์
การที่บุคคลมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดร่วมกันนั้น ถือว่ามีกรรมสิทธิ์รวม
ที่ดินมีโฉนด ไม่ว่าผู้โอนให้จำเลยจะได้มาโดยการครอบครองปรปักษ์หรือไม่เมื่อยังมิได้จดทะเบียนการได้มาจำเลยก็ไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้โจทก์ผู้ซื้อที่พิพาทโดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม ส่งผลให้เกิดบาดแผลและต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
ผู้เสียหายถูกฟันด้วยมีดมีบาดแผลที่ริมฝีปากล่าง บนริมจมูกและหลังมือซ้ายกว้างแผลละ 1/3 เซนติเมตร ยาว2-3เซนติเมตรครึ่งแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 21 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่ารักษาตัวในโรงพยาบาล 21 วัน แล้วกลับไปอยู่บ้านก็ยังไม่หายดี เช่นนี้ย่อมพอที่จะฟังได้ว่าป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 674/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีด บาดเจ็บสาหัสเกิน 20 วัน เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297
ผู้เสียหายถูกฟันด้วยมีดบาดแผลที่ริมฝีปากล่าง บน ริมจมูก และหลังมือซ้ายกว้างแผลละ 1/3 เซ็นติเมตร ยาว 2 - 3 1/3 เซ็นติเมตร แพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 21 วัน ผู้เสียหายเบิกความว่า รักษาตัวในโรงพยาบาล 21 วัน แล้วกับไปอยู่บ้านก็ยังไม่หายดี เช่นนี้ ย่อมพอที่จะฟังได้ว่า ป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินว่า 20 วัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ: สิทธิเก็บกินและยกที่ดินให้บุตรไม่ถือเป็นเงื่อนไข
เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลย บุตรจำเลย และผู้ร้องขัดทรัพย์ มีข้อตกลงว่า จำเลยยอมสละมรดกส่วนของตนทั้งสิ้น เช่นนี้แม้จะมีข้อตกลงต่อไปว่า ให้จำเลยมีสิทธิเก็บกินจนกว่าจะวายชนม์ และผู้ร้องขัดทรัพย์ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้บุตรจำเลยก็ดี ก็ไม่ถือว่าเป็นการสละมรดกโดยมีเงื่อนเวลาหรือเงื่อนไข แต่ถือว่าเป็นการได้สิทธิเพราะการสละมรดกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ การสละมรดกจึงสมบูรณ์ ไม่ฝ่าฝืนมาตรา 1613

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 597/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสละมรดกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ การสละมรดกสมบูรณ์แม้มีข้อตกลงเรื่องสิทธิเก็บกินและยกที่ดิน
เมื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างจำเลย บุตรจำเลยและผู้ร้องขัดทรัพย์มีข้อตกลงว่า จำเลยยอมสละมรดกส่วนของตนทั้งสิ้นเช่นนี้ แม้จะมีข้อตกลงต่อไปว่าให้จำเลยมีสิทธิเก็บกินจนกว่าจะวายชนม์ และผู้ร้องขัดทรัพย์ยกที่ดินส่วนหนึ่งให้บุตรจำเลยก็ดีก็ไม่ถือว่าเป็นการสละมรดกโดยมีเงื่อนเวลาหรือเงื่อนไข แต่ถือว่าเป็นการได้สิทธิเพราะการสละมรดกโดยสัญญาประนีประนอมยอมความ การสละมรดกจึงสมบูรณ์ไม่ฝ่าฝืนมาตรา 1613

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ส่งสัญญาไปให้ผู้เชี่ยวชาญ และหน้าที่การนำสืบข้อเท็จจริงของผู้กู้
การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรคสาม จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบหรือไม่ทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่
การที่จำเลยเบิกความว่า ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้วจำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลยจึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 585/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเอกสารต้องมีเหตุอันสมควร และจำเลยต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้าง
การที่จำเลยจะระบุผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 วรรค 3 จะต้องมีเหตุอันสมควรแสดงว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำผู้เชี่ยวชาญมาสืบหรือทราบว่าผู้เชี่ยวชาญได้มีอยู่
การที่จำเลยเบิกความ ได้ทำหนังสือกู้ให้โจทก์ ตามหนังสือปรากฏว่าจำเลยรับเงินไปแล้ว จำเลยกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับเงิน โดยจำเลยคิดจะเอาเงินจากสามีจำเลย จึงขอให้โจทก์ช่วยเหลือ โดยจำเลยจะทำหนังสือกู้ให้ เพื่อให้โจทก์นำมาฟ้องจำเลยแล้วให้สามีออกเงินใช้ โจทก์ก็จะให้เงินจำเลย ดังนี้ จำเลยต้องนำสืบ
of 21