พบผลลัพธ์ทั้งหมด 290 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องบังคับจำนอง: การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยทนายความและการไม่เคลือบคลุมของฟ้อง
โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง และขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้จำนองด้วย แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาที่จำนอง ก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องบังคับจำนอง-การบอกกล่าว-สัตยาบัน แม้ไม่มีเอกมอบอำนาจแต่ยอมรับการบังคับจำนอง ถือเป็นการให้สัตยาบัน
โจทก์ฟ้องบังคับจำนอง และขอให้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยผู้จำนองด้วย แม้คำฟ้องจะมิได้บรรยายถึงสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่จะให้จำเลยรับผิดนอกเหนือไปจากสัญญาที่จำนอง ก็มีผลเพียงว่าศาลจะบังคับตามคำขอของโจทก์ในส่วนที่ขอให้บังคับเอาจากทรัพย์สินอื่นของจำเลยไม่ได้เท่านั้น หาทำให้ฟ้องโจทก์ทั้งหมดเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน และมิได้ฎีกาคัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยระบุพยานเพิ่มเติมนั้นไม่ชอบด้วยเหตุผลอย่างไร ฉะนั้น ปัญหาที่จำเลยฎีกาว่า การที่จำเลยจะนำพยานบุคคลมาสืบตามข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญาจำนองหรือไม่จึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย
ทนายโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองในนามของโจทก์ แม้โจทก์จะไม่ได้มอบอำนาจเป็นหนังสือ แต่เมื่อโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้ว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823 และถือได้ว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจตัวแทนและการรับผิดของตัวแทนและตัวการเมื่อตัวแทนกระทำนอกเหนืออำนาจ
จำเลยที่ 3 เป็นผู้จัดการคลังน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้รับเงินจากลูกค้าและอนุมัติให้ขายน้ำมันได้แล้ว จำเลยที่ 3 มีอำนาจออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้าและควบคุมการจ่ายน้ำมันให้ลูกค้า ในชั้นสอบสวนคดีอาญาที่จำเลยที่ 3 ต้องหาว่าฉ้อโกงโจทก์ จำเลยที่ 3 รับว่ารับเงินเดือนจากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 จึงเป็นตัวแทนของจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 มอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 รับคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อได้เฉพาะแต่ผู้ที่เป็นลูกค้าที่ได้ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ 1 ที่สำนักงานใหญ่เท่านั้น การที่จำเลยที่ 3 เอาชื่อปั๊มซึ่งเป็นลูกค้าที่ได้ทำสัญญาไว้กับจำเลยที่ 1 ซื้อน้ำมันจากจำเลยที่ 1 มาขายให้โจทก์ จึงเป็นการกระทำโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนืออำนาจ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้สัตยาบัน จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 เมื่อไม่อาจพิสูจน์ได้ว่าโจทก์รู้อยู่แล้วว่าจำเลยที่ 3 ดำเนินการโดยปราศจากอำนาจ จำเลยที่3 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์โดยลำพัง
การนำสืบของโจทก์ยังไม่ได้ความชัดว่า ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 3 ส่งมอบน้ำมันเมื่อใด หากจำเลยที่ 3 ต้องใช้ราคาน้ำมันแทนจึงให้จำเลยที่ 3 เสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
การนำสืบของโจทก์ยังไม่ได้ความชัดว่า ก่อนฟ้องโจทก์ทวงถามให้จำเลยที่ 3 ส่งมอบน้ำมันเมื่อใด หากจำเลยที่ 3 ต้องใช้ราคาน้ำมันแทนจึงให้จำเลยที่ 3 เสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ห้างหุ้นส่วนเลิกแล้วทำสัญญาค้ำประกัน: หุ้นส่วนไม่ต้องรับผิด ผู้จัดการต้องรับผิดเอง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ที่บัญญัติว่า ห้างหุ้นส่วนแม้จะได้เลิกกันแล้ว ก็ให้ฟังถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีนั้น มิได้หมายความว่า ในระหว่างนั้น ห้างหุ้นส่วนดังกล่าวจะทำกิจการได้ทุกอย่าง แต่จะทำได้เฉพาะกิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น ซึ่งได้แก่กิจการอันเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชีตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1259
การค้ำประกันหนี้ผู้อื่นไม่ใช่กิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว และอยู่ในระหว่างชำระบัญชีจึงกระทำมิได้และไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการกระทำแทน แต่การที่หุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวแทนห้างหุ้นส่วน เป็นเรื่องตัวแทนกระทำโดยปราศจากอำนาจ หุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาโดยลำพัง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823
การค้ำประกันหนี้ผู้อื่นไม่ใช่กิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนแล้ว และอยู่ในระหว่างชำระบัญชีจึงกระทำมิได้และไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการกระทำแทน แต่การที่หุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวแทนห้างหุ้นส่วน เป็นเรื่องตัวแทนกระทำโดยปราศจากอำนาจ หุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาโดยลำพัง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1348/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การชำระบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด: ข้อจำกัดการทำสัญญาค้ำประกันหลังเลิกห้าง และความรับผิดของตัวแทนที่ไม่มีอำนาจ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1249 ที่บัญญัติว่าห้างหุ้นส่วนแม้จะได้เลิกกันแล้ว ก็ให้พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชีนั้นมิได้หมายความว่าในระหว่างนั้นห้างหุ้นส่วนดังกล่าวจะทำกิจการได้ทุกอย่าง แต่จะทำได้เฉพาะกิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชีเท่านั้น ซึ่งได้แก่กิจการอันเป็นอำนาจของผู้ชำระบัญชีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1259
