พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คโดยกรรมการคนเดียวและการให้สัตยาบันของบริษัท แม้ไม่ถูกต้องตามข้อบังคับ ก็มีผลผูกพันบริษัท
จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัท น. ลงชื่อสลักหลังและประทับตราสำคัญของบริษัทในเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งนำเงินมาฝาก แม้ข้อบังคับของบริษัทจะต้องมีกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันพร้อมกับประทับตราสำคัญก็ตาม แต่การที่บริษัทได้นำเงินฝากของโจทก์มาใช้ในกิจการของตนโดยนำไปปล่อยให้กู้และรับดอกเบี้ยส่วนเกินจากผู้กู้เป็นผลประโยชน์ของบริษัท ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัท จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ผู้ทรงเช็ค
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3176/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสลักหลังเช็คโดยกรรมการคนเดียวและการให้สัตยาบันของบริษัท
จำเลยที่ 3 เป็นกรรมการผู้หนึ่งของบริษัท น. ลงชื่อสลักหลังและประทับตราสำคัญของบริษัทในเช็คที่สั่งจ่ายให้แก่โจทก์ซึ่งนำเงินมาฝาก แม้ข้อบังคับของบริษัทจะต้องมีกรรมการสองคนลงชื่อร่วมกันพร้อมกับประทับตราสำคัญก็ตาม แต่การที่บริษัทได้นำเงินฝากของโจทก์มาใช้ในกิจการของตนโดยนำไปปล่อยให้กู้และรับดอกเบี้ยส่วนเกินจากผู้กู้เป็นผลประโยชน์ของบริษัท ถือได้ว่าเป็นการให้สัตยาบันและมีผลผูกพันบริษัท จำเลยที่ 3 จึงไม่ต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวต่อโจทก์ผู้ทรงเช็ค.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ธนาคารปล่อยเบิกเงินเกินบัญชีโดยประมาท และไม่ฟ้องลูกหนี้โดยตรง ศาลตัดสินว่าธนาคารไม่ต้องรับผิด
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการสาขาธนาคารโจทก์ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์เบิกเงินเกินบัญชีไปโดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาและไม่มีหลักประกัน ทั้งไม่ได้รับอนุมัติจากโจทก์ตามระเบียบ เป็นการกระทำนอกเหนือขอบอำนาจจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ การที่โจทก์ยังไม่ฟ้อง ส. ให้ชำระหนี้แก่โจทก์โดยตรงไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหาย เพราะหนี้รายนี้ไม่มีหลักประกัน ในการที่โจทก์จะฟ้อง ส. ให้ชำระหนี้คืนแก่โจทก์โจทก์จะต้องพิจารณาทางได้เสียในทุก ๆ ทาง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2762/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกเงินเกินบัญชีโดยไม่ได้รับอนุมัติและไม่มีหลักประกัน ความรับผิดของผู้จัดการสาขาและผู้ค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดการสาขาธนาคารโจทก์ มีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ให้ ส. ซึ่งเป็นลูกค้าของโจทก์เบิกเงินเกินบัญชีไปโดยไม่ได้ทำหนังสือสัญญาและไม่มีหลักประกัน ทั้งไม่ได้รับอนุมัติจากโจทก์ตามระเบียบ เป็นการกระทำนอกเหนือขอบอำนาจจำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ การที่โจทก์ยังไม่ฟ้อง ส. ให้ชำระหนี้แก่โจทก์โดยตรงไม่อาจถือได้ว่าโจทก์ละเลยไม่บำบัดปัดป้องหรือบรรเทาความเสียหาย เพราะหนี้รายนี้ไม่มีหลักประกัน ในการที่โจทก์จะฟ้อง ส. ให้ชำระหนี้คืนแก่โจทก์โจทก์จะต้องพิจารณาทางได้เสียในทุก ๆ ทาง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเข้าหุ้นส่วน, อำนาจตัวแทน, ภาระจำยอม, การฉ้อฉล, สิทธิฟ้อง
สัญญาเข้าหุ้นส่วนได้ทำที่บริษัท ต. มีข้อความว่าบริษัท ต. โจทก์และ ส. ตกลงเข้าหุ้นกันทำการค้าเกี่ยวกับที่ดินเพื่อหากำไรโดยได้มอบให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินหนึ่งแปลง และให้จำเลยที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในสัญญานั้นโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญบริษัท ต. แต่ใต้ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 มีข้อความอยู่ภายในวงเล็บว่าบริษัท ต. โดยจำเลยที่ 1 กำกับไว้ด้วย เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ บริษัท ต. ได้ให้ใส่ชื่อ จ. กรรมการคนหนึ่งของบริษัท ต. เป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของในโฉนดร่วมกับโจทก์ด้วย ครั้นเมื่อขายที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์และบริษัท ต. ต่างได้รับส่วนแบ่งกำไรไป มิใช่จำเลยที่ 1 รับส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนตัว แสดงว่าบริษัท ต. ยอมรับเอาสัญญาและยอมผูกพันตามสัญญาดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. แม้ในสัญญาแบ่งขายที่ดินจะระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายจากสัญญาเข้าหุ้นส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3657/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินร่วมกัน, เลิกห้างหุ้นส่วน, ภาระจำยอม, และการไม่มีอำนาจฟ้อง
สัญญาเข้าหุ้นส่วนได้ทำที่บริษัทต.มีข้อความว่าบริษัทต.โจทก์และ ส. ตกลงเข้าหุ้นกันทำการค้าเกี่ยวกับที่ดินเพื่อหากำไรโดยได้มอบให้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินหนึ่งแปลง และให้จำเลยที่ 1ซื้อที่ดินพิพาท แม้จำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อในสัญญานั้นโดยไม่ได้ประทับตราสำคัญบริษัท ต. แต่ใต้ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1มีข้อความอยู่ภายในวงเล็บว่า บริษัทต.โดยจำเลยที่ 1 กำกับไว้ด้วย เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วในการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บริษัท ต.ได้ให้ใส่ชื่อจ.กรรมการคนหนึ่งของบริษัทต.เป็นผู้ซื้อและเป็นเจ้าของในโฉนดร่วมกับโจทก์ด้วย ครั้นเมื่อขายที่ดินดังกล่าวแล้วโจทก์และบริษัท ต. ต่างได้รับส่วนแบ่งกำไรไป มิใช่จำเลยที่ 1 รับส่วนแบ่งกำไรไปเป็นส่วนตัวแสดงว่าบริษัท ต. ยอมรับเอาสัญญาและยอมผูกพันตามสัญญาดังกล่าวแล้วการที่จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาแบ่งขายที่ดิน จึงถือว่าจำเลยที่ 1 ซื้อที่พิพาทจากจำเลยที่ 2ในฐานะตัวแทนของหุ้นส่วนระหว่างโจทก์กับบริษัท ต. แม้ในสัญญาแบ่งขายที่ดินจะระบุชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ซื้อแต่เพียงผู้เดียวก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ได้มอบหมายจากสัญญาเข้าหุ้นส่วน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินไม่ชอบด้วยกฎหมายเมื่อลายมือชื่อกรรมการปลอม และไม่มีการให้สัตยาบัน
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส. กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัล อันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินโดยมีลายมือชื่อปลอม ไม่ผูกพันจำเลยที่ 1
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส.กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1 ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัลอันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้นการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1ให้ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2089/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับอาวัลตั๋วเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากลายมือชื่อปลอม ทำให้จำเลยไม่ต้องรับผิด
ตามข้อบังคับของบริษัทจำเลยที่ 1 กรรมการสองคนต้องลงลายมือชื่อร่วมกันและประทับตราสำคัญของบริษัท จึงจะมีอำนาจทำการแทนบริษัทและรับอาวัลตั๋วเงินได้ เมื่อได้ความว่าลายมือชื่อ ส. กรรมการผู้หนึ่งผู้มีอำนาจลงชื่อแทนจำเลยที่ 1ที่ลงชื่อเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินเป็นลายมือปลอม การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินจึงไม่ชอบ การปลอมลายมือชื่อเช่นนี้ไม่ใช่เป็นการทำแทนจำเลยที่ 1 หรือจำเลยที่ 1 เชิดให้ผู้นั้นเป็นตัวแทนทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเอาประโยชน์หรือรับเอาผลแห่งการรับอาวัล อันจะถือว่าเป็นการให้สัตยาบันแก่การกระทำนั้น การรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินรายนี้จึงไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 ให้ต้องรับผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1769/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดในหนี้จากการทำสัญญาโดยตัวแทนเชิด และการชำระหนี้ผ่านตัวแทน
วัดจำเลยที่ 1 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาแล้วจึงเป็นนิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 72 เจ้าอาวาสเป็นผู้แทนผู้มีอำนาจกระทำการแทนวัด ขณะที่วัดจำเลยที่ 1ยังไม่มีเจ้าอาวาส จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพระลูกวัดเป็นผู้ติดต่อ ให้โจทก์มาช่วยสร้างโบสถ์ บอกบุญให้ประชาชนมาร่วมบริจาคเงินสร้างโบสถ์และคิดบัญชีกับโจทก์ เมื่อคิดบัญชีแล้วปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ค่าวัสดุก่อสร้างที่โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายไปก่อนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้โดยระบุฐานะว่าเป็นตัวแทน คณะกรรมการจัดงานฝังลูกนิมิต วัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 ระบุว่า เป็นกรรมการของวัดจำเลยที่ 1 พฤติการณ์เหล่านี้ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เชิดตัวเองเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 เจ้าคณะตำบลอาศัยอำนาจตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 6(พ.ศ. 2506) ข้อ 4 วรรคหนึ่ง แต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 เป็นผู้รักษาการแทน เจ้าอาวาสวัดจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ย่อมมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับ เจ้าอาวาสตามมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 หลังจากจำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสอันเป็นผู้แทนของจำเลยที่ 1 ได้รู้ถึงพฤติการณ์ตามวรรคแรกของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ก็มิได้ทักท้วงหรือเพิกถอนการกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ได้ให้สัตยาบัน แก่การกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้สุจริตเสมือนว่าจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 หาต้องร่วมรับผิดเป็นส่วนตัวไม่ โจทก์เข้าช่วยเหลือในการสร้างโบสถ์โดยมิได้หวังผลตอบแทนในทางการค้าจากจำเลยที่ 1 การกระทำของโจทก์จึงไม่เข้าลักษณะเป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่าง ๆ การที่โจทก์เรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปในการก่อสร้างโบสถ์จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)ซึ่งมีอายุความ 2 ปี สิทธิเรียกร้องของโจทก์มีอายุความ 10 ปี ตามมาตรา 164