การค้ำประกันหนี้ผู้อื่นไม่ใช่กิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนแล้วและอยู่ในระหว่างชำระบัญชีจึงกระทำมิได้และไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการกระทำแทนแต่การที่หุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวแทนห้างหุ้นส่วน เป็นเรื่องตัวแทนกระทำโดยปราศจากอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาโดยลำพัง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823
การค้ำประกันหนี้ผู้อื่นไม่ใช่กิจการอันจำเป็นเพื่อการชำระบัญชี ห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งได้จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนแล้วและอยู่ในระหว่างชำระบัญชีจึงกระทำมิได้และไม่ต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันซึ่งหุ้นส่วนผู้จัดการกระทำแทนแต่การที่หุ้นส่วนผู้จัดการทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวแทนห้างหุ้นส่วน เป็นเรื่องตัวแทนกระทำโดยปราศจากอำนาจหุ้นส่วนผู้จัดการต้องรับผิดตามสัญญาโดยลำพัง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 823
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกกล่าวบังคับจำนองชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้รับเป็นผู้รับแทน และไม่มีหลักฐานมอบอำนาจเป็นหนังสือ
ผู้จำนองย้ายไปรับราชการต่างจังหวัด ทนายความของเจ้าหนี้ส่งหนังสือแจ้งการบังคับจำนองไปยังผู้จำนองตามภูมิลำเนาในกรุงเทพฯ มีผู้ลงชื่อรับแทน เวลามากรุงเทพฯ ทุกครั้งผู้จำนองพักที่ภูมิลำเนาเดิมซึ่งครอบครัวมิได้ย้ายไปที่อื่น ฟังได้ว่าผู้จำนองได้ทราบคำบอกกล่าวแล้ว แม้ไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้ทนายความทำหนังสือบอกกล่าว ผู้รับจำนองให้สัตยาบันตาม มาตรา 823 แล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองจึงชอบแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2290/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แม้กรรมการลงนามไม่ครบตามข้อบังคับ แต่สัญญากู้ยืมและเช่าซื้อก็ผูกพันจำเลย หากจำเลยแสดงออกว่ายอมรับและได้รับประโยชน์จากสัญญา
จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลทำหนังสือกู้เงินและเช่าซื้ออุปกรณ์ทำนาจากโจทก์ โดยกรรมการลงชื่อไม่ครบตามข้อบังคับ แต่จำเลยที่ 1 ยอมรับว่ากรรมการเหล่านั้นทำแทนและยอมรับประโยชน์จากสัญญากู้และเช่าซื้อสัญญาจึงผูกพันจำเลยที่ 1 และไม่ใช่กรณีซื้อเชื่อ นำอายุความซื้อขายมาบังคับไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2269/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างผิดแบบสัญญา แม้ผู้ควบคุมงานสั่ง แต่จำเลยไม่ยินยอม ถือเป็นฝ่ายผิดสัญญา
โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารให้จำเลย โจทก์สร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนที่กำหนดไว้ แม้ได้กระทำไปตามที่ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้สั่ง แต่เมื่อผู้ควบคุมงานมีหน้าที่ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลน ไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลนโดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลยการที่โจทก์ก่อสร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อโจทก์ไม่ยอมแก้ไขฐานรากให้ถูกต้อง จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลนจะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดกำไร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลย
ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลนจะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดกำไร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2269/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การก่อสร้างฐานรากไม่ตรงแบบ แม้ผู้ควบคุมงานสั่ง แต่ผู้รับเหมาผิดสัญญา หากไม่แก้ไข จำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
โจทก์เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารให้จำเลย โจทก์สร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนที่กำหนดไว้ แม้ได้กระทำไปตามที่ผู้ควบคุมงานของจำเลยเป็นผู้สั่ง แต่เมื่อผู้ควบคุมงานมีหน้าที่ควบคุมให้การก่อสร้างเป็นไปตามแบบแปลน ไม่มีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขแบบแปลน โดยมิได้รับความยินยอมจากจำเลยหรือคณะกรรมการดูแลการก่อสร้างของจำเลย การที่โจทก์ก่อสร้างฐานรากอาคารบางกว่าแบบแปลนจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา และเมื่อโจทก์ไม่ยอมแก้ไขฐานรากให้ถูกต้อง จำเลยจึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลนจะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดกำไร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลย
ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างบางกว่าแบบแปลนจะแก้ไขให้ถูกต้องไม่ได้ นอกจากรื้อทิ้งแล้วก่อสร้างใหม่ ฐานรากที่โจทก์ก่อสร้างไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่จำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดกำไร และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความระงับหนี้จากสัญญาจะซื้อจะขาย การถอนฟ้องคดีอาญาถือเป็นการให้สัตยาบัน
จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งให้โจทก์ ได้รับเงินมัดจำไปแล้ว 25,000 บาท ถ้าผิดสัญญายอมให้โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายได้อีก 25,000 บาท แต่ต่อมาปรากฏว่าไม่มีที่ดินขายให้โจทก์ โจทก์จึงฟ้องจำเลยข้อหาฉ้อโกง ระหว่างพิจารณาคดีอาญาดังกล่าว ทนายโจทก์กับจำเลยได้ร่วมกันยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่โจทก์แล้ว 10,000 บาทส่วนที่เหลือ 20,000 บาท จำเลยจะนำมาชำระภายในเวลาที่กำหนด โจทก์ไม่ประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับจำเลยต่อไปโจทก์ขอถอนฟ้องและศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง ข้อตกลงของโจทก์จำเลยตามคำร้องดังกล่าวจึงเป็นการระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการเรียกร้องค่าเสียหายกรณีผิดสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กันข้อตกลงนี้จึงเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความทำให้มูลหนี้ตามสัญญาเดิมระงับ